ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1471 โอกาสที่ได้มาอย่างไม่คาดคิด (1)
มุมปากของเวินลั่วฉิงยกขึ้นช้าๆ ทีละนิดๆ ส่วนโค้งนั้นดูแล้วงดงามมาก แต่คุณชายหานเห็นแล้วนั้นไม่รู้ว่าทำไมกลับรู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลัง จู่ๆ คุณชายหานก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแบบหนึ่ง!! รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น อีกทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ดีมากๆ อีกด้วย
เวินลั่วฉิงมองเขา ใบหน้ายังคงยิ้มเช่นเดิม : “กฎเกณฑ์เข้มงวด…..”
คำพูดของเวินลั่วฉิงเจตนาที่จะหยุดเว้นวรรคไป หลังจากนั้นถึงได้ค่อยๆ พูดเสริมขึ้นมา : “ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ฉันก็นึกขึ้นมาได้แล้ว……”
คำพูดของเวินลั่วฉิงนั้นตั้งใจหยุดลงอีกครั้ง คุณชายหานรู้สึกเพียงลมหายใจติดคาอยู่ในลำคอ จะขึ้นก็ไม่ขึ้น จะลงก็ไม่ลง เห็นเวินลั่วฉิงดูเหมือนจะไม่ได้มีความหมายว่าจะเอ่ยพูดต่อนั้น คุณชายหานก็รู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง : “คุณนึกถึงอะไร?”
ตอนที่คุณชายหานเอ่ยพูดขึ้นมานั้น เขาใช้แรงกลืนน้ำลายลงไป ลำคอยืดออกไป ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปยังเวินลั่วฉิง รู้สึกเหมือนกับท่าทางกำลังรอการตัดสินลงโทษอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เจ้าเก้ามองคุณชายหานด้วยความดูถูก พบว่าวันนี้คุณชายหานนั้นดูโง่เขลาเสียจนไม่มียาที่จะช่วยรักษาได้แล้ว เปิดเผยออกมาในทุกๆ ประโยค
คุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็ฉลาดมากเหลือเกิน คำพูดที่ดูธรรมดาคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็สามารถพบหลักการลึกลับที่คนอื่นไม่สามารถเจอได้ คุณชายหานผิดก็ผิดตรงที่พูดมากเกินไปนั่นเอง
แต่เวินลั่วฉิงกลับเพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก คำพูดบางอย่างก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดออกมาให้ชัดเจนเกินไป แบบนี้ถึงจะได้ผลดียิ่งขึ้น
“สรุปแล้วคุณนึกอะไรขึ้นมาได้กันแน่? คุณพูดมาสิ? พูดมาครึ่งเดียว คุณอยากจะทำให้ผมอึดอัดตายใช่ไหม?” ปกติแล้วความอยากรู้อยากเห็นของคุณชายหานจะไม่ได้หนักหนาจริงๆ ปกติไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นได้ เนื่องจากว่าปกติเรื่องที่เขาอยากรู้ไม่มีที่จะไม่สามารถรู้ได้ ถ้าหากวันนี้เปลี่ยนเป็นคนอื่นที่กล้ามาพูดจาทิ้งไว้ครึ่งๆ กลาง เขาจะต้องตีคนๆนั้นให้แทบตายก่อน หลังจากนั้นค่อยให้เขาพูดต่อให้จบ
แต่สำหรับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแล้วคุณชายหานไม่กล้าตี คุณหนูใหญ่ตระกูลถังพูดกับเขาไว้เพียงครึ่งเดียว เขาไม่สามารถแสดงอาการโมโหออกมาได้ เขาทำได้เพียงอดทนเอาไว้ แต่ยิ่งทนก็ยิ่งอยากรู้ อีกทั้งเขาอยากรู้จริงๆ อีกด้วยว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเดาได้หรือเปล่า
