ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1409 เขาทำเกินไปแล้ว (1)
เวลานี้ เสียงของเธอไม่ดัง แต่ภายในห้องนั้นกลับชัดเจนมาก น้ำเสียงของเธอไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ กลับไปเป็นธรรมชาติ เรียบเฉย เรียบเฉยเสียจนฟังไม่ออกถึงความผิดปกติใดๆเลย
ดวงตาของถังหลินนั้นเยือกเย็นขึ้นมาในทันที เขาจ้องมองเธอ จ้องมองเธออยู่แบบนั้น : “หลินเป้ย ผมปล่อยคุณเกินไปหรือเปล่า?”
เขาไม่อยากบีบบังคับเธอ เขาอยากจะค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่ตอนเช้าทั้งๆที่ท่าทีของเธอนั้นแตกต่างไปแล้ว ทั้งๆที่เธอพูดว่าเธอจะรอเขา แต่ตอนนี้กลับแสดงท่าทางเย็นชาแบบนี้?
ปกติแล้วถังหลินดูเป็นคนสุภาพสง่างาม แต่เขาก็ไม่ใช่คนนิสัยดีอะไรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว อีกทั้งเรื่องที่เขาอยากจะทำ ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปด้วย และจะไม่ยอมแพ้อย่างเด็ดขาด
ครั้งนี้เขามาประเทศR สาเหตุครึ่งหนึ่งก็เพราะเธอ ถ้าหากไม่มีเรื่องราวเมื่อคืนนี้และเช้าวันนี้ บางทีก็คงแค่ดูเธอ เห็นว่าเธอสบายดี บางทีก็อาจจะไม่ทำอะไรอีกก็ได้
แต่เช้านี้ทั้งๆที่เธอไม่ได้เป็นแบบนี้ ยั่วยวนเขา หลังจากนั้นก็จะถอยกลับไปแบบนี้อย่างนั้นหรือ?
เธอเห็นเขา ถังหลินเป็นอะไรกัน
หลินเป้ยได้ยินคำพูดของเขา มองดูท่าทางของเขา ในใจก็รู้สึกตกใจ เดิมทีเธอก็กลัวถังหลินอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่าทางแบบนี้ของถังหลินยิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิมอีก
“คุณถัง กรุณาระวังคำพูดด้วยนะคะ” หลินเป้ยรู้ว่าต่อให้ในใจเธอจะรู้สึกกลัว แต่ก็จำเป็นที่จะต้องยืนหยัดต่อไปเช่นกัน
“ระวังคำพูด…..” จู่ๆถังหลินก็หัวเราะออกมาเบาๆ : “เมื่อคืนตอนที่คุณนอนอยู่ที่ห้องผมทำไมไม่พูดว่าให้ระวังคำพูดด้วยล่ะ? เช้านี้ตอนที่คุณจูบผมทำไมไม่พูดว่าให้ระวังคำพูด?”
หลินเป้ยยืดตัวตรง เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว เมื่อคืนเธอหลับลึกมาก ตอนที่ถังหลินอุ้มเธอ เธอไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ
แต่หลินเป้ยรู้ คำพูดของเธอนั้นพูดออกมาคนอื่นก็คงไม่มีใครเชื่อ คนหนึ่งคนจะเหนื่อยขนาดไหนกันถึงได้หลับลึกขนาดนั้น?
ส่วนเรื่องของเช้าวันนี้?
นั่นเขาเป็นคนจูบเธอต่างหาก ตอนนี้เขาพูดมาแบบนี้ ดูเหมือนกับเธอเป็นฝ่ายรุกเอง ดูเหมือนว่าเธอยั่วยวนเขาเลยอย่างไรอย่างนั้น?
