ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1435 ‘ฉลาดปราดเปรื่อง’เหลือเกิน (1)
สาวใช้ด้านข้างหูตาว่องไว รีบประคองคุณย่าเย่ไว้
“คุณย่าอย่าโมโหเลย ผมรู้ว่าพวกเขาพูดมั่ว ผมจะหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้เอง” เย่ซือฉุนไม่ได้มองคุณย่าเย่โซเซเลยสักนิด เขาเอามือถือคล้ายจะตอบกลับอะไรบางอย่าง
เรื่องเป็นเช่นนี้ จึงเอิกเกริกจนอยู่เหนือการควบคุมของคุณย่าเย่แล้ว!
“นายจะแก้ไขยังไง?ไม่ก่อเรื่องอีกก็ถือว่าดีถมเถแล้ว” เวลานี้คุณย่าเย่ชิงชังจนขบฟัน หากไม่ใช่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ท่านก็อยากให้คนโยนเย่ซือฉุนออกไปให้พ้นๆตาทันที
“คุณย่าผมไม่ได้ทำผิดอะไรนี่?ผมทำผิดอะไรเหรอ?” เย่ซือฉุนพูดแบบใสซื่อสุดๆ
คุณย่าเย่โกรธขึ้ง สีหน้าเคร่มขรึมหลายส่วน เพลิงโทสะในใจก็ลุกโชติช่วงไม่หยุดหย่อน “วันนี้เป็นวันอะไรนายไม่รู้เหรอ?”
“ผมแค่อยากทวงความยุติธรรมให้ย่ากับปู่ คุณย่า คุณปู่โทรหาเย่ซือเฉินจริงๆหรือเปล่า?”เย่ซือฉุนทำเหมือนไม่เห็นคุณย่าเย่โกรธ วันนี้เขาฉีกหน้ากากคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ต่อหน้าสาธารณชน ไม่ใช่เพียงเพื่อเย่ซือเฉินเท่านั้น ยังทำเพื่อตัวเองอีกด้วย เขาไม่อยากโดนคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เล่นงานภายหลัง!!
“นายสาระแนมายุ่งเรื่องของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?”คุณปู่เย่รู้ว่าปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปไม่ได้ เขาก็ไม่อยากหลบอยู่แต่ชั้นบน ตอนเขาเดินมาถึงบันไดก็ได้ยินเย่ซือฉุนพูดแบบนี้ ดวงตาของเขาก็หรี่ขึ้น พลางมองอีกฝ่ายอย่างเย็นเยียบ
ผู้คนเห็นคุณปู่เย่ปรากฏตัวเสียที จึงเริ่มกระซิบกระซาบไม่หยุดหย่อน ทว่าแววตาคนดูสีสันก็เปลี่ยนไป ล้วนอยากทราบว่าคุณปู่เย่จะพูดต่อเรื่องนี้อย่างไร?
“คุณปู่ลงมาได้เสียที ปู่รีบบอกทุกคนว่าเคยโทรหาเย่ซือเฉินกี่สาย?ก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินปฏิเสธใช่ไหม?”เย่ซือฉุนไม่ได้หวาดกลัวกับสายตาพิฆาตของคุณปู่เย่ ทางกลับกัน ยิ่งรู้สึกอดหัวเราะเยาะในใจไม่ได้
เมื่อก่อนเขารู้ภาพลักษณ์เป็นคนใจเสาะกลัวโน่นกลัวนี้ ซึ่งล้วนเป็นเพียงการตบตาเท่านั้น อันที่จริงเขาไม่ได้กลัวพวกท่านเลย คุณปู่เย่รับเขากลับมา นอกจากให้เงินแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ได้ใส่ใจเขามากนัก สำหรับเรื่องการรักใคร่เอ็นดูนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง แล้วทำไมเขาต้องกลัวพวกท่านด้วย?
คุณปู่ที่กำลังเดินตรงบันไดอึ้งทันควัน แววตาตักเตือนกับน้ำเสียงเข้มขรึมของเขาเมื่อครู่ชัดเจนมากแล้ว เขาคิดว่าเย่ซือฉุนะจตกใจกลัวเสียอีก
ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเย่ซือฉุนยังถามต่อหน้าผู้คนอีก
โง่ดักดานจริงๆ!!