เวินลั่วฉิงไม่ได้มองเขาอีก แล้วลุกขึ้นมากระโดดลงมาจากเตียง เธอนอนมาสักพักหนึ่งขนาดนี้ ร่างกายฟื้นฟูได้หมดแล้ว ไม่มีความรู้สึกไม่สบายอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉิงฉิง คุณหมอบอกว่า…..” เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นเธอกระโดดลงมาเลยแบบนี้ ก็รู้สึกตกใจ คิดอยากจะห้าม แต่ภายใต้ความวิตกกังวลนี้ ลืมเรื่องชื่อไปแล้ว ตะโกนเป็นชื่อฉิงฉิงออกมาเลย
ตอนนั้นถังฉิ้นเอ๋อเป็นชื่อของมารดาของเวินลั่วฉิง ดังนั้นที่ตระกูลถังทุกคนต่างก็เรียกเธอว่าฉิงฉิง เพียงแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกมีคนอื่นอยู่ด้วยนั้น จะเรียกว่าฉิ้นเอ๋อ
แต่เมื่อครู่นี้เฟิ่งเหมียวเหมียวรีบร้อน ก็เลยตะโกนออกมาเป็นชื่อฉิงฉิงด้วยความเคยชิน
เฟิ่งเหมียวเหมียวตะโกนออกมาแล้วถึงได้รับรู้ได้ถึงปัญหา เธอจึงรีบหยุด
เดิมทีเวินลั่วฉิงหันมาตอนที่เฟิ่งเหมียวเหมียวตะโกนเรียกฉิงฉิง สายตามองอยู่บนใบหน้าของคุณชายหานกับเจ้าเก้าเข้าพอดี จากใบหน้าของคุณชายหานกับเจ้าเก้า เวินลั่วฉิงไม่เห็นถึงอารมณ์ที่ผิดปกติใดๆ แม้ความแปลกใจและความตกใจก็ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว
มุมปากของเวินลั่วฉิงกระตุกขึ้นเล็กน้อย อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ : “ไม่แปลกใจสักนิดเลยหรือคะ?! ดูแล้ว พวกคุณจะรู้กันหมดแล้ว”
เวินลั่วฉิงรู้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน จะต้องฉลาดเฉียบแหลมกว่าคนทั่วๆ ไป และมีความระมัดระวังมากกว่าคนทั่วไป และมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่าคนทั่วๆ ไปด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เฟิ่งเหมียวเหมียวตะโกนเรียกเธอฉิ้นเอ๋อมาตลอด แต่เมื่อครู่กลับเรียกเธอว่าฉิงฉิง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาสองคนจะไม่ได้ยิน ได้ยินแต่กลับไม่ได้ดูแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือพวกเขารู้ว่าเธอคือเวินลั่วฉิง
ดูแล้ว รู้ไม่น้อยเลยเสียด้วย เกรงว่าจะเอาเรื่องที่เธอสามารถขุดออกมาได้ขุดออกมาหมดแล้ว
เวินลั่วฉิงไม่ชอบให้คนอื่นมาสืบเรื่องของเธอเป็นการส่วนตัว ดวงตาของเธอดูหนักหน่วงขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้ามีความเย็นชาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“อ๊า? อา!” คุณชายหานดึงสติกลับมา แล้วสบเข้ากับดวงตาอันเย็นชาแบบนั้นของเวินลั่วฉิง บนใบหน้าปรากฏสีหน้าท่าทางที่ดูแปลกใจขึ้นมา เพียงแต่ดูแล้วดูเกินความเป็นจริงอยู่บ้าง
“อย่าแกล้งไปเลยค่ะ” เวินลั่วฉิงกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง : “ตอนนี้เสแสร้งอีก ยิ่งปกปิดก็ยิ่งเห็นชัด”
จู่ๆ เวินลั่วฉิงก็รู้สึกว่าหรือคุณชายตรงหน้านี้สมองจะใช้การไม่ค่อยได้กัน?
