ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1458 ตรวจดีเอ็นเอ(2)
เพราะเห็นท่าทีที่หวงแหนของหัวหน้าน้อยที่มีต่อเจ้าหญิงตัวจริงขององค์กรโกสต์ซิตี้ ดังนั้นเท่าที่ดูจากหัวหน้าน้อยแล้ว เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ยังไงก็ดีไปหมดทุกอย่าง
หากเฉิงโหรวโหรวเองยังยอมรับว่าเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้หน้าตาดีจริงๆ งั้นก็คงจะสวยดั่งที่ว่าจริงๆแล้วล่ะ!!
เฉิงโหรวโหรวเป็นคนไม่มีความคิดซับซ้อนอะไร เมื่อนักข่าวถามคำถามนี้ เธอก็นึกไปถึงใบหน้าที่ชวนหลงใหลของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง คนที่กักเก็บอารมณ์ความรู้สึกไม่เป็นอย่างเธอ ใบหน้าก็มีความริษยาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
เมื่อนักข่าวเห็นปฏิกิริยาของเฉิงโหรวโหรว ต่างก็มีคำตอบในใจแล้ว ดูๆไปแล้ว เจ้าหญิงตัวจริงขององค์กรโกสต์ซิตี้คงจะสวยจริงๆ
“คุณเฉิง คุณบังคับให้คุณชายสามเย่แต่งงานกับคุณ มันเกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงตัวจริงขององค์กรโกสต์ซิตี้ด้วยใช่ไหม?” ปฏิกิริยาของนักข่าวที่ถามคำถามนี้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว หากคำถามนี้มีคำตอบ งั้นก็จะตีวงให้แคบลงไปได้อีกมาก
เพราะหญิงสาวที่จะมีความสัมพันธ์กับคุณชายสามเย่ได้ก็มีอยู่ไม่มาก!!
เฉิงโหรวโหรวตกใจ ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร ในตอนนี้เอง ก็มีรถหลายคันที่ไม่ทราบทะเบียน แต่ดูก็รู้ว่าเป็นรถหรูขับเข้ามาเทียบจอดอยู่ทางด้านข้างของทุกคน
รถทั้งหลายเทียบจอดอยู่ข้างๆกับนักข่าวที่รายล้อมเฉิงโหรวโหรวเอาไว้ จอดใกล้จนล้อรถแทบจะทับเข้ากับเท้าของนักข่าว
ทันทีทันใด นักข่าวต่างก็พากันตกใจ รีบถอยร่นออกไป มีบางคนที่ขวัญอ่อนอดไม่ได้จนกรีดร้องออกมา ทันใดนั้นทั่วบริเวณก็เกิดความโกลาหลขึ้น นักข่าวต่างก็ไม่สนใจที่จะถามอะไรเฉิงโหรวโหรวอีก และไม่มีคนสังเกตเห็นท่าทีเมื่อครู่ของเฉิงโหรวโหรว เพราะหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ รักษาชีวิตรอดนั้นสำคัญกว่า ใครจะยังไปสนใจเรื่องอื่นได้อีก ?!