หลินเป้ยแอบหายใจออกมา เธอมองเขา ไม่ได้เอ่ยพูด แต่ความเย็นชานั้น ความห่างเหินนั้นกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“สรุปแล้วนี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ตอนเช้าไม่ใช่ว่ายังดีๆอยู่เลยหรือครับ?” ถังหลินมองดูท่าทางของเธอ รู้สึกโมโหอยู่บ้างแต่กลับไม่มีทางเลี่ยง เขาไม่เข้าใจ ไม่ได้เจอเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง จู่ๆเธอก็เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?” ถังหลินแอบคิดว่าจะเป็นเพราะที่เขาออกมาในช่วงไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้วเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
หลินเป้ยได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนลงมาอย่างเห็นได้ชัดของเขา ในใจรู้สึกเศร้าขึ้นมาบ้าง เธอรู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาโมโห อีกทั้งเมื่อครู่นี้เธอเองก็ตั้งใจทำให้เขาโมโหด้วยเช่นกัน เธอเองก็รู้ว่าวิธีของเธอเมื่อครู่นั้นก็เกินไปอีกด้วย
เธอทำให้ถังหลินโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว หลังจากนั้นก็จะสามารถขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน แต่เธอคิดไม่ถึงเลย ว่าจู่ๆเขาจะอ่อนลง
เธอเองก็เห็นความเป็นห่วงในดวงตาของเขาอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลานั้น หลินเป้ยรู้สึกว่าตัวเองดูเหมือนจะเมาไปกับความอ่อนโยนและความห่วงใยนี้ แต่เธอรู้ ว่าเธอเป็นเจ้าชายน้อยของประเทศR เป็นเจ้าชายน้อย ถ้าหากสถานะของเธอถูกเปิดเผยเข้า เธอกับแม่ของเธอก็จะไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังจะเกี่ยวข้องไปกับคนอื่นๆอีกด้วย
“บอกแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น? มีผมอยู่ ไม่ต้องกลัวนะ” ถังหลินเห็นว่าเธอไม่พูด น้ำเสียงก็ยิ่งอ่อนโยนมากขึ้นไปอีก ท่าทางเมื่อเช้ากับตอนนี้ของเธอช่างเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ถังหลินยังรู้สึกว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น” หลินเป้ยกัดฟัน ทำให้ตัวเองดูโหดร้ายขึ้นมา : “ฉันคือเจ้าชายน้อยของประเทศR จะเกิดอะไรขึ้นได้กัน ฉันมาตามคำสั่งของเจ้าชายว่าให้มาต้อนรับคุณถัง”
“หลินเป้ย คุณเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ เมื่อเช้าคุณยั่วยวนผม ตอนนี้ก็คิดจะเก็บกลับไปอีก นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย” ถังหลินได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก ผู้หญิงคนนี้เป็นแบบนี้ เมื่อก่อนตอนที่อยู่ที่ประเทศzก็เป็นแบบนี้
นี่ถึงจะเป็นเธอในแบบปกติ ที่ไม่ปกตินั้นควรจะเป็นเธอคนเมื่อคืนและเมื่อเช้านี้มากกว่า
เพียงแต่ถังหลินไม่เข้าใจ ว่าเช้าวันนี้ทำไมเธอถึงได้ดีกับเขาขนาดนั้น?
ในเมื่อตอนเช้าดีกับเขาขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงไม่ดีต่อไปให้ตลอด?!
“ฉันเปล่า” หลินเป้ยปฏิเสธโดยจิตใต้สำนึก เธอไม่ได้ยั่วยวนเขา เมื่อคืนนี้เธอเหนื่อยมากเกินไปจริงๆ ส่วนวันนี้เช้า…..
วันนี้เช้าก็คือเธอได้ยินมาว่าเขาจะไปพบคารู ก็เลยเป็นกังวล
“เปล่าอะไร? เมื่อคืนคุณไม่ได้นอนอยู่บนเตียงผมอย่างนั้นหรือ? และวันนี้เช้าอีกคุณไม่ได้จูบผมหรอกใช่ไหม?” ดวงตาคู่นั้นของถังหลินจ้องมองเธอ เวลานี้เขาตั้งใจที่จะบีบบังคับเธอ เขาจะไม่ให้เธอถอนตัวกลับไปแบบนี้อีก!!