เจ้าเก้ามองไปยังคุณชายหานอีกครั้งอย่างดูถูกอีกครั้ง อีกทั้งเจ้าเก้ายังค่อยๆ เคลื่อนขยับตัวเองให้ห่างออกจากคุณชายหานอีกด้วย
วันนี้คุณชายหานออกจากบ้านมาจะต้องไม่ได้เอาสมองมาด้วยแน่ๆ เธออยากจะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา
“วันนี้คุณโง่จัง!!” เสี่ยวซินไม่ได้เก็บซ่อนความรู้สึกเหมือนกับเจ้าเก้าขนาดนั้น เสี่ยวซินหัวเราะเยาะออกมาโดยตรง วันนี้คุณชายหานโง่จริงๆ พูดประโยคหนึ่งก็ผิดประโยคหนึ่ง ยิ่งผิดมากขึ้น
“คันใช่ไหม? รอก่อนเถอะ” เวลานี้คุณชายหานกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่พอดี เสี่ยวซินยังจะจ่อปากกระบอกปืนมาอีก คุณชายหานจ้องมองไปยังเสี่ยวซิน ด้วยเจตนาฆ่าที่ปกปิดไม่มิดเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาทำอะไรคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ได้ และยังจะจัดการกับปิศาจน้อยอย่างเสี่ยวซินไม่ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
เสี่ยวซินเบะปาก หลังจากนั้นก็ไปหลับอยู่ทางด้านหลังเวินลั่วฉิง : “พี่สาวคนสวยช่วยด้วย”
เสี่ยวซินนับว่ามองออกแล้ว ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ก่อนหน้านี้คุณชายหานที่กลัวลุงเหลียงเพียงคนเดียวเวลานี้ได้ถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจัดการแล้ว คุณชายหานไม่มีแม้แต่ไอคิวกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสุขุมกับปฏิภาณในช่วงเวลาปกติ
ดังนั้นเสี่ยวซินรู้สึกว่ามาหาคุณหนูใหญ่ตระกูลถังให้มาปกป้องเขา คุณชายหานจะต้องไม่กล้าทำไปทั่วอย่างแน่นอน ทำได้เพียงแค่มองตาปริบๆ เพียงเท่านั้น
และเป็นอย่างนั้นจริงๆ ดวงตาทั้งสองข้างของคุณชายหานจ้องมอง แทบอยากจะจับตัวเสี่ยวซินมาหลังจากนั้นก็ตีเสียเลย แต่เห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลถังที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ในใจกลับรู้สึกขุ่นเคืองแต่ไม่กล้าพูดออกมา ทำได้เพียงต้องทนเอาไว้เท่านั้น
“ฉิงฉิง ตอนนี้พวกเรา…..” เฟิ่งเหมียวเหมียวเพิ่งจะหลุดปากเรียกฉิงฉิงออกไปนั้น ได้ยินฉิงฉิงหมายถึงว่าคนเหล่านี้รู้ถึงสถานะของฉิงฉิงแล้ว เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ไม่ได้พยายามที่จะไปแก้อีก ทางนี้ก็ไม่ได้มีคนอื่นอยู่ด้วยเช่นกัน
“กลับบ้านค่ะ” เวินลั่วฉิงตอบออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ตอนนี้การตรวจร่างกายของเธอเสร็จสิ้นแล้ว เลือดก็ถ่ายแล้ว คนก็ช่วยแล้ว ไม่กลับบ้านแล้วจะยังอยู่ที่โรงพยาบาลอีกทำอะไรกัน?
“อ่อ โอเค” เฟิ่งเหมียวเหมียวตอบรับอย่างงงๆ ดวงตาคู่นั้นมองไปยังทั้งสามคนโดยจิตใต้สำนึก เธอกับฉิงฉิงกลับบ้านไปตอนนี้แล้วสามคนนี้ล่ะ?
ทั้งสามคนดูเหมือนจะตามฉิงฉิงมาตลอด พวกเขาคงไม่ได้จะตามกลับไปตระกูลถังเหมือนกันใช่ไหม?
“กลับบ้าน? นี่ก็จะกลับไปแล้วหรือ?” คุณชายหานได้ยินว่าเวินลั่วฉิงจะกลับบ้าน แล้วก็แทบไม่สนใจที่จะคิดบัญชีกับเสี่ยวซินแล้ว หัวหน้าน้อยจะยังมีแผนการอื่นๆ หากตอนนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไปแล้ว เช่นนั้นแผนการของหัวหน้าน้อยจะทำอย่างไร?
“คุณจะพูดให้น้อยลงหน่อยได้ไหม?” เจ้าเก้าที่นิสัยดีแบบนั้นยังทนไม่ได้ ความตื่นเต้นตกใจนี้ของเขา กลัวว่าคนอื่นๆ จะไม่รู้ว่าพวกเขายังมีเรื่องอื่นๆ อีก
เวินลั่วฉิงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ก่อนหน้านี้เธอได้รับข้อมูลมาจากคำพูดของเขาอยู่บ้างแล้ว เวลานี้ปฏิกิริยาที่ดูตื่นเต้นตกใจนี้จึงดูไม่ได้มีอะไรนัก!!
เวินลั่วฉิงไม่ได้สนใจพวกเขาอีก แล้วดึงเฟิ่งเหมียวเหมียวเดินไปทางด้านหน้า
เจ้าเก้ายืนอยู่ตรงที่เดิม มองดูเบื้องหลังของเวินลั่วฉิง มีสีหน้าท่าทางดูเหมือนจะมีความลังเล ลังเลว่าพวกเขาจะตามหรือไม่ตามไปดี
“ยังงงอะไรกันอีก? ไปสิ” คุณชายหานกลับตามหลังเวินลั่วฉิงไปติดๆ อยู่แล้ว ดูเหมือนกับไม่ได้รู้สึกว่าไม่ถูกต้องเลยแม้แต่นิดเดียว
เสี่ยวซินอายุน้อย เป็นคนที่ชอบประสมโรงคนหนึ่ง คุณชายหานตามไป เขาเองก็จะต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว
เจ้าเก้าเองก็ก้าวตามไปด้วย
“พี่เจ้าเก้า พวกเราต้องตามไปแบบนี้ตลอดเลยใช่ไหม?” ทั้งๆ ที่เสี่ยวซินเดินอยู่ข้างๆ คุณชายหาน แต่กลับหันมาเอ่ยถามเจ้าเก้า ตอนนี้เสี่ยวซินไม่เชื่อคุณชายหานแล้ว
เจ้าเก้าไม่ได้ตอบ ว่ากันจริงๆแล้วเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเหมือนกัน ออกไปแบบนี้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก เพราะถึงอย่างไรเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นที่พวกเขาทำกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก่อนหน้านี้ คุณหนูใหญ่ตระกูลถังยังบอกว่าจะขังพวกเขาเอาไว้ ตอนนี้พวกเขาจะไปกันอย่างเงียบๆ แบบนี้ ดูเหมือนจะเป็นการแอบหนีไปเลยอย่างไรอย่างนั้น
ตามอยู่ตลอดแบบนี้ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็ไม่ได้ให้พวกเขาตาม คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะกลับบ้าน พวกเขาตามคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกลับบ้านด้วยก็ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน
ถ้าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังคือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ พวกเขาติดตามก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้แน่ใจในสถานะของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง!!
คุณชายหานดูเหมือนจะไม่ได้มีความเชื่อมโยงและความกังวลทางด้านนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เขาตามอยู่ข้างหลัง เดินวางมาด ก้าวไปอย่างดูน่าเกรงขาม และดูดีใจเป็นอย่างมาก
“พวกเราติดไปแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่หรือเปล่า?” ในที่สุดเจ้าเก้าก็อดที่จะเอ่ยถามคุณชายหานด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำออกมาไม่ได้
“มีอะไรไม่เหมาะสม เหมาะสมดีนี่ หัวหน้าน้อยยังมีแผนการต่อไปอีก” คุณชายหานชะงักเท้าลง แล้วหันมาทางเจ้าเก้า แล้วกดน้ำเสียงให้ต่ำลง เสียงระดับนั้นมีเพียงแค่เจ้าเก่าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถได้ยิน แม้แต่เสี่ยวซินที่ยืนอยู่ทางอีกฝั่งหนึ่งของเขาก็ไม่สามารถได้ยินได้โดยเด็ดขาดเช่นกัน!!