ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1492 ผลการตรวจดีเอ็นเอ (2)
เจ้าเก้าขยับริมฝีปาก เห็นสภาพของหัวหน้าน้อยในตอนนี้แล้ว ก็ไม่ได้พูดเตือนอีก เธอรู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ถึงแม้เขาจะพูดมากแค่ไหนหัวหน้าน้อยก็ฟังไม่เข้าแน่นอน ไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว
“หากเธอเป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเรา ทำไมผลตรวจดีเอ็นเอถึงเป็นศูนย์ล่ะ? ผลตรวจดีเอ็นเอวางอยู่ตรงหน้าเราแล้ว ผิดพลาดตรงไหนกันแน่?” คุณชายหานไม่ได้คัดค้านมุมมองของหัวหน้าน้อย อาจจะเพราะคุณชายหานดูแล้วก็เห็นด้วยกับความหมายของหัวหน้าน้อย
“หากเป็นเหมือนกับที่หัวหน้าน้อยพูดจริงๆ งั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเส้นผมที่พวกนายเอากลับมาไม่ใช่เส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง” สุดท้ายลุงเหลียงก็อดไม่ไหว พูดเสริมอย่างแง่ดีไปประโยคหนึ่ง
“แน่นอน ส่วนตัวฉันรู้สึกว่าความคิดของหัวหน้าน้อยไม่ได้ค่อยถูกต้อง สถานการณ์ในตอนนี้สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเรานั้นมีไม่มาก ยังไงแล้วของที่เจ้าเก้าและอะหานนำกลับมามีความเป็นไปได้น้อยที่จะผิดพลาด ตอนนั้นเจ้าเก้าและอะหานต่างก็จ้องคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอยู่ตลอดเวลา เห็นว่าเส้นผมถูกดึงออกมาจากศีรษะของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกับตา ดังนั้น ความเป็นไปได้ที่เส้นผมจะไม่ใช่ของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังนั้นไม่มาก” ลุงเหลียงรู้ว่าหัวหน้าน้อยไม่อยากยอมรับผลแบบนี้ ลุงเหลียงก็รู้ว่าหัวหน้าน้อยเป็นคนที่นิสัยดื้อรั้นมาโดยตลอด ทว่าบางคำพูดก็จำเป็นต้องต้องพูด
ลุงเหลียงรู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว พวกเขาไม่ควรเสียเวลาอยู่บนตัวของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังต่อ พวกเขาควรจะขยายพื้นที่เพื่อไปตามหาเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขา
“หัวหน้าน้อย นายว่าฉันพูดถูกหรือเปล่า?” ลุงเหลียงไม่ค่อยอยากให้หัวหน้าน้อยวุ่นวายแบบนี้ต่อ ลุงเหลียงดูแล้ว เรื่องนี้ไม่มีความหมายที่จะวุ่นวายแบบนี้ต่อไป
หัวหน้าน้อยค่อยๆ หรี่ตาขึ้น เม้มริมฝีปาก เขาเข้าใจดีถึงความสามารถของเจ้าเก้าและคุณชายหาน เจ้าเก้าและคุณชายหานจ้องอยู่ด้วยกันทั้งสองคนความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นได้คือศูนย์
อย่าว่าแต่พวกเขาสองคนจ้องด้วยกันเลย ถึงแม้พวกเขาคนใดคนหนึ่งในนั้นจ้องไว้หนึ่งคน ก็ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
เจ้าเก้าและคุณชายหานไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ในการทำภารกิจเลย
ดังนั้น เส้นผมที่เจ้าเก้าและคุณชายหานนำกลับมา หัวหน้าน้อยเชื่อใจ
ทว่าตอนนี้ผลการตรวจดีเอ็นเอคือแบบนี้ อุปกรณ์ไม่ได้มีปัญหา และไม่ใช่ปัญหาด้านวิธีการดำเนิน ราวกับว่าจะเป็นไปได้แค่ปัญหาทางด้านนี้
หรือว่า เส้นผมที่เจ้าเก้าและคุณชายหานนำกลับมาจะไม่ใช่ของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจริงๆ?
แต่ว่านี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?
นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
หัวหน้าน้อยเงยหน้าขึ้นมองคุณชายหาน
คุณชายหานสบตากับหัวหน้าน้อยแล้วรีบตอบกลับทันที “ฉันสามารถยืนยันได้ ฉันเห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลถังดึงเส้นผมลงมาจากศีรษะกับตา ฉันสามารถยืนยันได้ว่าฉันจ้องอยู่ตลอดเวลา สถานการณ์ที่ดวงตาฉันเห็น เส้นผมไม่เคยถูกเปลี่ยนเลย”
ในตอนที่คุณชายหานพูดประโยคนี้ถือว่ามั่นใจมาก ทว่าเขาเองก็ไม่ได้พูดว่าแน่นอน เขาแค่พูดว่าตามสถานการณ์ที่ดวงตาเขาเห็น
แน่นอนว่า ก็เป็นไปได้ที่จะมีสถานการณ์ที่เขามองไม่เห็น ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้นี้จะน้อยมาก น้อยจนถึงขั้นสามารถละเลยได้
หัวหน้าน้อยมองไปทางเจ้าเก้าอีกครั้ง
“ฉันก็สามารถยืนยันได้ สถานการณ์ที่ฉันจะพูดนั้นเป็นเหมือนกับคุณชายหาน อีกอย่างเส้นผมนั้น ฉันเป็นคนรับมาจากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกับมือ ตามที่ฉันเห็นไม่ได้มีปัญหาใดๆ” เจ้าเก้าก็ตอบกลับไปประโยคหนึ่ง
“นั่นก็มีความเป็นไปได้สุดท้ายแล้ว เส้นผมเป็นของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ทว่าไม่ได้เข้ากับของหัวหน้า ดังนั้นคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่ลูกสาวของหัวหน้า” คำพูดแบบนี้ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดเลย เพราะว่าใครก็ไม่กล้าทำให้หัวหน้าน้อยโมโหในตอนนี้ มีเพียงแต่ลุงเหลียงที่กล้าพูด
“หัวหน้าน้อย พวกเราควรจะเผชิญหน้ากับความจริง”
คุณชายหานและเจ้าเก้าต่างก็มองไปทางลุงเหลียงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพวกเขาต่างก็เข้าใจว่าสถานการณ์ในตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทว่าก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมากระตุ้นหัวหน้าน้อยตอนนี้หรอก
“ความจริง?” หัวหน้าน้อยเก็บอารมณ์รุนแรงเมื่อกี้ มองไปทางลุงเหลียงแล้วยิ้มที่มุมปาก ราวกับยิ้มแล้ว “เรื่องในตอนนั้นลุงเหลียงบอกกับหัวหน้าว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เคยพูดความจริงหรือเปล่า”
ลุงเหลียงเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร เรื่องนั้นเป็นความผิดพลาดของเขาจริงๆ ทว่าก่อนที่เขาจะตรวจสอบให้แน่ใจไม่ได้รายงานกับหัวหน้า ในตอนที่เรื่องราวยังไม่ชัดเจนเขาจะไปบอกกับหัวหน้าได้ยังไง
แต่ว่าหลังจากที่ผู้ดูแลจ้งรู้ข่าวนี้แล้วบอกกับหัวหน้า จากนั้นจึงจะมีเรื่องภายหลังเกิดขึ้น
ทว่าลุงเหลียงไม่ได้อธิบายอะไร ตอนนี้พูดอะไรมากมายก็ไม่มีประโยชน์
“ใครๆ ก็สามารถทำผิดพลาดได้ เจ้าเก้าทำได้ อะหานก็ทำได้ ใครจะสามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาสองคนจะไม่ผิดพลาดล่ะ ฉันจะหาตัวอย่างอันใหม่กลับมาอีกครั้ง ทำการตรวจดีเอ็นเออีกครั้ง” หัวหน้าน้อยในตอนนี้ไม่ไดมีการวู่วามเหมือนเมื่อกี้ ทว่าท่าทีของเขากลับไม่ได้เปลี่ยนไป
และความหมายในตอนนี้ของเขาก็ชัดเจนมากๆ แล้ว เขาคิดว่าเส้นผมที่เจ้าเก้าและคุณชายหานนำกลับมาได้จะเกิดข้อผิดพลาด ดังนั้นเขาจะไปหาตัวอย่างใหม่ที่เป็นของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกลับมาอีกครั้ง
“หัวหน้าน้อย นายยอมที่จะสงสัยความสามารถของเจ้าเก้าและอยู่หาน ก็จะต้องดื้อรั้นแบบนี้เหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันกับผู้ดูแลจ้งต่างก็แน่ใจแล้วว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่มีทางเป็นลูกสาวของหัวหน้า เพราะว่าเธอเป็นลูกสาวของเวินจือฝาง ตอนนั้นในตอนที่เธอกลับบ้านเวิน ได้ทำการตรวจดีเอ็นเอมาก่อน อีกอย่างตอนนั้นคุณแม่ของเธอเป็นคนส่งเธอกลับบ้านเวินเอง หากเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้า คุณแม่ของเธอคงจะรู้ดีที่สุด คุณแม่ของเธอไม่มีทางส่งเธอไปที่บ้านเวินแน่นอน” ลุงเหลียงไม่อยากให้หัวหน้าน้อยเสียเวลา ความหมายของลุงเหลียงก็คือแน่ใจแล้ว
