ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1463 นี่มันปฏิบัติการเทพอะไรเนี่ย (1)
เวินลั่วฉิงยิ้มโค้งที่มุมปาก เธอเริ่มมีความอยากเห็นแล้ว
วิธีการของคนลึกลับนี้ดูปัญหาอ่อน ทว่าก็น่าสนใจดี
“ฉิ้นเอ๋อ เธอรู้ไหมว่าเป็นใคร?” ขณะนี้สีหน้าของเฟิ่งเหมียวเหมียวเต็มไปด้วยความสงสัย เธอป้องกันไว้อย่างดีคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วก็กันไม่อยู่
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามาต่อต้านฉิงฉิง!!
คือใคร? เวินลั่วฉิงยิ้มโค้งที่มุมปาก วีการนี้แฝงความโจ่งแจ้ง แฝงความโอเวอร์ ไม่มีความรู้สึกเหมือนแอบขโมยของเลย
ไม่เหมือนนิสัยที่เธอคุ้นเคย
ไม่ใช่นิสัยของถังไป๋เชียน อีกอย่างเธอรู้สึกถังไป๋เชียนดี เป็นไปไม่ได้ที่ถังไป๋เชียนจะทำการเคลื่อนไหวได้หลังจากที่เรื่องในครั้งนั้นถูกเปิดเผยได้ไม่นาน
และไม่ใช่โจ๋วอันหนานแน่นอน ตอนนี้โจ๋วอันหนานยังอยู่ที่สถานีตำรวจอยู่ คุณพ่อโจ๋วและคุณแม่โจ๋วก็กำลังร้องขอความช่วยเหลือในเรื่องของโจ๋วอันหนานไปทั่ว ทว่าจุดจบของโจ๋วอันหนานถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องใช้ชีวิตในคุกตลอดชีวิตแล้ว
“ยังไม่แน่ใจค่ะ” เวินลั่วฉิงในตอนนี้ไม่รู้เลยจริงๆ เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้
และในขณะนี้ โทรศัพท์ของผู้อำนวยการดังขึ้น เสียงโทรศัพท์ของผู้อำนวยการดังมาก ดังขึ้นกะทันหันจนทำเอาเฟิ่งเหมียวเหมียวตกใจไปเลย
ผู้อำนวยการรีบรับโทรศัพท์ ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเลย
“คนถูกจับได้แล้วครับ แต่ว่าบนตัวของเขาไม่มีสิ่งของใดๆ เลยครับ เขาเองก็ไม่ยอมรับ บอกว่าพวกเราใส่ร้ายเขา กำลังวุ่นวายอยู่ข้างล่างเลยครับ” ผู้อำนวยการวางสายแล้วมองไปทางเวินลั่วฉิง สีหน้านั้นยากที่จะพูด
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ผู้อำนวยการก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวกลายเป็นแบบนี้
“เขายังวุ่นวายอีก? แย่งของของพวกเราไป ยังมีหน้ามาวุ่นวายอีก? ตอนนี้เป็นขโมยต้องหยิ่งเกรี้ยวกราดขนาดนี้เลยเหรอ” เฟิ่งเหมียวเหมียวโมโหแล้ว “ยังมีเหตุผลอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
“คุณนายถัง คุณหนูถัง ตอนนี้ทำยังไงดีครับ?” สถานการณ์แบบนี้ผู้อำนวยการก็ไม่กล้าตัดสินใจเองแล้ว
“ลองลงไปดู” เวินลั่วฉิงยิ้มอ่อน
หากเธอไม่ได้เดาผิด เป้าหมายของคนคนนั้นคือหลอกให้เธอลงไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ลงไปดู มีเพียงแต่แบบนี้จึงจะรู้ว่าเป้าหมายของคนคนนั้นคืออะไร มีเพียงแต่แบบนี้จึงจะสืบคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นเจอ
“โอเค ไป ฉันจะลองดูว่าคือใครกันแน่?” เฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ภายใต้สถานการณ์แบบนี้เธอทนไม่ได้อยู่แล้วแต่แรก