“หุบปาก อย่ามาพูดไหลเหลวที่นี่” คุณปู่เย่รู้สึกโกรธจัด เขารู้ว่าคนจำนวนมากกำลังดูความครึ้มเคร่ง และเขาก็รู้ว่าเรื่องถึงขั้นนี้ ต้องมีคนสงสัยจำนวนมากแน่ ซึ่งดูได้จากการคอมเมนต์ที่รุมด่าเขา
ดังนั้นอธิบายตอนนี้ก็ไร้ความหมาย เพราะเป็นความจริงอยู่แล้ว อธิบายตอนนี้ก็เท่ากับพูดโกหก ซึ่งความลวงโลกมักเปิดโปงง่ายเสมอ
ตอนนี้หาวิธีกลบเรื่องนี้ก่อน ปล่อยให้แย่กว่านี้ไม่ได้แล้ว
ดังนั้น คุณปู่เย่จึงด่าเย่ซือฉุนต่อหน้าผู้คน!!
คุณปู่เย่ตะคอกอย่างนี้ เย่ซือฉุนก็แบะปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก กลับไปนั่งคุกเข่าอย่างเชื่อฟังต่อ
เย่ซือเฉินไม่สะทกสะท้าน เขายืนอยู่หน้าห้องเซ่นไหว้ศพ ก่อนจะเอาธูปมาจุดไฟ แล้ววางเข้ากระถางธูป จากนั้นก็คุกเข่าลง ต่อด้วยโขกศีรษะอย่างมีมารยาท จากนั้นก็เผากระดาษเผา ระหว่างที่เย่ซือเฉินทำพวกนี้ สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น ทว่าคนรอบข้างกลับรู้สึกกดดันแบบหายใจเกือบไม่ออก
เย่ซือเฉินไม่เหลียวมองคุณปู่เย่แม้แต่ปราดเดียว ราวกับคุณปู่เย่ไม่อยู่เสียอย่างนั้น!!
คุณปู่เย่ถูกมองข้ามเช่นนี้พลันรู้สึกฉุนเฉียว ทว่าเขารู้ว่าโมโหเวลานี้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับเย่ซือเฉิน
“ซือเฉินกลับมาแล้วเหรอ กลับมาก็ดีแล้ว รีบเดินทางไกลกลับมาคงเหนื่อยน่าดู” คุณปู่เย่มองเย่ซือเฉินด้วยใบหน้าโอบอ้อมอารี ดูผิวเผินจะเป็นคำธรรมดา ทว่าแต่แฝงนัยยะไว้หลายอย่าง
คำว่ารีบเดินทางไกลยิ่งมีความหมายลึกซึ้ง ดูคล้ายกับหาเหตุผลที่เย่ซือเฉินมาสายให้ ทว่ายิ่งบ่งชี้ว่าเขาเข้าใจที่เย่ซือเฉินมาสาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถอธิบายคำถามที่ว่าโทรหาเย่ซือเฉินหรือไม่อย่างลงตัว
หากคุณปู่เย่ไม่โทรหาเย่ซือเฉิน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเย่ซือเฉินเดินทางกลับมาจากที่ไกล?
เย่ซือฉุนเหยียดยิ้มในใจ จิ้งจอกเฒ่าก็คือจิ้งจอกเฒ่า เจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ ทว่าเย่ซือฉุนก็รู้ว่า แขกในงานล้วนเป็นคนฉลาด คงไม่เชื่อคำพูดของคุณปู่เย่หรอก
ถือว่าเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว!!
เย่ซือเฉินไม่ได้แยแสคุณปู่เย่ ไม่เหลียวมองคุณปู่เย่ เขาโขกศีรษะเสร็จก็เดินไปอยู่ด้านข้างเย่ซือฉุน จากนั้นก็คุกเข่าอยู่ด้านข้าง
ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ญาติขอบคุณแขก ทว่าตอนนี้ผู้มาร่วมงานได้จุดธูปเรียบร้อยกันหมดแล้ว จึงไม่มีใครเข้ามา ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงคุกเข่าเงียบๆ
คุณปู่เย่รู้สึกจุกกลางใจ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทว่าตอนนี้ก็ได้แต่อดทน สถานการณ์ที่พึ่งควบคุมอย่างยากลำบากจะพังทลายอีกไม่ได้
เย่ซือเฉินอยู่เงียบๆก็ดี ถ้าหากเย่ซือเฉินปะทะกับเขา พูดความจริงออกมาคงจะแย่แน่!!
ตระหนักสิ่งเหล่านี้ได้ คุณปู่เย่จึงกดไฟโทสะลงได้
เวลาเดียวกันก็มีแขกเข้ามา ซึ่งขบวนยิ่งใหญ่เอาการ ด้านหน้ามีสามคน ด้านหลังมีบอดี้การ์ดยืนเรียงเป็นสองแถว
ทุกคนเห็นภาพนี้ก็อึ้ง อันนี้คือมาไว้อาลัยหรือมาหาเรื่องกันแน่?
ไม่นานก็มีคนดูออกว่าเป็นใคร
“นี่มันคนขององค์กรโกสต์ซิตี้นี่!!”
“ทำไมคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ถึงมาได้ล่ะ?องค์กรโกสต์ซิตี้กับบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปไปมาหาสู่กันเหรอ?”
“หลายวันก่อน คุณชายสามเย่โดนเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ออกนอกประตู จากนั้นคุณปู่เย่ก็เกี่ยวดองกับองค์กรโกสต์ซิตี้ อยากให้คุณชายสามเย่แต่งงานกับองค์หญิงคนนี้ ทว่าคุณชายสามเย่ประกาศตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเย่ จึงเท่ากับปฏิเสธการเกี่ยวดองกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ ซึ่งเป็นการหยามเกียรติขององค์กรโกสต์ซิตี้เลยนะ”
“ดังนั้นองค์กรโกสต์ซิตี้คือมาหาเรื่องเหรอ?”
“สถานที่วันนี้ไม่เหมาะที่จะมาหาเรื่องมั้ง?”
“คนที่เดินด้านหน้าไม่ใช่องค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ที่พึงตามตัวเจอเหรอ?เธอมาคิดบัญชีด้วยตัวเองเหรอ?”
ผู้คนซุบซิบเซ็งแซ่เสียงเบา ล้วนรอดูสีสันกันทั่วหน้า เรื่องหนึ่งจบไปก็ต่อด้วยอีกเรื่องหนึ่ง วันนี้ช่างคึกคักจริงแท้
เฉิงโหรวโหรวเข้ามาห้องเซ่นไหว้ศพแล้วจุดธูป จากนั้นก็คำนับ จากนั้นผู้ที่ติดตามเฉิงโหรวโหรวมาด้วยอย่างเจิ้งฉงกับไป๋หยิงก็คำนับตาม
ทุกอย่างดูเหมือนปกติดี ทว่าต่อมา เมื่อเฉิงโหรวโหรวจุดธุปเสร็จก็คุกเข่าโขกศีรษะสามครั้ง
การกระทำของเฉิงโหรวโหรวทำให้ผู้คนมึนงง เพราะคนทั่วไปแค่คำนับเฉยๆ มีเพียงญาติผู้ตายเท่านั้นถึงจะคุกเข่าโขกศีรษะ เฉิงโหรวโหรวทำอย่างนี้ทำไม?
เหมือนเฉิงโหรวโหรวกับตระกูลเย่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยสักนิด?
หากทุกคนไม่รู้ว่าเฉิงโหรวโหรวคือองค์หญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่แน่อาจคิดว่าเฉิงโหรวโหรวคือลูกสาวนอกสมรสของเย่โป๋เหวิน!!!
เย่ซือฉุนที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างก็มึนไปหมด ลืมคำนับตอบ นี่มันเป็นใครกัน?ไอ้เหี้ย ทำแบบนี้ทำไม?!
เย่ซือเฉินไม่เปลี่ยนสี ทั้งยังคำนับตามขนบธรรมเนียบ เขาในฐานะลูกชายแท้ๆของผู้ตาย เขาย่อมไม่อาจตำหนิผู้อื่นมาไหว้ในพิธี
เย่ซือเฉินไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายในสถานที่อย่างนี้ แน่นอน แต่ไหนแต่ไร เย่ซือเฉินก็ไม่ใช่คนอาละวาดต่อหน้าผู้คนอยู่แล้ว เขาทำอะไรมักจะจี้ให้ตรงจุดึแบบไม่ให้รู้ตัวเสมอ!!
สมองเย่ซือฉุนหมุนไม่ทัน ทว่าเห็นเย่ซือเฉินคำนับกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาก็รีบทำตาม
คนตระกูลเย่ไม่ได้พูดอะไร แม้แต่เย่ซือเฉินก็ไม่มีท่าทีอะไร คนอื่นจึงไม่มีทางยุ่งเรื่องนี้ เพียงแค่คนส่วนมากมองเฉิงโหรวโหรวด้วยแววตาสงสัย
เฉิงโหรวโหรวคนนี้คืออะไรกันแน่?
ทำไมเธอต้องพิธีรีตองเสียอย่างใหญ่ขนาดนี้ด้วย?!
วันนี้เป็นพิธีไหว้ศพวันแรก คนที่ทราบข่าวก็รีบมาจุดธูปแล้วทยอยกลับไป
ดังนั้นเมื่อดูสีสันหนำใจแล้ว คนส่วนมากก็พากันกลับไปหมด
เจิ้งฉงกับไป๋หยิงก็กลับไปด้วย ทว่าเฉิงโหรวโหรวไม่ได้ไปไหน เฉิงโหรวโหรวยังคงคุกเข่าในห้องเซ่นไหว้ศพ ไม่มีท่าทีจะกลับไปเลยสักนิด!!
มันผิดปกติไปนะ!!