รถเหล่านั้นหยุดจอด บนรถก็มีคนใส่ชุดดำลงมาสองสามคน คนที่ลงจากรถดูไปแล้วก็ไม่น่าจะเป็นพวกน่ามีเรื่องด้วยสักเท่าไร
นักข่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็ไม่กล้าที่จะบีบบังคับถามเอาคำตอบอะไรกับเฉิงโหรวโหรวอีก ทุกคนต่างพากันหวาดเกรงจนแทบไม่กล้าหายใจ
เฉิงโหรวโหรวเองก็ตกใจกลัวจนเข่าอ่อน ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ไปชั่วขณะ
ชายในชุดดำท่าทีเกรงขามเดินตรงมาหาเฉิงโหรวโหรว“คุณเฉิง เชิญครับ”
แม้ชายชุดดำจะพูดคำว่าเชิญ แต่ท่าทีที่แสดงออกมาไม่มีความสุภาพอะไรเลย ขาดก็แต่จะจับตัวเฉิงโหรวโหรวมัดแล้วเหวี่ยงขึ้นรถไปก็เท่านั้น
“พวกคุณเป็นใคร ? จะทำอะไร ?”จู่ๆเฉิงโหรวโหรวก็ส่งเสียงร้องออกมา หวาดกลัวอย่างสุดขีด เสียงแสบไปถึงแก้วหู
“เราเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ มาตามคำสั่งของหัวหน้าน้อย หัวหน้าน้อยบอกว่า คำพูดบางคำไม่พูดมันจะดีเสียกว่า ไม่งั้นปัญหาใหญ่อาจตามมาก็ได้”
คนที่พูดคำนี้ คำพูดของเขาไม่เพียงแต่จะตอบคำถามของเฉิงโหรวโหรว เห็นชัดว่าต้องการพูดกับนักข่าวด้วย บ่งบอกชัดเจนว่านี่มันคือคำเตือน
แม้นักข่าวที่อยู่ในบริเวณนี้จะเคยพบเจอมาหลากหลายเหตุการณ์ แต่ก็น้อยครั้งนักที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี้ พวกเขาต่างเคยเห็นบอดี้การ์ด แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจอคนที่มีอำนาจและมีพลัง อีกทั้งน่าเกรงขามอะไรแบบนี้
คนพวกนั้นล้วนหน้าตาดี แต่ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหน ก็มีไอสังหารแผ่ซ่านออกมาตามรอบๆตัว ราวก็พร้อมที่จะฆ่าคนปิดปากได้ทุกเมื่อ
ยิ่งเห็นความหวาดกลัวของผู้คนที่มีต่อองค์กรโกสต์ซิตี้ นักข่าวที่อยู่ในที่นี้ต่างก็พากันหัวหดไปตามๆกัน
ในตอนนี้ ที่ทุกคนคิดได้ก็คือจะรักษาชีวิตตัวเองยังไง เรื่องอื่นก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรอีกแล้ว
ชายชุดดำไม่ได้ทำอะไร เฉิงโหรวโหรวไม่อยากขึ้นรถไปด้วย แต่ภายใต้การมองดูของชายชุดดำ เธอก็ก้าวขาที่สั่นเทาออกแล้วค่อยๆพาร่างตัวเองขึ้นไปบนรถ
หลังจากที่รถแล่นออกไปแล้ว นักข่าวก็ถึงจะมาได้สติกัน
“เฉิงโหรวโหรวถูกพาตัวไปแบบนี้ ดูท่าคงจะรอดกลับมายากแล้ว ?”
“องค์กรโกสต์ซิตี้คงไม่คิดจะฆ่าใครแบบนี้หรอกมั้ง ?”
“สำหรับองค์กรโกสต์ซิตี้ การฆ่าใครสักคนเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ที่โหดยิ่งกว่าก็คืออยากมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ อยากตายก็ยากยิ่งกว่า”
“จุดจบของเฉิงโหรวโหรวอนาถจริงๆ!!”
“อย่ากังวลเรื่องเฉิงโหรวโหรวเลย ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี คำพูดเมื่อกี้ที่ล้วงมาจากเฉิงโหรวโหรวได้เรายังจะตีข่าวกันอีกไหม?”
“เมื่อกี้คนพวกนั้นก็ได้พูดเตือนแล้ว ยังกล้าอีกเหรอ ? นายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง ?”
“พวกเราคนเยอะแยะขนาดนี้ สื่อจากหลายสำนัก ตีข่าวพร้อมกัน อีกอย่างเราก็อย่าไปพูดถึงอะไรที่มันละเอียดอ่อนเกินไปนัก น่าจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง ?”
“เหอะๆ……นายอยากจะเป็นตัวล่อเป้าให้องค์กรโกสต์ซิตี้เหรอ ? นี่พี่ชาย ขอถามหน่อยนายมีหัวกี่หัว ? แค่องค์กรโกสต์ซิตี้กระดิกนิ้ว ก็สามารถทำลายสำนักข่าวเราให้ไม่เหลือซากได้ เพราะฉะนั้นผมขอเตือนว่ายอมแพ้ซะเถอะ”
“งั้นเมื่อกี้ที่เราถามไปก็เปล่าประโยชน์นะซิ ? เสียแรงเปล่าเหรอ ? น่าเสียดายออก เมื่อกี้เราก็ได้รู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากของเฉิงโหรวโหรวมาไม่น้อยเลยนะ”
“อันที่จริงก็ไม่มีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เท่าไร ส่วนใครที่เป็นคนบอกเฉิงโหรวโหรวว่าเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ตัวจริงเป็นใครนั้น ? เรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงระบบภายในขององค์กรโกสต์ซิตี้ด้วย พวกเราคงตรวจสอบกันไม่ได้แน่ ตอนนี้ที่พวกเราพอจะตรวจเช็กกันได้ก็คงมีแค่ระยะนี้เฉิงโหรวโหรวจ้องเล่นงานใครบ้าง ? แต่ต่อให้เฉิงโหรวโหรวจะเป็นคนซื่อแค่ไหน ก็คงไม่เล่นงานเจ้าหญิงตัวจริงขององค์กรโกสต์ซิตี้อย่างโจ่งแจ้งได้หรอก ดังนั้นก็ไม่แน่ว่าจะเจอเบาะแสอะไรได้”
“คำถามสุดท้าย เป็นคำถามที่สำคัญ และมีประโยชน์ที่สุด หากเฉิงโหรวโหรวบังคับให้เย่ซือเฉินแต่งงานกับเธอ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงตัวจริงขององค์กรโกสต์ซิตี้ งั้น……”
“แต่ในตอนท้ายเฉิงโหรวโหรวก็ไม่ได้ตอบคำถามนี้”
“มีใครเห็นท่าทีของเฉิงโหรวโหรวในตอนนั้นไหม ? เฉิงโหรวโหรวเป็นคนเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่มิด ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง จากลักษณะท่าทางของเธอก็สามารถรู้คำตอบได้ ”
“ฉันไม่เห็น เมื่อกี้รถพวกนั้นก็เกือบจะชนฉันแล้ว ฉันตกใจแทบแย่ จะไปจ้องมองดูปฏิกิริยาของเฉิงโหรวโหรวได้อย่างไร ? ”
“ฉันก็ไม่เห็นเหมือนกัน……”
สุดท้าย ถามไปถามมา ก็ไม่มีใครได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเฉิงโหรวโหรว
“ดูแล้วคงจะเสียเที่ยวจริงๆ”ทุกคนต่างมีใบหน้าที่แสนเสียดาย ต่อให้จะถูกคนขององค์กรโกสต์ซิตี้พูดเตือน ว่าห้ามตีข่าวออกไป แต่พวกเขาเองก็อยากจะรู้คำตอบเหมือนกัน
พวกเขาก็มีความอยากรู้อยากเห็น!!
“แต่คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็มาได้จังหวะพอดี คงไม่เตรียมการวางแผนมาแล้วหรอกนะ ? คนขององค์กรโกสต์ซิตี้คงไม่ได้เก่งกาจมีความสามารถขนาดนี้หรอกมั้ง?”
