ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1462 ทำการตรวจที่โรงพยาบาล (2)
“หรือว่า เย็นนี้ฉันไปกับฉิงฉิงละกัน” ท่านปู่ถังพูดแบบนี้แล้ว ท่านย่าถังเองก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงแล้ว
“ฉิงฉิงไปตรวจที่โรงพยาบาลบ้านตัวเอง ก็ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น อย่าทำเอาผู้คนตื่นเต้นกัน” ท่านปู่ถังแค่รู้สึกกว่าเรื่องนี้มีความแปลกเล็กน้อย จริงๆ แล้วก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะคิดมากไป ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนตื่นเต้นขนาดนี้อยู่แล้ว
อีกอยากหากเรื่องนี้ถูกวางแผนไว้แล้วจริงๆ หากมีคนตามมาไปมากมายขนาดนั้น เกรงว่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามระมัดระวัง ก็ยากที่จะทราบปัญหาแล้ว
“คุณแม่ แม่อยู่บ้านเด็กทั้งสองที่บ้าน หนูไปกับฉิงฉิงก็ได้แล้ว หนูจะลองดูว่า อยู่ในโรงพยาบาลของบ้านเรา ใครจะกล้าทำอะไร?” เฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นคนอารมณ์ร้อย อีกอย่างเธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ขณะนี้เธอมั่นใจแล้วว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาแน่นอน
หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงแล้ว ถังหยุนเฉิงก็โทรหาผู้อำนวยการของโรงพยาบาล ให้ผู้อำนวยการจัดการให้หน่อย
ในตอนที่เฟิ่งเหมียวเหมียวพาเวินลั่วฉิงไปโรงพยาบาล ผู้อำนวยการมาต้อนรับด้วยตนเอง สำหรับคุณหนูใหญ่ท่านนี้ที่บ้านถังพึ่งยอมรับมาไม่นาน คนในแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลไม่มีใครไม่รู้
สำหรับเรื่องที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไขคดี แล้วก็เรื่องที่คุณหนูใหญ่ช่วยเหลือถังหลินที่โรงแรม รวมถึงเรื่องของถังหยุนเฉิงที่อยู่ในเมืองไห่สามารถพลิกแพลงอย่าสำเร็จได้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังท่านนี้ถือเป็นคนสำคัญที่ไม่สามารถละเลยได้เลย ดังนั้นตอนนี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง พูดต่อกันจนคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นคนที่มีความสามารถทุกอย่างแล้ว
ทว่าคนที่เคยเจอคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจริงๆ นั้นมีไม่มาก ผู้อำนวยการมาต้อนรับด้วยตนเองเหตุผลที่หนึ่งเป็นเพราะว่าถังหยุนเฉิงโทรหาเขา เหตุผลที่สองก็เพราะว่าอยากจะมาพบหน้าของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังท่านนี้
“คุณนายถัง คุณหนูถัง” ท่าทีที่ผู้อำนวยการมีต่อเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นดูเกรงใจมาก ในตอนที่มองไปทางเวินลั่วฉิงดูอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัดเจน เขารู้ตั้งนานแล้วว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังสวย บนรูปถ่ายก็สวยอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าตัวจริงจะสวยกว่าในรูปถ่ายอีก
“ฉันก็แค่มาตรวจร่างกายเป็นเพื่อนฉิ้นเอ๋อ ทำไมยังรบกวนนายมาต้อนรับด้วยตัวเองเนี่ย?” เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นผู้อำนวยการแล้วมีความแปลกใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นโรงพยาบาลของบ้านตัวเอง ทว่าผู้อำนวยการท่านนี้เป็นผู้อำนวยการที่สุขุม และมีเหตุผล ก่อนหน้านี้ที่เธอมาทำการตรวจก็ไม่เห็นผู้อำนวยการออกมาต้อนรับด้วยตนเองเลย
“ผมก็ได้ข่าวความงามของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาบ้างแล้วครับ ยากที่จะมีโอกาสได้พบคุณหนูใหญ่ตระกูลถังในวันนี้ โอกาสแบบนี้ห้ามพลาดอยู่แล้วครับ” ผู้อำนวยการถือเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ตอบกลับอย่างซื่อตรงมาก ไม่สนใจเลยว่าคุณนายถังได้ยินประโยคนี้แล้วจะไม่พอใจหรือเปล่า
“ฉิ้นเอ๋อของเราเพอร์เฟกต์แบบนี้ สุดยอดแบบนี้แหละ” เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่เพียงแต่ไม่พอใจ แต่กลับกันยังยิ้มอย่างเบิกบานอีกด้วย น้ำเสียงนั้นดูภูมิใจอย่างไม่สามารถปกปิดได้
“แน่นอนอยู่แล้วครับ วันนี้พอได้พบแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลถังสมกับคำร่ำลือจริงๆ ครับ” ผู้อำนวยการไม่ใช่คนที่ชอบประจบประแจง สิ่งที่เขาพูดต่างก็เป็นความจริง ไม่ว่ายังไงแล้วเรื่องคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็เป็นคนทำเรื่องพวกนั้นจริงๆ
“พอแล้ว พูดเรื่องหลัก วันนั้นฉันมาฉิ้นเอ๋อมาตรวจสุขภาพ ข้อมูลทั้งหมดห้ามเผยแพร่ออกนอก สิ่งของทั้งหมดก็ห้ามเผยแพร่ออกนอกเด็ดขาด นายบอกกับคนที่ตรวจให้ชัดเจนก่อน หากเกิดอะไรขึ้น บ้านถังเอาเรื่องถึงที่สุดแน่ ท่านปู่ถังของเราปกติจะจิตใจดีจิตใจกว้าง ทว่าเรื่องที่เกี่ยวกับลูกหลาน ท่านปู่ถังของเราไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน” เฟิ่งเหมียวเหมียวป้องกันไว้ก่อน จึงพูดเรื่องนี้กับผู้อำนวยการอย่างชัดเจนตรงๆ เลย
“ทำไม? นี่เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ผู้อำนวยการได้ยินคำพูดของเฟิ่งเหมียวเหมียวแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ก็ไม่ได้มีเรื่องพิเศษอะไร แค่ป้องกันไว้ก่อน” เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้พูดมาก สิ่งที่ควรพูดเธอได้พูดแล้ว เธอรู้ว่าเรื่องอื่นๆ ผู้อำนวยการจะจัดการไว้อย่างดีแน่นอน
สู้กับการที่พวกเขาป้องกันไว้แต่ละคน ให้ผู้อำนวยการไปจัดการเรื่องนี้เองจะดีกว่า
ช่วงบ่ายวันนี้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น สิ่งที่ถังหยุนเฉิงคิดก็คือให้เวินลั่วฉิงมาทำการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลบ้านเอง และการตรวจสุขภาพ สิ่งที่พวกเขานึกถึงก็คือข้อมูลอาจจะถูกรั่วไหลออกไปได้
หรือไม่ สิ่งของที่ต้องใช้ในตอนตรวจอาจจะถูกส่งออกไป เช่นเลือดของเวินลั่วฉิง
เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกว่า ขอแค่พวกเขาป้องกันสิ่งเหล่านี้ไว้ ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน
จะป้องกันเรื่องพวกนี้ในโรงพยาบาลของบ้านตัวเองไม่ใช่ปัญหาอะไร ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาป้องกันไว้แต่แรก ยังมีผู้อำนวยการออกหน้าเองด้วย หากมีคนจะทำอะไรไม่ดีอยู่ที่ลับ ไม่ว่าจะคนในหรือคนนอก พอถึงเวลาต้องถูกจับได้คาหนังคาเขาแน่นอน!