“ผู้อำนวยการ ช่วยส่ง รปภ. มาสักสองสามคนหน่อยได้ไหมคะ” จนถึงตอนนี้เวินลั่วฉิงก็จะไม่รู้ว่าเป้าหมายของคนคนนั้นคืออะไร ถึงแม้ว่าจะอยู่ในโรงพยาบาล อีกอย่างนี่ยังเป็นโรงพยาบาลของบ้านถัง ฝ่ายตรงข้ามน่าจะไม่กล้าทำอะไรมั่วๆ
ทว่าเพิ่มที่จะกันไว้ก่อน เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าควรจะทำการเตรียมตัวไว้หน่อย
“โอเค” ผู้อำนวยการได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้ว สีหน้ามีความหนักแน่นเพิ่มขึ้น ทว่าผู้อำนวยการไม่ได้ถามอะไรมาก ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้แล้ว
ตอนนี้เขาทำได้แต่ฟังคำสั่งของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง สิ่งที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังพูดไม่มีผิดแน่นอน
“ฉิงฉิง จะมีอันตรายไหม? หากมีอันตราย พวกเราไม่ต้องไปแล้วดีไหม?” ตอนแรกเฟิ่งเหมียวเหมียวอยากจะรีบพุ่งลงไป ทว่าพอนึกถึงว่าอาจจะมีอันตรายต่อเวินลั่วฉิง แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่กล้าเสี่ยงแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่กันไว้ก่อน อยู่ในโรงพยาบาลของบ้านถัง พวกเขาไม่กล้าทำอะไรมั่วๆ แน่นอนค่ะ” สีหน้าของเวินลั่วฉิงตอนพูดประโยคนี้มีรอยยิ้มแฝงอยู่ สีหน้าดูเป็นธรรมชาติมาก มองไม่ออกถึงความผิดปกติใดๆ เลย
เฟิ่งเหมียวเหมียวจึงวางใจแล้ว
ในไม่ช้าทั้งสามก็มาถึงข้างล่างตึก ผู้ชายที่แย่งเอกสารผู้อำนวยการแล้ววิ่งหนีไปเมื่อกี้กำลังดิ้นรนกับ รปภ. อยู่
“พวกนายมีสิทธิ์อะไรมาจับผม? พวกนายมีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายผม? ทุกคนวิเคราะห์หน่อยครับ ผมมาหาหมอที่โรงพยาบาลพวกเขา พวกเขาก็จับผมอย่างไร้สาเหตุ บอกว่าผมแย่งของของพวกเขา? ผมเป็นชายหนุ่มที่เป็นมิตรขนาดนี้ จะถูกพวกคุณใส่ร้ายแบบนี้ได้ยังไง?” น้ำเสียงของคนคนนั้นสูงมาก สีหน้ารู้สึกไม่ได้ความยุติธรรม ราวกับถูกใส่ร้ายจริงๆ
หากไม่ใช่เพราะเมื่อกี้เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นคนคนนี้แย่งเอกสารจากมือของผู้อำนวยการไปจริงๆ เฟิ่งเหมียวเหมียวคงจะคิดว่าคนคนนี้ถูกใส่ร้ายแล้วจริงๆ
“ชายหนุ่มที่ใจดีซื่อสัตย์อย่างผมพบไม่มากแล้วในสมัยนี้ พวกคุณใส่ร้ายผมแบบนี้ คืออยากทำร้ายผม พวกคุณคิดอะไรกันอยู่? คิดอะไรกันอยู่? ทำไมพวกคุณต้องใส่ร้ายผม คนร้ายอย่างพวกคุณจะทำร้ายผม ทำร้ายผม ทำร้ายผม พวกคุณเป็นคนใจร้าย……” เสียงของคนคนนั้นดังมาก พอเขาตะโกนแบบนี้ คนทั้งตึกต่างก็ได้ยินหมดแล้ว
คนในโรงพยาบาลเยอะมากอยู่แล้ว ขณะนี้ก็อยู่ในห้องรับแขกอีก ยิ่งเป็นสถานที่คนเยอะที่สุด พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพียงแค่เวลาสั้นๆ ก็มีคนล้อมรอบเต็มไปหมด
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของคนคนนั้นแล้ว นัยน์ตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้นทันที กระบวนการแบบนี้ดูเหมือนไม่ค่อยปกติ?
