ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1489 ผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว (1)
เรื่องนี้ผู้ช่วยก็ไม่สามารถจัดการได้ ต้องรอให้พรุ่งนี้ทนายหลี่มาแล้วจึงจะจัดการได้ แต่ว่าในเวลานี้ เขาสามารถเตรียมเอกสารไว้ก่อนได้ รอให้พรุ่งนี้เข้างานแล้วก็สามารถไปจัดการได้เลย! ไม่ว่ายังไงแล้วเวลาที่เหลือให้เขาก็ไม่มากแล้ว เขาหวังว่าเรื่องนี้จัดการได้ยิ่งเร็วยิ่งดี
“ประธาน ท่านเกิดปัญหาด้านสุขภาพอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้ช่วยได้ยินคำพูดของไป๋ยี่รุ่ยแล้วบวกกับหน้าตาของไป๋ยี่รุ่ยตอนนี้ ในใจก็มีการคาดเดาบางอย่าง อีกอย่างผู้ช่วยรู้สึกว่าการคาดเดานี้ของเขาใกล้เคียงกับความจริงมากๆ
ไป๋ยี่รุ่ยมองเขาไปหนึ่งที ไม่ได้ตอบ เพราะว่าก่อนหน้านี้เขากรีดทำร้ายตนเอง ร่างกายยังฟื้นฟูได้ไม่ดี ทว่าไม่ได้มีความอันตรายของชีวิตแล้ว ทว่าตอนนี้เขาฆ่าไป๋หยิงไปแล้ว
การฆ่าคนต้องทดแทนชีวิตด้วยคน จุดนี้เขาเข้าใจดี เขาก็ไม่เคยคิดที่จะหลบหนีความรับผิดชอบนี้ ดังนั้น ตอนนี้สถานการณ์ในตอนนี้สำคัญยิ่งกว่าปัญหาด้านร่างกายของเขา
ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้ตอบ ผู้ช่วยคิดว่าประธานบ้านคนเองเงียบแสดงว่ายอมรับแล้ว ตอนนั้นจึงรนขึ้นมาทันที “ประธาน หากร่างกายของท่านเกิดปัญหาอะไรขึ้นจริงๆ พวกเราก็ไปโรงพยาบาลกัน พวกเราไปรักษา ตอนนี้การแพทย์พัฒนาขนาดนี้ ต้องมีวิธีแน่นอน เรื่องของบริษัทประธานสามารถไม่ต้องกังวลได้ แต่ละแผนกต่างก็มีผู้รับผิดชอบจัดการได้ดีแน่นอนครับ”
ผู้ช่วยดูแล้ว ตอนนี้ประธานบ้านเขาก็คือดูเหมือนท้อแท้มาก ราวกับว่ากำลังกำชับเรื่องต่างๆ หลังจากเสียชีวิต แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ความคิดไปเองของผู้ช่วย ไป๋ยี่รุ่ยกำลังกำชับเรื่องต่างๆ หลังจากเสียชีวิตจริงๆ
เขาฆ่าไป๋หยิงแล้ว ถึงแม้ว่าตำรวจจะสืบไม่เจ เขาก็จะไปมอบตัว ทว่าเขาไม่อยากติดคุก ให้เขาติดคุกสิบกว่าปีเขายอมตายดีกว่า
อีกอย่างเขาตั้งใจฆ่าคน อาจจะถูกตัดสินโทษประหารชีวิตเลย
“ประธาน ร่างกายของท่านเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่ครับ” ผู้ช่วยเห็นประธานบ้านตนเองไม่ตอบ ในใจยิ่งรนไปใหญ่
“ประธาน ไม่ว่าร่างกายของท่านจะเกิดปัญหาอะไร ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไปรักษาที่โรงพยาบาล เรื่องของบริษัทท่านไม่ต้องเป็นห่วง บริษัทมีคนรับผิดชอบมากมายขนาดนั้น อีกอย่างยังไงมีรองประธานไป๋อีกด้วย รองประธานไป๋ไม่ให้บริษัทเกิดเรื่องหรอกครับ” ขณะนี้ทั้งใจของผู้ช่วยอยากแค่ที่จะพูดโน้มน้าวให้ประธานบ้านตนเองไปรักษา ไม่รู้เรื่องของไป๋หยิงเลย อีกอย่างต่างก็รู้ว่ารองประธานไป๋คือพี่สาวของประธาน ปกติแล้วถึงแม้ประธานและรองประธานไป๋จะดูไม่ค่อยสนิทกัน