เห็นปฏิกิริยาที่ดูเครียดและดูขาดความมั่นใจของเธอในเวลานี้ ในใจของถังหลินนั้นก็รู้สึกพอใจขึ้นมา
“ถังหลิน คุณจำเป็นที่จะต้องพูดออกมาแบบนั้นไหม? เมื่อวานนี้ฉันหลับลึกเกินไป ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ” หลินเป้ยรู้ว่าคำพูดของเธอถังหลินอาจจะไม่เชื่อ แต่ความจริงก็เป็นแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เช้าล่ะครับ? วันนี้เช้าตอนที่จูบคุณ ก็ไม่ใช่ว่าคุณให้ความร่วมมือดีหรอกหรือ?”ถังหลินคิดถึงเรื่องจูบเมื่อเช้านี้ ดวงตาก็อ่อนโยนขึ้นมาอีก เขาชอบเธอแบบเมื่อเช้านี้
“ฉันเปล่า คุณ…..” เดิมทีหลินเป้ยอยากจะพูดว่าเขาบังคับเธอ แต่คำพูดออกมาอยู่ที่ปากแล้วกลับทำไมถึงพูดไม่ออกกัน
“คุณพูดแล้วว่าจะรอผม ยังจำได้ใช่ไหม?” ถังหลินเข้าใจความหมายของเธอ มุมปากของเขาอดที่จะยกขึ้นมาไม่ได้ เพียงแค่เธอไม่มีทางทางที่เย็นชาแบบนั้นอีก เรื่องอื่นๆเขายิ่งรับได้ง่ายมาก!!
“ฉันพูดก็คือเรื่องของงานเลี้ยง เดิมทีเจ้าชายได้จัดการเอาไว้แล้ว ให้ฉันมาต้อนรับคุณ” หลินเป้ยดูตื่นเต้นอยู่บ้าง ในใจก็รู้สึกลนลาน รู้แบบนี้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นเธอก็ไม่พูดแบบนั้นแล้ว ประโยคนั้นทำให้คนเข้าใจผิดง่ายจริงๆ
ส่วนโค้งที่มุมปากของถังหลินหายไป ดวงตาก็ปรากฏความเย็นชามากขึ้นอีกด้วย : “ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณบอกมา ว่าตอนนี้คุณหมายความว่าอะไร?”
ผู้หญิงคนนี้ไม่มีวิธีใดที่จะมาเปลี่ยนทัศนคติได้เลย ทำให้คนรู้สึกปวดหัวมากจริงๆ เวลานี้ถังหลินไม่รู้เลยว่าสรุปแล้วเธอคิดอย่างไรกันแน่ ไม่เข้าใจเลยว่าเธอหมายความว่าอะไร
ถ้าหากเธอคิดจะปฏิเสธเขา ทำไมเมื่อคืนถึงได้แสดงออกมาแบบนั้น? ทำไมเมื่อคืนถึงยอมให้เขาอุ้มเธอเข้าห้องไป
เขาไม่เชื่อว่าเธอจะหลับไปจนไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกทั้งวันนี้เช้าท่าทางที่มีต่อเขาก็แตกต่างออกไปอีกด้วย ตอนที่เขาจูบเธอ ถึงแม้เธอจะมีการต่อต้านอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขืน และทั้งๆที่เขาพบว่าในตอนนั้นเธอเองก็มีความรู้สึกอยู่เหมือนกัน
“คุณก็เป็นคุณชายถังของคุณ ฉันก็เป็นเจ้าชายน้อยของฉัน นอกจากเรื่องงาน จะไม่มีเรื่องอื่นอีก……” หลินเป้ยแอบหายใจออกมา เธอบอกกับตัวเอง เพียงแค่แบบนี้ จำเป็นต้องทำแบบนี้
คำพูดของเธอยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆถังหลินก็ยื่นมือมาดึงตัวเธอ หลังจากนั้นก็ใช้แรงผลักเธอเข้ากับกำแพงด้านหนึ่ง แล้วริมฝีปากของเขาก็กดลงบนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็ว
