ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1488 สุดท้ายเธอก็บรรลุเป้าหมายแล้ว (2)
“ใช่ ฉันเป็นคนวางแผนเอง ในคืนก่อนงานหมั้นเวินลั่วฉิงเมื่อห้าปีที่แล้ว ฉันทำให้เวินลั่วฉิงสลบแล้วพาเธอไปที่โรงแรม” ไป๋หยิงยอมรับอย่างเงียบสงบ ตอนนี้เธอจะตายแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่กล้ายอมรับอีก
นัยน์ตาคู่หนึ่งของไป๋ยี่รุ่ยจ้องไปทางไป๋หยิงอย่างโหดร้าย แววตานั้นแฝงไปด้วยความเยือกเย็น ราวกับว่าสามารถทำให้ผู้คนเย็นเป็นน้ำแข็งได้ตลอดเวลา
“แต่ว่า ความตั้งใจของฉันไม่ได้อยากส่งเวินลั่วฉิงขึ้นเตียงของคุณชายสามเย่ ความตั้งใจของฉันคือหาผู้ชายสองสามคนมาทำร้ายเวินลั่วฉิง แต่ว่าสุดท้ายเวินลั่วฉิงก็หนีไปได้ จากนั้นเวินลั่วฉิงก็หนีขึ้นไปยังบนเตียงของคุณชายสามเย่” ไป๋หยิงสบตากับนัยน์ตาของไป๋ยี่รุ่ย ไม่ได้มีความกลัวมากมาย แต่ทางกลับกันใบหน้ายังคงรอยยิ้มไว้เหมือนเดิม
พอนึกถึงว่าไป๋ยี่รุ่ยตื่นขึ้นมาก็จะฆ่าเธอ นึกถึงว่านัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดแค้นของไป๋ยี่รุ่ยเมื่อกี้ ไป๋หยิงรู้สึกว่าการทำให้หัวใจของไป๋ยี่รุ่ยเจ็บปวด เธอกลับรู้สึกสบายใจมากๆ
“เธอสมควรตายจริงๆ” ร่างกายของไป๋ยี่รุ่ยแข็งทื่อไปอย่างชัดเจน มือที่หยุดอยู่บนคอของไป๋หยิงสั่นไปเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้แรงมากขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาใช้แรงทั้งหมดที่เขามี ยิ่งไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อย
ครั้งนี้ เขาถึงขั้นไม่ได้ให้โอกาสไป๋หยิงได้เอ่ยปากพูดเลย ใช้แรงอย่างไม่หยุด จนกระทั่งไป๋หยิงไม่ขยับ ไม่มีลมหายใจ
หลังจากที่ไป๋หยิงไม่มีลมหายใจแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยจึงจะปล่อยมือ นั่งอยู่ข้างๆ ร่างกายแข็งทื่อ บนใบหน้ามีความกระวนกระวายเพิ่มขึ้น
ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะทำอะไรสุดขีด ทว่าเขาเป็นประชาชนที่ทำตามกฎหมายมาโดยตลอด เหมือนเรื่องฆ่าคนแบบนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดเลยจริงๆ
เขารู้ว่าการฆ่าคนนั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิต เขาฆ่าไป๋หยิงไปแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถมีชีวิตได้แล้ว
ทว่าเรื่องพวกนั้นที่ไป๋หยิงทำกับเขา เมื่อห้าปีก่อนไป๋หยิงยังอยากหาคนทำร้ายเวินลั่วฉิงด้วย เขาไม่สามารถให้อภัยได้ ไป๋หยิงสมควรตาย
ดังนั้น เขาฆ่าไป๋หยิง แน่นอนว่าหลังจากนี้ เขาก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา เขาจะไปมอบตัว ทว่าก่อนหน้านี้ เขาจะต้องไปทำเรื่องหนึ่งก่อน