ที่ลุงเหลียงแน่ใจขนาดนี้ ไม่เพียงแต่เพราะว่าตอนที่เวินลั่วฉิงกลับบ้านเวินเคยทำการตรวจดีเอ็นเอมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นเพราะว่าตอนนั้นคุณแม่ของเวินลั่วฉิงส่งเธอกลับบ้านเวินด้วยตนเอง
เวินลั่วฉิงเป็นลูกสาวของใคร คุณแม่ของเวินลั่วฉิงรู้ดีสุด ในเมื่อตอนนั้นคุณแม่ของเวินลั่วฉิงส่งเวินลั่วฉิงกลับบ้านเวิน งั้นเวินลั่วฉิงก็ไม่ใช่ลูกของหัวหน้าแน่นอน
หัวหน้าน้อยหรี่ตาขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับผลแบบนี้ ทว่าคำพูดของลุงเหลียงก็มีเหตุผล แต่แค่เขาไม่อยากยอมรับ เขาอยากจะทำความแน่ใจครั้งสุดท้ายอีกขั้น
หัวหน้าน้อยทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะวู่วาม และไม่ใช่เพราะเขาดื้อรั้น เขาแค่ไม่อยากทำให้หัวหน้าผิดหวัง
ตลอดยี่สิบห้าปีมานี้ เขาเห็นหัวหน้าตามมาคุณนายมาโดยตลอด ทว่ากลับไม่มีผลสักที เขาเข้าใจความเจ็บปวดของหัวหน้าดี คนที่เพอร์เฟกต์ขนาดนั้น คนที่ยโสขนาดนั้น ตลอดยี่สิบห้าปีมานี้กลับอาศัยอยู่ในความเจ็บปวดมาโดยตลอด
คนคนนั้นเป็นฮีโร่ของเขา ถึงขั้นสามารถพูดได้เลยว่าเป็นความศรัทธาของเขา เขาไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวดอีก เขาอยากจะให้ความหวังกับเขา เขาหวังว่าในชีวิตหลังจากนี้จะมีแสงสว่างและความอบอุ่นเพิ่มขึ้น
จากที่เขาดูแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลถังตรงกับความต้องการของเขามากเกินไป
เขาหวังว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะเป็นลูกสาวของหัวหน้า เขาเองก็รู้ว่าหัวหน้าก็มีความหวังแบบนี้ ดังนั้นเขาไม่อยากให้หัวหน้าผิดหวัง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจบแบบนี้ได้
อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยอยู่ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้แรงสุดท้ายที่มีให้หมด
เพื่อหัวหน้า เพื่อฮีโร่ในใจของเขา เขาไม่สามารถยอมแพ้แบบนี้
หลานปีมานี้หัวหน้าช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว!!
ดังนั้นขอแค่มีความหวังเล็กน้อย เขาก็ยังพยายามให้ได้ พยายามพลิกแพลงเรื่องให้ได้
“ครั้งนี้ฉันจะไปด้วยตนเอง พวกนายไม่ต้องแทรกมือแล้ว” ขณะนี้สีหน้าของหัวหน้าน้อยมีความเข้มเล็กน้อย ทว่าเขาที่สงบสติอารมณ์ลงทำให้ผู้คนมองอารมณ์ของเขาไม่ค่อยออก ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าคนกันเองก็ตาม
“ต้องการให้ช่วยก็บอก ฉันรับรองเลยว่าเรียกปุ๊บถึงปั๊บ” คุณชายหานไม่พูดเยอะ ทว่าความหมายชัดเจนมาก เขาสนับสนุนหัวหน้าน้อย
ตามหลักแล้วหัวหน้าน้อยทำแบบนี้ถือว่าสงสัยพวกเขา ทว่าคุณชายหานไม่ได้มีความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อกี้หัวหน้าน้อยพูดถูก ไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เขาเองก็สามารถทำผิดได้
เขาเคยเห็นความสามารถคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกับตา ดังนั้นเขารู้สึกว่าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอยากจะทำอะไรบางอย่าง ใช่ว่าเขากับเจ้าเก้าจะจับได้
ตอนนี้เขาถึงขั้นรู้สึกว่าเส้นผมที่เขาได้มาจากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังง่ายเกินไปแล้ว ราวกับว่าไม่ค่อยเข้ากับนิสัยของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ดังนั้นตอนนี้เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะเปลี่ยนเส้นผม
ดังนั้น เขาสนับสนุนหัวหน้าน้อยไปสืบอีกครั้งมากๆ แต่เขารู้สึกว่าหัวหน้าน้อยจะสามารถได้ตัวอย่างของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอีกครั้งคงจะลำบาก คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ถึงความสามารถของหัวหน้าน้อย หัวหน้าน้อยสามารถดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้ได้เป็นอย่างนี้ ความสามารถไม่มีที่ต้องสงสัยแน่นอน แต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกว่าหัวหน้าน้อยอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง