ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1443 ท่าทีของคุณชายสามเย่ (1)
คุณชายสามเย่หยุดเดิน ดวงตาทั้งคู่มองที่นักข่าว……
ถึงแม้นักข่าวอยากรู้คำตอบมาก ทว่าเมื่อเย่ซือเฉินหยุดเดิน แล้วยังมองมาอย่างนี้ มีนักข่าวหลายคนอดตัวเกร็งแล้วถอยหลังไม่ได้
ใครๆก็รู้ว่ารังควานกับคุณชายสามเย่ไม่ได้!!
เมื่อกี้พวกเขาคิดว่ามีนักข่าวหลายสำนัก คุณชายสามเย่คงไม่เอาเรื่องกันทั้งหมด ดังนั้นจึงพากันเข้ามาโอบล้อม แต่เมื่อเห็นสายตาคุณชายสามเย่แล้วทุกคนก็ต้องช็อก
บรรยากาศเงียบสงัดชั่วพริบตา ถึงแม้นักข่าวบางคนยังไม่ถอยหลัง ทว่าก็ไม่กล้าถามอะไรอีก
ปกติถามอะไรคุณชายสามเย่ก็ไม่ค่อยได้คำถามอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้งานศพเย่โป๋เหวินพึ่งเสร็จสิ้น สภาพจิตใจของคุณชายสามเย่ต้องไม่ดีแน่
นักข่าวไม่กล้าเพ้อฝันว่าคุณชายสามเย่จะตอบพวกเขา แค่หวังว่าไม่ทำให้คุณชายสามเย่เคืองใจเป็นพอ
ทว่าคุณชายสามเย่มองนักข่าวที่อยู่ด้วยแล้วก็เอ่ยปากพูดกะทันหัน “ผมตัดขาดกับตระกูลเย่แล้ว กลับไปเพราะต้องทำหน้าที่ลูกที่กัตญญู ผมกับตระกูลเย่ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว ผมจึงเป็นแขกด้วย ไม่ใช่เจ้าบ้าน ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเย่ไม่เกี่ยวกับผม”
เย่ซือเฉินพูดชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนยังไงแล้ว ถึงแม้ไม่ได้ตอบเรื่ององค์กรโกสต์ซิตี้โดยตรง ทว่าท่าทีของเย่ซือเฉินชัดแจ้งมาก
ความหมายของเย่ซือเฉินก็คือ เขากลับไปในฐานะแขกคนหนึ่ง ไม่ใช่เจ้าบ้าน ดังนั้นตระกูลเย่ให้ใครอยู่ให้ใครไป และเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเย่ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจัดการ
คนที่ควรจัดการคือคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ ไม่เกี่ยวกับเขา
คำพูดของเย่ซือเฉินเท่ากับว่า คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จัดการเองทั้งหมด เขาเป็นแค่แขก ไม่อาจจัดการเรื่องภายในของตระกูลเย่ได้
ดังนั้น เขาไม่อาจตัดสินได้ว่า ตระกูลเย่จะรั้งใครให้อยู่ มันไม่เกี่ยวกับเขาเลย
เย่ซือเฉินพูดชัดเจนขนาดนี้ ใครยังไม่เข้าใจอีก?ยิ่งเป็นนักข่าวด้วยแล้ว ยิ่งมีความสามารถจับใจความได้ดีเยี่ยม
“ความหมายของคุณชายสามเย่ก็คือคุณไม่แต่งงานกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้เหรอครับ และไม่กลับบ้านตระกูลเย่ด้วยใช่ไหมครับ?” ทว่าก็มีนักข่าวอดถามไม่ได้ ยังอยากได้คำถามที่ชัดเจนกว่า
คนที่ตั้งคำถามนี้เป็นนักข่าวอายุน้อย เขาถามออกมาแล้ว นักข่าวคนอื่นต่างก็มองเขาด้วยแววตานับถือหลายส่วน ดังนั้น วัวที่เกิดใหม่ไม่ยำเกรงพยัค เมื่อครู่เย่ซือเฉินตอบแล้ว คนนี้ยังกล้าไล่ถามอีก?!
นิสัยปกติของคุณชายสามเย่แล้ว คงไม่มีทางตอบเขาหรอก?ไม่ใช่คนไล่เขาไปก็ดีถมเถแล้ว
“ใช่” ทว่ากลับทำให้ทุกคนประหลาดใจ เย่ซือเฉินตอบแล้ว ตอบคำที่เรียบง่ายมากๆ ทว่ากลับหนักแน่น ไม่ให้รู้สึกสงสัยอย่างอื่นได้เลย
นักข่าวทุกคนต่างอึ้ง เอ๋?วันนี้คุณชายสามเย่พูดง่ายจัง ถามอะไรก็ตอบหมด!!