หลังจากที่ไป๋หยิงได้สติกลับมาแล้ว ก็ลุกขึ้นเลย ไม่ได้มองไป๋หยิงอีก เขาหากุญแจออกมา แล้วเปิดประตูจากไป
วิลล่านี้อยู่ชานเมือง แถวนี้ไม่มีรถแท็กซี่ และไม่มีรสบาส จะถึงจุดโบกรถนั้นยังเหลือทางอีกช่วงหนึ่ง
แผลบนร่างกายของไป๋ยี่รุ่ยยังไม่หายตั้งแต่แรก มีแผลที่หัวใจอีกด้วย บวกกับเรื่องเมื่อกี้ ขณะนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก เขาเดินไปแบบนี้ ใช่ว่าร่างกายจะสามารถรับไหว อีกอย่างตอนนี้ก็เป็นกลางคืนอีกด้วย
อยากจะโบกรถยิ่งยากไปใหญ่ ทว่าไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้ลังเล หลังจากที่ปิดประตูแล้วก็เดินตรงไปเลย
ไป๋ยี่รุ่ยเดินไปประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงจะไปถึงถนนใหญ่ โชคของเขาถือว่ายังไม่เลว ผ่านไปไม่นานก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งผ่านมา
หลังจากที่ไป๋ยี่รุ่ยขึ้นรถแล้วก็ขอยืมโทรศัพท์ของคนขับรถโทรหาผู้ช่วยของเขา
ในค่ำคืนราตรี จู่ๆ ผู้ช่วยก็ได้รับสายของท่านประธานที่หายตัวไปนานมาก มีความอึ้งเล็กน้อย “ประธานไป๋ ในที่สุดท่านก็โผล่หน้ามาแล้ว ช่วงเวลานี้ท่านหายไปไหนมา? ทำไมถึงไม่มีข่าวอะไรเลย? รองประธานไป๋บอกว่าท่านออกไปทำงานต่างจังหวัด แต่ว่าออกไปทำงานต่างจังหวัดก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข่าวเลยสักนิด แม้กระทั่งบริษัทก็ไม่สนใจแล้ว”
ผู้ช่วยอยู่ข้างกายของไป๋ยี่รุ่ยมาหลายปีแล้ว ความสัมพันธ์ที่มีต่อไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่เลว อีกอย่างเขาเป็นห่วงแทนไป๋ยี่รุ่ยมากจริงๆ
ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้อธิบาย แต่บอกตำแหน่งที่ตั้งหนึ่งไปแล้วให้ผู้ช่วยมารับ
ตอนนี้เขาไม่มีโทรศัพท์ กลางดึกแบบนี้ ไม่มีสถานที่สามารถไปซื้อได้ อีกอย่างตอนนี้บนตัวเองเธอไม่มีเงินสด แม้กระทั่งค่าใช้จ่ายการนั่งรถก็ไม่สามารถจ่ายได้ แน่นอนว่าเรื่องต่อจากนี้ก็ต้องให้ผู้ช่วยไปจัดการ
“ครับ ครับ ครับ” แน่นอนว่าผู้ช่วยไม่มีทางปฏิเสธ ตอบกลับอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเป็นกลางดึก ทว่าไม่ได้รอช้าเลย
ในตอนที่ผู้ช่วยไปถึง ไป๋ยี่รุ่ยมาถึงแล้ว เพราะว่าไม่มีเงินจ่ายค่ารถ ดังนั้นคนขับรถก็ยังคงรออยู่
ในตอนที่ผู้ช่วยได้ยินว่าประธานบ้านตนเองไม่มีเงินจ่ายค่ารถ ตกใจอ้าปากค้างจนคางจะหลุดแล้ว ประธานต่อรถมาจากไหนเนี่ย? ค่ารถแพงขนาดไหนกันเนี่ย?
ในตอนที่คนขับรถบอกว่าเอาแค่ห้าสิบบาท ผู้ช่วยอึ้งไปอีกครั้ง เอาแค่ห้าสิบบาท?
งั้นทำไมประธานบ้านเขาถึงจ่ายค่ารถไม่ไหวล่ะ อีกอย่างยังตั้งใจให้คนขับรถรอเป็นพิเศษ รอให้เขามาจ่าย?
ประธานบ้านเขามีนิสัยพกเงินสดติดตัวมาโดยตลอด อีกอย่างถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินสด ตอนนี้ก็สามารถใช้โทรศัพท์จ่ายได้นิ
จู่ๆ ผู้ช่วยก็นึกขึ้นว่าเบอร์ที่ท่านประธานโทรหาเขาเมื่อกี้ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ของตนเอง
ในตอนที่ผู้ช่วยเห็นประธานบ้านตนเองหน้าตาเหนื่อยล้าดูโทรม เสื้อผ้าบนร่างกายก็ยับไปหมด สีหน้าซีดขาวดูไม่ค่อยปกติ ราวกับว่าพึ่งหนีออกมาจากสถานที่หนึ่ง
ผู้ช่วยนึกคิดสถานการณ์ต่างๆ ในสมองไม่น้อยเลย “ประธาน นี่ท่าเป็นอะไรครับ?”
“นายส่งฉันไปที่บริษัท” ขณะนี้ร่างกายของไป๋ยี่รุ่ยทนไม่ไหวแล้ว ทว่าเขาไม่สามารถกลับไปพักผ่อนได้ เขามีเวลาไม่มากแล้ว เขาต้องรีบจัดการเรื่องให้เสร็จก่อนที่เรื่องของไป๋หยิงจะถูกเผยแพร่
ดังนั้นไป๋ยี่รุ่ยอยากตรงไปที่บริษัทเลย ทว่าช่วงเวลานี้ถูกไป๋หยิงควบคุมตนเองไว้ บนตัวไม่มีอะไรเลย ไม่มีกุญแจของห้องทำงานและกุญแจของบริษัท ดังนั้นถึงได้โทรหาผู้ช่วยกลางดึกแบบนี้
ห้องทำงานของเขามีห้องพักผ่อน มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน เสื้อผ้าบนตัวของเขาสามารถไปเปลี่ยนที่ห้องทำงานได้
“ห้ะ? ไปบริษัทตอนนี้?” ผู้ช่วยตะลึงงันแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาตีสอง ประธานจะไปบริษัทตอนนี้?
นี่เกิดอะไรขึ้น?!
“ประธาน? มีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้ช่วยคิดอยู่ว่าประธานบ้านตนเองจะไปบริษัทตอนนี้ บริษัทจะต้องเกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้นแน่นอน ทว่าเมื่อวานในตอนที่เขาเลิกงานบริษัทยังปกติอยู่ทุกอย่างแท้ๆ
ถึงแม้ว่าประธานจะไม่ได้โผล่หน้ามาเป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ทว่ารองประธานไป๋ได้จัดการทุกเรื่องเป็นอย่างดี แต่ละแผนกของบริษัทก็มีผู้เชี่ยวชาญคอยรับผิดชอบ ไม่มีทางยุ่งแน่นอน
ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้อธิบาย เรื่องนี้ เขายังไม่บอกคนอื่นชั่วคราว
ขณะนี้ในใจของผู้ช่วยมีความสงสัยมากมาย ทว่าประธานบ้านตนเองไม่พูด ผู้ช่วยก็ไม่กล้าถามอยู่แล้ว ดังนั้นจึงได้แต่ไปที่บริษัทเป็นเพื่อนประธานบ้านตนเอง
หลังจากมาถึงบริษัทแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยตรงไปที่บริษัทเลย
“นายไปพักผ่อนก่อน ตอนที่มาทำงานพาทนายหลี่มาพบฉัน” หลังจากไป๋ยี่รุ่ยเข้าบริษัทไปแล้วไม่ได้ให้ผู้ช่วยตามเข้ามา เรื่องต่อจากนี้ที่เขาจะจัดการก็ไม่ได้คิดอยากให้ผู้ช่วยมาช่วย
“ทนายหลี่?” ผู้ช่วยตะลึงงันไปเลย ทำไมประธานพึ่งกลับมาถึงก็หาทนายหลี่เลย? หรือว่าบริษัทเกิดปัญหาใหญ่โตอะไรขึ้นจริงๆ เหรอ?