เดิมทีหลินเป้ยเป็นเพราะความสงสัย ร่างกายจึงไม่สบายมาโดยตลอด เป็นเรื่องยากที่กว่าจะได้หลับสนิทอย่างเมื่อคืนนี้ วันนี้ตอนที่ทานข้างที่โรงแรม ก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็ไม่ได้มีอาการแพ้ท้องอีกด้วย
แต่ตอนนี้ถูกถังหลินทั้งผลักทั้งเหวี่ยงแบบนี้ หลินเป้ยรู้สึกว่าร่างกายถูกชน ถูกกด ความรู้สึกไม่สบายแบบนั้นพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
ดังนั้นถังหลินยังไม่ทันได้จูบลงบนริมฝีปากของเธอ หลินเป้ยก็เริ่มคลื่นไส้ขึ้นมา
ถังหลินตกตะลึง งุนงงไปเลย เขาจูบเธอ ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนขนาดนี้เลยหรือ?
ทันใดนั้นเอง มือของถังหลินก็คลายลงโดยจิตใต้สำนึก แล้วหลินเป้ยก็อาศัยจังหวะนี้ดิ้นออกมาจากเขา แล้วเดินไปอีกทางด้านหนึ่ง เธอคลื่นไส้ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็พยายามกลั้นเอาไว้ ดีที่ตอนกลางวันเธอไม่ได้ทานอะไร ไม่ได้อาเจียนอะไรออกมาจริงๆ
ถังหลินมองเธอ สีหน้ามืดมนมาก และมีลักษณะท่าทางที่ดูซับซ้อนมากอีกด้วย : “น่าคลื่นไส้อาเจียนขนาดนั้นเลยหรือครับ?”
เขาจูบเธอทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนขนาดนั้นเลยหรือ?
หลินเป้ยเป็นเพราะคลื่นไส้จึงกำลังรู้สึกไม่สบาย ได้ยินคำพูดของถังหลินแล้ว เธอก็ตอบกลับไปโดยจิตใต้สำนึก จะต้องคลื่นไส้อาเจียนจริงๆอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่คลื่นไส้แบบนี้
แต่ หลังจากนั้น หลินเป้ยดึงสติกลับมาแล้ว จู่ๆเธอก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ถังหลินเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของเธอแล้ว จะรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์หรือเปล่า?
หลินเป้ยเงยหน้าขึ้นมามองเขา อยากจะดูว่าเขาพบเจออะไรหรือเปล่า เพียงแต่ตอนที่เห็นถังหลินดูอึ้งไปแบบนั้น ดูน้อยใจ และมีอาการเหมือนกับได้รับบาดเจ็บนั้น หลินเป้ยก็รู้สึกอึ้งไป
หลินเป้ยกะพริบตา เธอรู้สึกว่าถังหลินคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้ว
แน่นอนว่าหลินเป็นคนฉลาด เธอเข้าใจทันทีว่าถังหลินเข้าใจผิดเรื่องอะไร แต่หลินเป้ยไม่ได้อธิบาย ในทางตรงกันข้ามเธอรู้สึกว่าให้ถังหลินเข้าใจผิดไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“คุณถัง ฉันรู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียนจริงๆ เพราะฉะนั้นต่อไปขอให้คุณอย่าทำเรื่องแบบนี้อีกนะคะ” หลินเป้ยมีเจตนาที่จะทำให้ถังหลินเข้าใจผิด
ถังหลินมองเธอ ไม่ได้เอ่ยพูด สีหน้าหนักหน่วง ดวงตามืดมน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่?!