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไรเลย ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะดูเฉยๆ ทว่าตั้งแต่ที่เข้าโรงพยาบาลมา เขาก็สังเกตสถานการณ์ของรอบๆ ข้างมากโดยตลอด ทว่าจนถึงตอนนี้ ก็ไม่เจออะไร
แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดที่เฟิ่งเหมียวเหมียวพูดกับผู้อำนวยการแล้ว เธอไม่ได้พูดอะไร ทว่าสำหรับการป้องกันแบบนี้ของเฟิ่งเหมียวเหมียว เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าใช่ว่าจะสามารถตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลังทิ้งได้ทั้งหมด
ขโมยข้อมูลของเธอจากโรงพยาบาลบ้านถัง ขโมยสิ่งของเช่นพวกเลือดของเธอ เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าวิธีแบบนี้ดูโง่เขลาเกินไป ง่ายที่จะถูกจับได้
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าขอแค่เป็นคนที่สมองหน่อย ก็คงไม่ทำเสี่ยงทำเรื่องแบบนี้แน่นอน
ดังนั้น จุดสำคัญของเวินลั่วฉิงไม่ได้อยู่บนสิ่งของแบบนี้
แต่ว่า เธอไม่ได้เห็นความผิดปกติอื่นๆ เลย หรือว่าพวกเขาตื่นเต้นเกินไป คิดมากเกินไปแล้ว? หรือว่าเรื่องที่ถังหยุนเฉิงพบเจอในช่วงบ่าย เป็นเพียงความบังเอิญจริงๆ?
แต่ว่า เวินลั่วฉิงจะไม่ปล่อยความระมัดระวังไปทั้งหมด
การตรวจหลังจากนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น ในไม่ช้าก็เสร็จหมดแล้ว ไม่ว่ายังไงแล้วก็เป็นโรงพยาบาลของบ้านตัวเอง แล้วก็มีผู้อำนวยการอยู่ด้วย ไม่อยากเร็วก็ไม่ได้
ระหว่างการตรวจก็ไม่ได้เกิดปัญหาอะไร
ในไม่ช้าผลการตรวจก็ออกมาแล้ว ผู้อำนวยการนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาคนเดียว อีกอย่างในโรงพยาบาลไม่มีการบันทึกข้อมูล ทางคุณหมอก็ไม่ได้เหลือข้อมูลใดๆ ของเวินลั่วฉิงไว้
เพราะว่าการตรวจต้องเจาะเลือด หลังจากที่ตรวจเรียบร้อยแล้วถูกทำลายทิ้งทั้งหมดภายใต้การดูแลของผู้อำนวยการ ไม่มีการหลงเหลือใดๆ ไม่เห็นโอกาสกับใครทั้งนั้น
หลังจากทำเรื่องพวกนี้แล้ว ผู้อำนวยการจึงจะวางใจ ผู้อำนวยการไปพูดกับเฟิ่งเหมียวเหมียวให้ชัดเจน และนำเอกสารทั้งหมดไปให้เวินลั่วฉิงด้วย
ห้องทำงานของผู้อำนวยการอยู่ชั้นบนสุด เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้ขึ้นไป ยืนรอผู้อำนวยการอยู่ข้างนอกห้องตรวจ
ผู้อำนวยการจับเอกสารเดินมายังตรงหน้าของเฟิ่งเหมียวเหมียว กำลังคิดอยากจะส่งเอกสารให้เฟิ่งเหมียวเหมียว ในขณะนี้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งพุ่งตรงมาพอดี แย่งเอกสารในมือของผู้อำนวยการไป ยังไม่รอให้ผู้คนรู้ตัว คนคนนั้นก็วิ่งหนีไปแล้ว
ผู้อำนวยการมีความตะลึงเล็กน้อย เคยเห็นคนแย่งเงิน แย่งโทรศัพท์ แย่งของมีค่า นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นคนมาแย่งผลการตรวจสุขภาพของคนอื่น
นี่เกิดอะไรขึ้น?
ผลการตรวจสุขภาพของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังปกติดีทุกอย่าง เอกสารรายงานผลตรวจชุดนั้นไม่มีประโยชน์อะไรต่อคนนอกอยู่แล้ว คนคนนั้นแย่งสิ่งนี้ไปทำไม?
แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง บวกกับคำพูดก่อนหน้านี้ของเฟิ่งเหมียวเหมียว ผู้อำนวยการไม่กล้าประมาท รีบให้คนวิ่งตามไป ทว่าคนคนนั้นเร็วเกินไปแล้วจริงๆ ในตอนที่พวกเขารู้ตัว คนคนนั้นวิ่งลงจากตึกไปแล้ว
ผู้อำนวยการจึงโทรให้ รปภ.หยุดคนเอาไว้
“อะไรนะ? แย่งไปตรงๆ ยังไง?” เฟิ่งเหมียวเหมียวเองก็ตะลึงงันไปเลย เฟิ่งเหมียวเหมียวคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีที่ง่ายและรุนแรงแบบนี้
“ฉิงฉิง ตอนนี้ทำยังไงดี?” หลังจากที่เฟิ่งเหมียวเหมียวได้สติแล้ว มองไปทางเวินลั่วฉิง ถามหาความเห็นจากเวินลั่วฉิง
“ของพวกนั้นพวกเขาแย่งไปไม่ได้มีประโยชน์อะไรค่ะ” นัยน์ตาของเวินลั่วฉิงเฉยชา มองไม่ออกถึงความกังวลเลยแม้แต่น้อย และไม่มีความตื่นเต้นใดๆ
เอกสารพวกนั้นไม่ใช่สิ่งของที่สำคัญขนาดนั้น เวินลั่วฉิงไม่รู้สึกว่าจะมีประโยชน์อะไร
ดังนั้นเวินลั่วฉิงแค่รู้สึกกลัวว่าการแย่งเอกสารพวกนั้นจะเป็นเพียงการหลอกลวง การปิดบัง
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าอาจจะมีภาคต่อหรือเปล่า แต่แค่ว่ารู้ว่าภาคต่อจากนี้คืออะไร?
ดูเหมือนว่า เรื่องนี้จะมีปัญหาจริงๆ ด้วย หญิงสาวที่อยู่นอกโรงพยาบาลเมื่อช่วงบ่ายถูกวางแผนเอาไว้แล้ว เพื่อที่จะให้ถังหยุนเฉิงเจอ และเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าฝ่ายตรงข้ามรู้จักกับถังหยุนเฉิงเป็นอย่างดี ฝ่ายตรงข้ามแน่ใจแล้วว่าเมื่อถังหยุนเฉิงเห็นสถานการณ์แบบนั้นแล้วจะให้เธอมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล
และทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามแผนของคนคนนั้น เธอมาทำการตรวจที่โรงพยาบาลแล้วจริงๆ
แต่ว่า เป้าหมายที่คนคนนั้นให้เธอมาตรวจคืออะไรกันแน่?
คนคนนั้นต้องการอะไรกันแน่? บนตัวของเธอมีอะไรที่คนคนนั้นต้องการเหรอ?!
เวินลั่วฉิงคิดไม่ออกจริงๆ!!
หลังจากที่พวกเขามาโรงพยาบาลแล้ว ป้องกันเรื่องการตรวจสุขภาพอย่างดี ทว่าการตรวจสุขภาพผ่านไปอย่างราบรื่น ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พวกเขาก็จะปล่อยความระมัดระวัง จากนั้นขณะนี้จู่ๆ ก็มีคนคนหนึ่งวิ่งออกมาแย่งผลการตรวจ จากนั้นก็จะทำให้จุดสนใจของพวกเขาดึงดูดมายังเรื่องนี้
จากนั้น ก็จะยิ่งง่ายต่อแผนการหลังจากนี้…..
ต้องพูดเลยว่า คนคนนั้นวางแผนไว้ได้ชาญฉลาดมาก หนึ่งนัดต่อหนึ่งนัด ความคิดหลากหลายจริงๆ
เวินลั่วฉิงยิ้มโค้งที่มุมปาก เธอเริ่มมีความอยากเห็นแล้ว