“ประธาน บริษัทเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ใช่ไหมครับ?” ผู้ช่วยทนไม่ไหว ก็ยังถามมากไปประโยคหนึ่ง ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็เป็นสมาชิกหนึ่งในบริษัท หากเกิดเรื่องขึ้นกับบริษัท งานของเขาก็ต้องได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ไป๋ยี่รุ่ยหันไปมองเขาหนึ่งที “วางใจเถอะ ไม่ส่งผลกระทบต่อนายแน่นอน……”
คำพูดของไป๋ยี่รุ่ยหยุดไปสักพัก จากนั้นก็พูดเสริมอีกประโยคว่า “ฉันจะจัดการเรื่องของนายให้ดี”
ผู้ช่วยก็ทำงานกับเขามาหลายปีแล้ว ความสามารถด้านการทำงานก็ไม่เลว ซื่อสัตย์จริงใจต่อเขาด้วย เรื่องที่ไป๋หยิงทำผู้ช่วยต้องไม่รู้แน่นอน ไม่เช่นนั้นต้องคิดหาวิธีช่วยเขาแน่นอน
คนข้างกายของตนเอง ไป๋ยี่รุ่ยจะจัดการให้ดีแน่นอน
“ประธาน? บริษัทเกิดเรื่องขึ้น…จริงๆ?” เพราะว่าผู้ช่วยรู้สึกอึ้งมากอยู่แล้วในตอนแรก ดังนั้นถึงได้ถามไป จริงๆ แล้วผู้ช่วยไม่ได้รู้สึกว่าบริษัทจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น ไม่ว่ายังไงแล้วเขาที่เป็นผู้ช่วยของประธานก็พอเข้าใจเรื่องของบริษัทอยู่
ถึงแม้ว่าช่วงเวลานี้ประธานจะไม่อยู่ ทว่าทุกอย่างของบริษัทต่างก็ปกติหมด ธุรกิจการขายก็เติบโตไม่แย่ เอกสารสัญญาการร่วมงานก็เซนต์ไปหลายฉบับอย่างราบรื่น ด้านการเงินก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ทว่าคำพูดเมื่อกี้ของประธานกลับทำให้เขารู้สึกว่าบริษัทจะจบแล้ว
“ไม่ส่งผลกระทบต่อนาย” ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้อธิบาย และไม่สามารถอธิบายได้
“ประธาน ผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้ หากบริษัทเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ผมจะอยู่ช่วยประธานอยู่ข้างๆ แน่นอน ทว่าบริษัทดูปกติทั้งหมดอยู่แท้ๆ” ผู้ช่วยไม่เข้าใจจริงๆ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมประธานไป๋ที่หายตัวไปนานขนาดนี้ พอประธานกลับมาแล้วก็พูดคำพูดแบบนี้เลย
บริษัทเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ประธานเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อีกอย่างตอนนี้ท่าทีของประธานดูแล้วก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นห่วงมากๆ สีหน้าของประธานซีดขาวจนไม่ปกติ ราวกับว่าป่วยหนัก เขารู้สึกว่าประธานจะสลบอยู่ตลอดเวลา
“ไม่เป็นไร นายไปพักผ่อนก่อนเลย เรื่องอื่นๆ นายไม่ต้องยุ่ง” ไป๋ยี่รุ่ยขยับมุมปากเล็กน้อย สำหรับความซื่อสัตย์จริงใจของผู้ช่วยนั้นเขารู้ ทว่าเรื่องต่อจากนี้เขาจำเป็นต้องทำจริงๆ เรื่องอะไรก็ไม่สามารถห้ามเขาได้
“บริษัทไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วง” ไป๋ยี่รุ่ยไม่อยากให้ผู้ช่วยรน ดังนั้นจึงพูดชี้แจงก่อน แต่ว่าเรื่องนี้ผู้ช่วยก็ไม่สามารถจัดการได้ ต้องรอให้พรุ่งนี้ทนายหลี่มาแล้วจึงจะจัดการได้ แต่ว่าในเวลานี้ เขาสามารถเตรียมเอกสารไว้ก่อนได้ รอให้พรุ่งนี้เข้างานแล้วก็สามารถไปจัดการได้เลย!!