เวลานี้คุณปู่เย่ที่เดินมาก็ได้ยินด้วย“เย่ซือเฉินพูดเรื่อยเปื่อยอะไรกับนักข่าว?”
หลายวันมานี้ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของพวกท่าน เย่ซือเฉินกลับมาบ้านตระกูลเย่ ไม่เคยออกไปไหน และทุกคืนที่เฝ้าไว้อาลัยเย่โป๋เหวิน เฉิงโหรวโหรวก็อยู่กับเย่ซือเฉินตลอด ซึ่งเย่ซือเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย
รูปถ่ายและข่าวที่คุณย่าเย่ให้เปิดเผยก็ได้ผลลัพธ์ที่ดี ทุกอย่างอยู่ในขอบเขตที่พวกท่านตั้งไว้ คุณปู่เย่กำลังแอบดีใจอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าเขาพึ่งออกจากสุสานก็ได้ยินคำเหล่านี้ คุณปู่เย่จึงระเบิดอารมณ์ทันที!
เย่ซือเฉินไม่สนใจเขา แค่มองแวบเดียวก็ไม่มี เขาก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า สิ่งที่เขาควรพูด เขาก็พูดกระจ่างแล้ว อย่างอื่นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องปวดหัว
“เย่ซือเฉิน หยุดเดี๋ยวนี้นะ นายทำท่าอะไรอยู่?ฉันเป็นปู่ของนายนะ นายทำอย่างนี้กับฉันเหรอ?” เดิมทีไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาแล้ว เมื่อเห็นเย่ซือเฉินไม่แยแสตน เขาก็ยิ่งโกรธจัดมากขึ้น
คุณย่าเย่เห็นท่าทีของเย่ซือเฉินก็ตกใจ ท่านไม่คิดว่าเย่ซือเฉินจะพูดกับนักข่าวอย่างนี้
คุณย่าเย่รู้ว่าหากตอนนี้ท่านไม่กู้สถานการณ์ เช่นนั้นทุกอย่างที่ทำก่อนหน้านี้ก็จะเปล่าประโยชน์
คุณย่าเย่รู้จักเย่ซือเฉิน ท่านรู้ว่าคุณปู่เย่ตะคอกไปก็ไม่มีความหมาย
คุณย่าเย่รีบเดินไปด้านหน้าเย่ซือเฉินอย่างรวดเร็ว“ซือเฉิน ไม่ต้องมีปากเสียงกับคุณปู่ด้านนอกเสีย กลับไปแล้วค่อยคุยกัน หลายวันนี้หลานก็เหนื่อยกับงานศพคุณพ่อมากแล้ว หลานกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
เย่ซือเฉินหันไปมองคุณย่าเย่ปราดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร เท้าก็ไม่เคยหยุดก้าน เขาเดินต่อไปด้านหน้า
ใบหน้าคุณย่าเย่มืดมน ทว่ายังคงพยายามปั้นรอยยิ้มขึ้นมา“รถพวกเราอยู่ด้านหน้า กลับด้วยกันเถอะ”
ตรงสุสานแห่งนี้มีเส้นทางกลับบ้านสายเดียว มีลานจอดรถด้านหน้าแห่งเดียว รถทุกคันจึงจอดอยู่ด้านหน้านี้ คุณย่าเย่พูดแบบนี้เพื่อกู้หน้าตาของตัวเองกลับมา และที่พูดแบบนี้เพราะอยากให้คนอื่นคิดว่าเย่ซือเฉินจะกลับบ้านตระกูลเย่ ถึงแม้คุณย่าเย่จะรู้ดีว่า ท่าทีของเย่ซือเฉินเช่นนี้คือไม่คิดจะกลับบ้านตระกูลเย่!!
ครั้งนี้เย่ซือเฉินหยุดเดินในที่สุด เขาหันไปมองคุณย่าเย่ด้วยแววตาเรียบเฉย เรียบเฉยจนไม่มีอารมณ์ใดๆ “คุณย่าเย่ ผมประกาศตัดขาดกับตระกูลเย่แล้ว ผมกับตระกูลเย่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก ดังนั้นผมไม่กลับบ้านตระกูลเย่อีก”
เย่ซือเฉินเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง เขาจะไม่เข้าใจเจตนาของคุณย่าเย่ได้อย่างไร คุณย่าเย่จงใจทำให้คนเข้าใจผิด ทว่าตอนนี้เขาไม่อนุญาตให้เกิดการเข้าใจผิดนี้ขึ้น
ถูกพวกท่านวางแผนร้ายหลายหน ความรู้สึกดีๆที่เย่ซือเฉินมีต่อพวกท่านเริ่มหายไปทีละนิด จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ตอนนี้ในสายตาเขา คุณย่าเย่ก็คือคนแปลกหน้าคนหนึ่ง!