จู่ๆก็มีคนพูดพึมพำออกมา
คนอื่นที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างพากันหน้าถอดสี หรือจะจริง คนพวกนั้นมาได้จังหวะจริงๆ และตอนที่คนพวกนั้นขับรถเข้ามาจอดก็เกือบจะชนเข้ากับพวกเขาด้วย เห็นชัดว่าจงใจ ดังนั้น ทุกคนในที่นี้ต่างก็มีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา และไม่กล้าพูดเหลวไหลอะไรอีก
หลังจากที่หัวหน้าน้อยออกมาจากงานแถลงข่าวก็ไปพบซ่างกวนหง
ตลอดทางผู้ดูแลจ้งไม่ได้ปริปากพูดอะไรเลย แม้ผู้ดูแลจ้งจะเป็นห่วงหัวหน้ามาก และไม่เห็นด้วยกับการที่หัวหน้าน้อยประกาศว่าเจอตัวเจ้าหญิงตัวจริงแล้ว ในเมื่อหัวหน้าน้อยก็พูดออกไปแล้วจะทำอะไรได้ เขาก็จึงไม่พูดมากอะไร
“ตาแก่ เป็นอะไรไป ? เรื่องก็คลี่คลายแล้ว ทำไมยังทำหน้าแบบนี้อีก ? ”หัวหน้าน้อยเป็นฝ่ายทนไม่ได้ก่อน วันนี้หัวหน้าน้อยอารมณ์ดีมาก เขาทนดูสภาพของผู้ดูแลจ้งแบบนี้ไม่ได้หรอก
“เมื่อครู่หัวหน้าน้อยบอกว่าหาตัวเจ้าหญิงตัวจริงขององค์กรโกสต์ซิตี้เจอแล้ว ไม่รู้ว่าหัวหน้าน้อยหมายถึงใคร?”หัวหน้าน้อยเป็นฝ่ายถามเอง ผู้ดูแลจ้งก็ไม่ได้นั่งเงียบต่อไปอีก
“ลุงเหลียงสืบเจอนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”ช่วงนี้หัวหน้าน้อยกลับไปยังสำนักงานใหญ่ขององค์กรโกสต์ซิตี้ ดังนั้นเรื่องทางฝั่งนี้ก็จึงไม่ได้รู้มากอะไร
“ตอนนั้นอะเหลียงพูดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอาจจะเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้……”
“อาจจะอะไรล่ะ ? ก็เธอนั่นแหละ”หัวหน้าน้อยพูดขัดผู้ดูแลจ้งขึ้นมา คำพูดของเขาดูจะมั่นใจมาก และเห็นชัดว่าเขาเชื่อมั่นในคำพูดนี้ไปแล้ว
“แต่ระยะนี้มีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นมากมาย และยืนยันได้ว่าสิ่งที่อะเหลียงพบเจอมานั้นมันผิดพลาด คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ของเรา ”ผู้ดูแลจ้งลอบถอนหายใจ เขาก็หวังให้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ แต่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาคงจะหลอกตัวเองไม่ได้
“ความจริงอะไร ? ใครเป็นคนบอกความจริงนี้กับคุณ?”ดวงตาของหัวหน้าน้อยค่อยๆหลุบลง “ตาแก่ นี่คุณเลอะเลือนไปแล้วหรือไง เธอจะไม่ใช่เจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้ยังไง ? เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ของเราต้องเป็นแบบเธอเท่านั้น”
“แม้คนที่โดดเด่นจะมีไม่มากในโลกนี้ แต่ก็มีอยู่ไม่น้อย ใช่ว่าคนที่เก่งกาจจะต้องเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ของเราเท่านั้น”ผู้ดูแลจ้งรู้ว่านิสัยเอาแต่ใจและไม่มีเหตุผลของหัวหน้าน้อยกำลังเผยออกมาแล้ว
ผู้ดูแลจ้งบอกเรื่องที่ถังฉิ้นเอ๋อก็คือเวินลั่วฉิง และเล่าเรื่องราวบางอย่างของตระกูลเวินให้หัวหน้าน้อยได้ฟัง
หลังจากที่หัวหน้าน้อยฟังเรื่องที่ผู้ดูแลจ้งเล่าจบก็หัวเราะออกมา“นี่ตาแก่ ผมว่าคุณแก่แล้วจริงๆ ปัญหาง่ายๆแบบนี้ ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย ก็ให้ถังฉิ้นเอ๋อกับหัวหน้าตรวจดีเอ็นเอกันซะก็จบเรื่องไหม ?”
ผู้ดูแลจ้งอยากจะตอบกลับ หัวหน้าน้อยก็ชิงพูดตัดหน้าว่า “พอแล้ว ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่าย วางใจเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม ผมจะจัดการเอง!