ทว่าก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน ทั้งสองต่างก็ทำเพื่อบริษัททั้งนั้น
ผู้ช่วยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เลย ยิ่งไม่รู้ด้วยว่ารองประธานไป๋เสียชีวิตแล้ว อีกอย่างยังถูกประธานบ้านตนเองบีบคอตายกับมือด้วย หากผู้ช่วยรู้แล้ว เกรงว่าคงจะตกใจตาย
“นายสามารถออกไปได้แล้ว” ได้ยินผู้ช่วยพูดถึงไป๋หยิง สีหน้าของไป๋ยี่รุ่ยแย่ลงทันที
ผู้ช่วยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเห็นสีหน้าของประธานบ้านตนเองแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ปิดประตูแล้วเดินออกไปอย่างระวัง
ทว่าผู้ช่วยไม่ได้ออกจากบริษัท ประธานบ้านตนเองทำงานนอกเวลา เขาที่เป็นผู้ช่วยห้ามออกไปอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้ประธานดูไม่ปกติมากๆ
หลังจากที่ผู้ช่วยจากไปแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยเปิดตู้เซฟในห้องทำงาน หยิบเอกสารบางอย่างออกมา นั่งอยู่บนเก้าอี้ เปิดดูเอกสาร จากนั้นก็จัดเอกสารให้เรียบร้อยแล้วเก็บขึ้นมา
เขาไปอาบน้ำที่ห้องพักผ่อน เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็รอให้พรุ่งนี้ทนายหลี่มาทำงานแล้วค่อยไปจัดการเรื่องที่เขาจะทำ
ในขณะเดียวกัน ซ่างกวนหงที่อยู่ในห้องวาดภาพ
ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าคืนนี้หัวหน้าบ้านคนเองนอนไม่หลับแน่นอน ผู้ดูแลจ้งเห็นหัวหน้าบ้านตนเองอยู่แต่ในห้องวาดภาพ ไม่ออกมาสักที ข้าวเย็นหัวหน้าก็ทานไปไม่มาก ตอนนี้ตีสองกว่าแล้ว ผู้ดูแลจ้งจึงทำอาหารมื้อดึกส่งเข้าไปในห้องวาดภาพ
“หัวหน้า พักผ่อนครับ มาทานอาหารหน่อยเถอะครับ” ปกติแล้วน้อยมากที่ผู้ดูแลจ้งจะรบกวนซ่างกวนหง โดยเฉพาะตอนที่ซ่างกวนหงวาดภาพ
เมื่อก่อนในตอนที่ซ่างกวนหงวาดภาพมักจะอยู่ในห้องวาดภาพนานมาก บางครั้งอยู่เป็นวันสองวันเลย
ตอนนั้นถึงแม้ว่าผู้ดูแลจ้งจะเป็นห่วง กลับไม่กล้ารบกวน ทว่าผู้ดูแลจ้งรู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนกัน
ถึงแม้ตอนนี้หัวหน้าจะวาดภาพอยู่ในห้องวาดภาพ ทว่าผู้ดูแลจ้งรู้ว่าความคิดของหัวหน้าไม่ได้อยู่บนการวาดภาพ หัวหน้าต้องกำลังคิดเรื่องการตรวจดีเอ็นเอแน่นอน
ลองนับเวลาดู ผลตรวจดีเอ็นเอน่าจะใกล้ออกมาแล้ว ไม่ว่ายังไงแล้วอุปกรณ์ทางอะเหลียงก็ค่อนข้างทันสมัย ดังนั้นผลจึงออกมาเร็วหน่อย
จริงๆ แล้วผู้ดูแลจ้งเองก็กำลังรออยู่ อยากจะรีบรู้ผล ดังนั้น เขามาดูหัวหน้า ในเวลาเดียวกันก็อยากจะดูผลพร้อมกับผลหน้า
ผ่านการรอคอยมาหลายชั่วโมง ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่าตนเองยิ่งอยู่ยิ่งคาดหวังแล้ว อารมณ์ถึงขั้นยิ่งอยู่ยิ่งตื้นตัน ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่ตลอดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่ลูกสาวของหัวหน้า กลัวว่าจะเห็นผล ทว่าตอนนี้ผู้ดูแลจ้งอยากจะรีบเห็นผลเร็วๆ
ผู้ดูแลจ้งวางอาหารมื้อดึกลง เห็นภาพวาดที่หัวหน้าบ้านตนเองวาด ภาพวาดไม่ได้มีการพัฒนามากมาย พอๆ กับภาพก่อนที่เขาจะออกไป ดังนั้นชัดเจนเลย ความคิดของหัวหน้าไม่ได้อยุู่บนการวาดภาพจริงๆ
ซ่างกวนหงได้ยินคำพูดของผู้ดูแลจ้งแล้ว ก็วางดินสองลง เขาบอกตนเองว่าต้องทำจิตใจให้สงบ ยังไงแล้วผลก็มีแค่สองแบบ หนึ่งคือถังฉิ้นเอ๋อเป็นลูกสาวของเขา และอีกหนึ่งแบบคือถังฉิ้นเอ๋อไม่ใช่ลูกสาวของเขา
ดังนั้น เขาบอกตนเองว่าไม่ต้องคาดหวังมากเกินไป ไม่ต้องตื้นตันมากเกินไป เขาถึงขั้นบอกกับตนเองให้เตรียมใจไว้ก่อน ต้องเตรียมใจไว้ว่าถังฉิ้นเอ๋อไม่ใช่ลูกสาวของเขา
ดังนั้น เขาบอกกับตนเองว่าต้องทำจิตใจให้สงบ ทำจิตใจให้สงบ
ทว่าเวลายิ่งใกล้เข้ามาทุกที เขายิ่งไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
เขารอมาประมาณเก้าชั่วโมงกว่าแล้ว เขารู้ว่าผลใกล้จะออกมาแล้ว เพราะว่าเขาคาดหวัง เพราะว่าตื้นตัน หัวใจจึงเต้นจนไม่ปกติแล้ว
จิตใจที่สงบของเขาในตอนแรกหายไปหมดแล้ว ตอนนี้เขาคาดหวังมากๆ ทว่าก็เข้าใกล้เวลาที่จะรู้ผลแล้ว อารมณ์ของเขากลับไม่สามารถสงบลงได้ เขาถึงขั้นมีความกลัว
ตั้งแต่ที่เขาขำความได้ คุณพ่อของเขาก็เริ่มสั่งสอนเขา ฝึกซ้อมเขา วัยเด็กของคนอื่นๆ ต่างก็กำลังเล่นเพลิดเพลิน ทว่าเขากลับไม่มีเวลาอิสระเลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่เรียน เรียนรู้สิ่งที่แตกต่าง เขาฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลา ฝึกซ้อมจนไร้ศัตรู
ดังนั้น หลังจากที่เขารับช่วงองค์กรโกสต์ซิตี้แล้วมีหลายแผนการได้รับการดำเนินการอย่างเฉียบขาดและราบรื่นมาก เพียงแค่ไม่กี่ปีที่พัฒนาองค์กรโกสต์ซิตี้ให้แข็งแกร่งไม่น้อยเลย
ดังนั้น ในสายตาของคนนอก เขาคือคนที่สามารถทำได้ทุกอย่าง ในสายตาของคนพวกนั้นเขาถึงขั้นเป็นดั่งเหมือนเทพเจ้า
เขาสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ ทว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนแรกมาด้วยความยากลำบากของเขา เขารู้มาโดยตลอด เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่ง และเขาก็ทำได้แล้ว