“ซือเฉิน ย่ารู้ว่าพ่อหลานพึ่งเสียไป หลานกำลังเสียใจอยู่ พวกเรากลับไปแล้วค่อยว่ากัน กลับกันก่อนนะ”คุณย่าเย่ที่ฝืนยิ้มอยู่ก็ต้องแข็งค้าง อดโมโหไม่ได้ ทว่าเวลานี้ท่านรู้ว่าจะโมโหใส่เย่ซือเฉินไม่ได้
เย่ซือเฉิงมองไปยังคุณย่าเย่ มุมปากยกยิ้มเย็นเยียบ เขาพูดชัดเจนอย่างนี้แล้ว คุณย่าเย่ยังคิดจะวางอุบายกับเขาอีก
เย่ซือเฉินขี้เกียจพูดจาไร้สาระกับพวกท่าน เลขาหลิวรออยู่ด้านหน้าแล้ว เขาเดินไปหาเลขาหลิวทันที
“ซือเฉิน ย่าไม่เข้าใจว่าหลานกำลังโกรธอะไร สิ่งที่พวกเราทำทั้งหมดล้วนหวังดีกับหลาน ย่ากับปู่อายุมากแล้ว ทุกอย่างในตระกูลเย่ล้วนเป็นของหลาน ย่ากับปู่จะมอบให้หลาน พวกเราอยากเห็นหลานมีความสุขนะ” คุณย่าเย่เห็นเย่ซือเฉินยังคิดจะไป ท่านรู้ว่าขวางเย่ซือเฉินไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้ไม้แข็ง เปลี่ยนวิธีใหม่
“ไม่ว่าซือเฉินจะปฏิบัติต่อพวกเรายังไง พวกเราก็ไม่ใส่ใจ พวกเราเป็นครอบครัวของหลาน ไม่โกรธหลานหรอก แต่สามวันมานี้องค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้อยู่เฝ้าไว้อาลัยศพกับหลานสามวัน เธอทำเพื่อหลานมากมายเช่นนี้ หลานจะทำให้เธอเสียใจเหรอ?” คุณย่าเย่พูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนได้ยินชัดแจ้งกันหมด
นักข่าวพวกนั้นได้ยินคุณย่าเย่พูด ต่างก็พากันตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ
“ซือเฉิน เรื่องนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงขององค์กรโกสต์ซิตี้ หลานจะทำลายผู้หญิงดีๆอย่างนี้ไม่ได้นะ” คุณย่าเย่รับรู้การเคลื่อนไหวของนักข่าว ดังนั้นท่านจึงพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
เย่ซือเฉินเหยียมยิ้มเย็นชา รู้สึกแดกดันยิ่งนัก เขาทำให้องค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้เสียใจ เขาทำลายผู้หญิงคนหนึ่ง?
ไอ้สัตว์เอ้ย มันเกี่ยวกับอะไรกับเขาว่ะ?!
“ย่าของนายพูดถูก นายรังแกผู้หญิงไม่ได้ นายต้องรับผิดชอบ” คุณปู่เย่รีบเสริมหนึ่งประโยคทันควัน นี่คือเป้าหมายหลักของพวกท่าน จำเป็นต้องให้เย่ซือเฉินแต่งงานกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ให้ได้
“รับผิดชอบ?คุณปู่เย่จะให้ผมรับผิดชอบยังไง?” รอยยิ้มเย้ยหยันตรงมุมปากเย่ซือเฉินค่อยๆเบ่งบาน หนาวเหน็บจนชวนให้คนขนลุกชัน ทว่าน้ำเสียงของเย่ซือเฉินเฉยเมยมาก ฟังอารมณ์ไม่ค่อยออก
“ก็ต้องแต่งงานกับเธอหนะสิ นายต้องแต่งงานกับองค์หญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ ฉันกับย่านายเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้” ดวงตาคุณปู่เย่เป็นประกายแวววาว พูดอย่างกับมีหลักการอย่างยิ่งยวด
“คุณเห็นด้วยแล้วเกี่ยวอะไรกับผม คุณปู่เย่คงลืมไปแล้วใช่ไหมว่า ผมไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเย่อีก” เวลานี้น้ำเสียงของเย่ซือเฉินราบเรียบมาก ทว่ากลับชวนให้หนาวสะท้านสุดๆ