ทำไมถึงมีความรู้สึกเหมือนจะสร้างเรื่องให้ใหญ่เลย
ยังสามารถใหญ่กว่านี้ได้ไหม? โอเวอร์กว่านี้ได้หรือเปล่า?
“คนคนนี้มีปัญหาด้านสมองหรือเปล่า” เฟิ่งเหมียวเหมียวดูแล้วตะลึงงันไปเลย นี่ไม่เหมือนคนปกติเลย
หรือว่าจะเจอคนที่มีปัญหาด้านสมอง?!
“หรือว่าจะเป็นคนที่สิ่งออกมาจากโรงพยาบาลพักรักษาข้างๆ? จะไปถามโรงพยาบาลรักษาข้างๆ ดูไหม” ผู้อำนวยการก็รู้สึกว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่ค่อยปกติ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีความงงเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงยิ้มอ่อนไม่พูดอะไร ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาด้านสมอง คนที่มีปัญหาด้านสมองก็ไม่ใช่คนที่มาแย่งของ
เวินลั่วฉิงดูออก คนคนนี้ไม่ใช่ตัวเอง คนคนนี้แค่ฟังคำสั่งแล้วทำตาม
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าขณะนี้กำลังสร้างเรื่องให้ใหญ่ และยังเป็นแบบที่มีบทพูดด้วย คำพูดพวกนี้ได้ฝึกฝนมาก่อนอยู่แล้วตั้งแต่แรกแน่นอน
คุ้นชินจนไม่มีการหยุดแม้แต่น้อย
เวินลั่วฉิงไม่ได้รีบเดินไป ยืนดูอยู่ข้างๆ เธอจะลองดูๆ ว่าคนคนนั้นยังมีท่าไม้ตายอะไรอีก
คนคนนั้น ‘สร้างเรื่องให้ใหญ่’ ต่อ นัยน์ตาคู่หนึ่งมองมาทางนี้ ฝนตอนที่เขาเห็นว่าเวินลั่วฉิงยืนนิ่งไม่ขยับ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าตะลึงไปชั่วครู่
ตอนแรกเวินลั่วฉิงคิดว่าไม่ว่ายังไงแล้วเขาก็คงจะปกปิดเล็กน้อย ทว่า……ไม่ว่ายังไงเวินลั่วฉิงก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่คนคนนั้นเห็นเธอแล้ว จะเดินตรงมาทางเธอเลย
“สาวสวยท่านนี้ คุณช่วยผมวิเคราะห์ครับ คุณสวยขนาดนี้ ต้องปกป้องผมแน่นอนใช่ไหมครับ” คนคนนั้นเดินมาทางเวินลั่วฉิง ในตอนที่มองไปทางเวินลั่วฉิง สีหน้าประจบสอพลอมาก
เธอวิเคราะห์ให้เขา? ปกป้องเขา?
นี่เขาเอาหน้ามาจากไหนกัน?!
ถึงแม้ว่าเวินลั่วฉิงจะเงียบสงบมาโดยตลอด ขณะนี้ก็ตะลึงงันเช่นกัน แล้วนี่มันสไตล์ไหนกันแน่เนี่ย? วิธีอะไร?
คนคนนี้ยังสามารถชัดเจนกว่านี้ได้หรือเปล่า?
เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดหน่อยเลยเหรอ?
เขาเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนบ้า ก็รู้ว่าพวกเขาจะต่อต้านเธอ
เฟิ่งเหมียวเหมียวยิ่งตะลึงงันไปเลย ทันใดนั้นยังไม่ได้สติกลับมา ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ แบบนี้
ผู้อำนวยที่อายุห้าสิบว่าคิดว่าเจอสถานการณ์มามากมายแล้ว ขณะนี้กลับสีหน้าตะลึงงันไปหมด
“พี่สาวคนสวย พวกเขาจะใส่ร้ายผม พี่ต้องปกป้องผม” เมื่อกี้ยังเป็นชายหนุ่มที่ใจดีซื่อสัตย์พลังงานเต็มร้อยขณะนี้กลายเป็นฮัสกี้หน้าโง่ขี้อ้อนไปแล้ว
เวินลั่วฉิงเม้มปากแล้วขยับมุมปากเล็กน้อย
“นาย? นายจะทำอะไร? ออกห่างไป” ในที่สุดเฟิ่งเหมียวเหมียวก็ได้สติกลับมาแล้ว รีบขยับมากั้นตรงข้างหน้าเวินลั่วฉิง ปลีกตัวเวินลั่วฉิงห่างออกไป
“พี่สาวคนสวย พวกพี่ต้องปกป้องผมนะ พี่ดูสิผมน่ารักขนาดนี้ หากพวกพี่ไม่ปกป้องผม ผมก็จะถูกพวกเขาทำร้ายตายแน่ ผมจะถูกพวกเขาทำร้ายตาย พวกพี่ก็จะไม่เจอผมที่น่ารักแบบนี้แล้ว” ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะทำท่าอ้อนและท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูโดยมีเฟิ่งเหมียวเหมียวขั้นกลาง
“ใครอยากเจอนาย ยังน่ารักอีก น่าจะให้ตายสิ!” เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเฟิ่งเหมียวเหมียวถูกชายหนุ่มชักจูงไปผิดทางแล้ว
“พี่สาวสวยท่านนี้ พี่ไม่ชอบผมได้ แต่พี่อย่าโจมตีผมสิ” ชายหนุ่มหันไปทางเฟิ่งเหมียวเหมียว มีความน้อยใจและพร่ำบ่นแฝงอยู่
เฟิ่งเหมียวเหมียวที่โมโหมาก เจอกับใบหน้าที่น้อยใจของเขา บวกกับฟังคำพูดของเขาแล้ว ไม่รู้ว่าทำไม กลับรู้สึกว่าทำแบบนี้กับชายหนุ่มคนหนึ่งเหมือนจะไม่ค่อยดี
ก่อนหน้านี้เขาแย่งเอกสารไป ท่าทางเร็วเกินไป เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นไม่ชัดเจน ตอนนี้พอมองดีๆแล้ว นี่น่าจะยังเป็นเด็กอยู่ ท่าทางแค่สิบเจ็ดสิบแปดปี
ทำกับเด็กคนหนึ่งแบบนี้ ไม่ควรจะที่เกินไปจริงๆ
วินาทีนี้ เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกว่าตัวเองมีความใจอ่อนแล้ว
แน่นอน ต้องพูดเลยว่า คำว่าพี่สาวสวยคำนั้นมีผลที่ดีมากๆ!!
เวินลั่วฉิงยืนอยู่หลังเฟิ่งเหมียวเหมียว แต่กลับมองออก เฟิ่งเหมียวเหมียวได้รับผลกระทบจากชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้า
เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าหากให้เขาวุ่นวายแบบนี้ต่อไปจะเกินเรื่องอะไรขึ้น อีกอย่างเวินลั่วฉิงก็อยากจะทำให้เข้าใจว่าใครกันที่วางแผนทั้งหมดนี้
“บทท่องได้ไม่แย่เลย” เวินลั่วฉิงมองไปทางชายหนุ่ม เสียงเบามาก ฟังไม่ค่อยออกว่ารู้สึกยังไง
ในที่สุดคนคนนั้นก็ได้ยินเวินลั่วฉิงเปิดปากพูด นัยน์ตาคู่หนึ่งเปล่งประกายขึ้น ถูก คือการตอบสนองที่ไม่มีการปกปิดใดๆ
“พี่สาวแสนสวย ผมเก่งมากเลยใช่ไหม!” ท่าทางดีใจที่ไม่มีการปกปิดของชายหนุ่ม ยังเห็นด้วยกับคำพูดของเวินลั่วฉิงอย่างไม่มีการลังเล และยังทำสีหน้าขอคำชื่นชมอีกด้วย!!