ดังนั้น ในจิตสำนึกของเขา เขาไม่เคยกลัวมาก่อนเลย ในตอนที่ตามหาเธอไม่เจอเขาเสียใจ เขาผิดหวัง เขาเจ็บปวด ทว่าเขาไม่เคยกลัวเลย
แต่ว่าเพราะเขาตามหามาโดยตลอด ในใจจึงมีความหวังมาโดยตลอด รู้สึกมาโดยตลอดว่าจะหาเธอเจอ ดังนั้นจึงไม่ได้กลัว
ทว่าตอนนี้ในใจของเขารู้สึกกลัวมากจริงๆ เขากลัวมากจริงๆ ว่าผลตรวจดีเอ็นเอจะทำให้เขาผิดหวัง
หรือไม่เพียงแต่แค่ผิดหวัง เขาคิดว่า อาจจะทำให้เขาท้อแท้จริงๆ
เขาตามหาเธอมายี่สิบห้าปีแล้ว ระยะเวลายี่สิบห้าปี พลังขององค์กรโกสต์ซิตี้ ความสามารถของเขา ไร้ซึ่งผลลัพธ์ใดๆ ถึงแม้เขาไม่อยากยอมรับ ทว่ากลับไม่สามารถไม่ยอมรับได้ เขากลัวว่าจะตามหาเธอไม่เจอแล้ว
ดังนั้น เขารู้สึกท้อแท้ตั้งแต่แรกแล้ว เขารู้สึกเหมือนหัวใจได้ตายไปตั้งแต่แรกแล้ว
ทว่าในเวลานี้ จู่ๆ เขาก็มีความหวังใหม่เข้ามา เขามีลูกสาวคนหนึ่ง
ถึงแม้ในตอนที่ผู้ดูแลจ้งพูดถึงเรื่องนี้จะไม่มีหลักฐานใดๆ เลย ทว่าวินาทีนั้น ในใจของเขามีความคิดที่ชัดเจนมาก เขามีลูกสาวคนหนึ่ง
ไม่ใช่การคิดเพ้อฝัน ไม่ใช่การคาดหวัง ทว่าเป็นความคิดที่ชัดเจนมาๆ
เขามีความสัญชาตญาณ ที่คนทั่วไปจะไม่มีตั้งแต่เด็ก หรืออาจจะไม่สามารถเรียกว่าสัญชาตญาณได้ สัญชาตญาณไม่ได้ชัดเจน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
บางครั้ง ในใจของเขาจะความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมา กะทันหันมาก ถึงขั้นเฉียบพลันมาก ทว่าเสียงเสียงนั้นกลับชัดเจนมาก อีกอย่างหลังจากนั้นต่างก็ถูกยืนยันหมดแล้ว ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
แต่ว่า สถานการณ์แบบนั้นไม่ได้มีมาก ตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ เคยมีแค่สองครั้ง สองครั้งก่อนหน้านี้ต่างก็เป็นตอนที่เขาตกอยู่ในอันตราย ความคิดในสองครั้งนั้นต่างก็ทำให้เขารอดพ้นจากอันตรายมาได้ในท้ายที่สุด
แต่ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับลูกสาวของเขา เขามั่นใจมากว่าครั้งนี้ต้องเป็นเหมือนสองครั้งก่อน ไม่มีผิดแน่นอน
เขาไม่รู้ว่าต้องอธิบายสถานการณ์แบบนี้ยังไง เขาเองก็รู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบไหนจะเกิดสถานการณ์แบบนั้นขึ้น ทว่าครั้งนี้เป็นเหมือนกับสองครั้งก่อนเลย ดังนั้น เขาจึงยืนหยัดมาโดยตลอด
เขารู้ว่าแบบนั้นไม่ใช่ความคิดที่ผุดขึ้นมาเพราะในใจของตนเองมีความหวัง เพราะว่าเขาเข้าใจดี บางครั้งถึงแม้ว่าจะหวังขนาดไหนก็ไม่มีทางเกิดสถานการณ์แบบนั้นขึ้นได้
เหมือนดั่งเรื่องที่เขาตามหาเธอ……