ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1496 ต้องเป็นเธอเท่านั้น (2)
หลังจากที่ผู้ดูแลจ้งออกไป จู่ๆ ซ่างกวนหงที่อยู่ในห้องก็หัวเราะขึ้นมา แต่ว่าการหัวเราะนี้กลับดูโดดเดี่ยวมาก มีความเยาะเย้ยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นคือความอ้างว้าง
สุดท้ายแล้วเขาก็ตัวคนเดียว คุณพ่อเสียชีวิตในช่วงวัยรุ่น หญิงสาวคนเดียวที่ตนรัก นอกจากการสนิทสนมในครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่ได้พบหน้ากันอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการอยู่เคียงข้างแล้ว
ตามหามายี่สิบห้าปี ไม่มีเบาะแสเลยแม้แต่น้อย จริงๆ เขาไม่ได้มีความหวังอะไรแล้ว เขารู้ เธอาจจะไม่อยู่บนโลกใบนี้ตั้งนานแล้ว
แต่ว่า เขาหลับหลอกตนเองอยู่ตลอดเวลา เขาทำให้ตนเองเชื่อ ไม่ได้ข่าวที่เธอเสียชีวิต ไม่แน่เธออาจจะยังมีชีวิตอยู่
แต่ว่า ยี่สิบห้าปีแล้ว ตามความสามารถของเขา ตามอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่มีข่าวเลยแม้แต่น้อย จะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง
สำหรับเรื่องของลูกสาว หรือไม่อาจจะเป็นความหวังที่เพ้อฝันของเขาตั้งแต่แรก เขาที่ถูกลิขิตไว้ว่าจะต้องโดดเดี๋ยวจะมีลูกสาวได้ยังไง?
ซ่างกวนหง นายไม่เชื่อในฟ้าลิขิต นายคิดมาโดยตลอดว่าจะสามารถเอาชนะฟ้าลิขิตได้ นายมั่นใจมาตลอดว่าไม่มีอะไรที่นายไม่สามารถทำได้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วนายก็เอาชนะฟ้าลิขิตไม่ได้
ดังนั้น พอแค่นี้เถอะ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแล้ว อะไรก็ไม่ต้องเอาแล้ว พอแค่นี้เถอะ!!
ซ่างกวนหงนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเลย นัยน์ตาเขามองตรงไปอยู่อย่างนั้น ไม่กะพริบตาเลย ลูกตาก็ไม่ขยับเลย
ปกติแล้วตอนที่อยู่คนเดียวเขาจะวาดภาพ ทว่าขณะนี้ ดินสอวาดภาพวาดอยู่ตรงข้างเขา ขาตั้งวาดภาพก็วางอยู่ตรงหน้าเขา เขากลับทำเหมือนมองไม่เห็น เขาถึงขั้นไม่อยากวาดแล้ว!!
การท้อแท้ถอดใจก็แค่แบบนี้นี่เอง!!
ถึงแม้ว่าผู้ดูแลจ้งจะออกจากห้องแล้ว ทว่าในใจกลับเป็นห่วงมากๆ เขารู้ว่าห้ามเป็นแบบนี้ เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่ ไม่ใช่ว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่าง คือเขาจำเป็นต้องให้หัวหน้าทำอะไรบางอย่าง
ผู้ดูแลจ้งคิดไปคิดมาแล้วกดโทรสายของลุงเหลียงออกไป เขาตัดสินใจทำความเข้าใจก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผลตรวจดีเอ็นเอนั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่ลูกสาวของหัวหน้า?” อีกทางรับสาย ผู้ดูแลจ้งถามเลย ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาอ้อมค้อมแล้ว
“ใช่” อะเหลียงได้รับสายจากผู้ดูแลจ้งไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ทว่าพอได้ยินคำถามของผู้ดูแลจ้งแล้วกลับรู้สึกแปลกใจมาก เขารู้จักกับผู้ดูแลจ้งมานานหลายปีขนาดนั้น ครั้งแรกเลยที่เห็นผู้ดูแลจ้งรนขนาดนี้
ใช่ รนนั่นแหละ!!
ผู้ดูแลจ้งที่รน อะเหลียงเองก็ไม่อาจคาดคิดได้
“เกิดข้อผิดพลาดอะไร? เป็นไปได้ไหมที่ผลออกมาผิด?” ผู้ดูแลจ้งเป็นคนที่มีสติมาโดยตลอด ทว่าพอนึงถึงสภาพของหัวหน้าบ้านตนเองเมื่อกี้แล้ว เขาก็ไม่สามารถเงียบสงบได้ลง เขาหวังจริงๆ ว่าผลการตรวจดีเอ็นเอจะผิดไป
“ผลตรวจไม่มีปัญหา อุปกรณ์ปกติทุกอย่าง วิธีดำเนินการก็ไม่มีปัญหา หากจะผิด ก็อาจจะเป็นเส้นผมที่เจ้าเก้าและอะหานนำกลับมาไม่ใช่เส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง” ลุงเหลียงได้ยินคำถามของผู้ดูแลจ้งแล้วมีความงงเล็กน้อย ทว่าก็ยังรีบทำการอธิบายกลับทันที
“งั้น เป็นไปได้ไหมที่เส้นผมนั้นจะไม่ใช่ของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง” น้ำเสียงของผู้ดูแลจ้งสูงขึ้นกะทันหัน ราวกับว่าจู่ๆ ก็มีความหวังขึ้นมา
ไม่ใช่เพราะผู้ดูแลจ้งดื้อดึง แต่ว่าขณะนี้เขาหวังมากจริงๆ ว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้
เพราะว่าเมื่อกี้ผู้ดูแลจ้งนึกถึงเรื่องหนึ่งอย่างชัดเจน หัวหน้าบ้านเขาไม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเจ้าหญิงมากเกิน แต่ว่าให้ความสำคัญกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเท่านั้น
ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าหัวหน้าบ้านคนเองท้อแท้หมดหวังขนาดนั้นไม่เพียงแต่เพราะตามหาเจ้าหญิงไม่เจอจึงผิดหวัง หลักสำคัญคือผิดหวังเพราะคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่เจ้าหญิง
ในใจของหัวหน้าอาจจะมั่นใจแล้วว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นลูกสาวของเขา
ไม่เช่นนั้น เมื่อกี้หัวหน้าก็คงไม่พูดว่าไม่จำเป็นต้องตามหาแล้ว
ลุงเหลียงที่อยู่อีกทางหนึ่งเงียบไปสักครู่ จากนั้นก็สูดหายใจลึก จึงจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า “นายน่าจะรู้ว่าเจ้าเก้าและอะหานเป็นคนนำเส้นผมกลับมา นายเองก็น่าจะรู้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็คือเวินลั่วฉิง คือลูกสาวของเวินจือฝาง”
“ฉันรู้ แน่นอนว่าฉันรู้อยู่แล้ว ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว” แน่นอนว่าผู้ดูแลจ้งต่างก็รู้หมด ทว่าเขารู้ก็ไม่มีประโยชน์ หัวหน้าต้องยอมรับจึงจะได้
“สถานการณ์อะไรไม่เหมือนกัน” ลุงเหลียงไม่เข้าใจคำพูดของผู้ดูแลจ้ง
“……” ผู้ดูแลจ้งเงียบไปชั่วครู่ คิดไปคิดมาสุดท้ายก็พูดขึ้น “หัวหน้ายอมรับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เท่านั้น”
ในตอนที่ผู้ดูแลจ้งพูดประโยคนี้ถึงแม้น้ำเสียงจะไม่สูง ทว่ากลับมั่นใจมากๆ จุดนี้ไม่มีอะไรน่าสงสาร สามารถมั่นใจได้จากการตอบสนองของหัวหน้าในเมื่อกี้
“หมายความว่าอะไร?” ลุงเหลียงตะลึงงันไปเลย น้ำเสียงสูงขึ้นอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเพราะตกใจเกินไป หรือว่าเพราะฟังไม่เข้าใจ
ขณะนี้คุณชายหานยังไม่จากไป ได้ยินเสียงของลุงเหลียงแล้วก็ตกใจอย่างชัดเจน คุณชายหานอึ้งไปเลย มองดูลุงเหลียงด้วยความแปลกใจ เขาอยู่ข้างลุงเหลียงมาตั้งแต่เด็ก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นลุงเหลียงมีการตอบสนองที่ตกใจเช่นนี้
ถึงแม้ว่าคุณชายหานจะไม่ได้ยินเสียงของอีกทางหนึ่ง ทว่าคุณชายหานเองก็เดาออกว่าน่าจะเป็นผู้ดูแลจ้งที่โทรหา ทว่าคุณชายหานไม่รู้ว่าผู้ดูแลจ้งพูดอะไรกับลุงเหลียง ถึงได้ทำให้ลุงเหลียงตกใจขนาดนี้
“อะเหลียง นายไม่ได้ฟังผิด หัวหน้ายอมรับแต่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ หากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่เจ้าหญิงของพวกเรา หัวหน้าก็ไม่ต้องการแล้ว” ผู้ดูแลจ้งเข้าใจในเหตุผลนี้ตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องแล้ว ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะไปตามหาเจ้าหญิง ตอนแรกคิดว่าขอแค่หาเจ้าหญิงตัวจริงเจอ หัวหน้าต้องดีใจมากๆ แน่ๆ ทว่าการตอบสนองของหัวหน้ากลับทำให้ผู้ดูแลจ้งเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นแบบนั้น
ดังนั้น ขณะนี้ผู้ดูแลจ้งจึงรู้สึกว่าการที่ไปตามหาเจ้าหญิงต่อในตอนนี้ สู้ทำการตรวจยืนยันอีกครั้งจะดีกว่า
แน่นอนว่า ครั้งนี้ผู้ดูแลจ้งตัดสินใจปิดบังหัวหน้าไว้ก่อน หัวหน้าห้ามถูกโจมตีอีกครั้งแล้ว ห้ามให้ความหวังกับหัวหน้าและทำให้หัวหน้าผิดหวังอีกครั้ง
การโจมตีแบบนั้นหากมาอีกครั้งอาจจะเอาชีวิตของหัวหน้าไปได้เลย
หัวหน้าในตอนนี้ไม่ใช่หัวหน้าเมื่อยี่สิบห้าปีแล้ว หัวหน้าในตอนนี้ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะอยู่รอดมากมายแล้ว
“ไม่จำเป็นต้องหาแล้ว?” ลุงเหลียงตกใจอีกครั้ง ครั้งนี้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าในน้ำเสียงแฝงความไม่อยากเชื่ออยู่
“ใช่ นี่คือความหมายของหัวหน้า และคือคำพูดเดิมจากหัวหน้าเลย” เมื่อกี้ผู้ดูแลจ้งพูดไปมากมายขนาดนั้นหัวหน้าตนเองไม่มีการตอบสนองใดๆ เลย ผู้ดูแลจ้งจึงเข้าใจคำพูดประโยคนั้นแล้วว่าไม่ได้แค่พูดลอยๆ แต่ว่าจริงจังมาก
“หากคุณหนูใหญ่ตระกูลไม่ใช่เจ้าหญิงของเรา ก็ไม่ต้องตามหาเจ้าหญิงตัวจริงอีกแล้ว? ให้เจ้าหญิงตัวเองใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก? หัวหน้าจะตอบตกลงเหรอ?” ลุงเหลียงในขณะนี้ตกใจมากจริงๆ ถึงขั้นลืมปกปิดน้ำเสียงของตนเองแล้ว
นัยน์ตาคู่หนึ่งของคุณชายหานเบิกตาโต เขาได้ยินว่าอะไร? เขาได้ยินอะไรมา?
หากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช้เจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขา ก็จะไม่ไปตามหาเจ้าหญิงแล้ว?
นี่เกิดอะไรขึ้น?!!
ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกจินตนาการเลยล่ะ?
“นี่คือความหมายของหัวหน้า” ผู้ดูแลจ้งเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ ทว่าตอนนี้เรื่องราวก็เป็นแบบนี้ นี่คือความหมายของหัวหน้า
“ช่าง……ช่าง……” ลุงเหลียงไม่สามารถยอมรับสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างชัดเจน น่าจะอยากด่าคน ทว่าพอนึกขึ้นว่านี่เป็นความหมายของหัวหน้า คำพูดมาถึงปากของลุงเหลียงก็ต้องกดทับลงไป
“นายไม่พูดโน้มน้าวหัวหน้าเลยเหรอ หรือว่าจะปล่อยให้ก่อกวน……แบบนี้เหรอ?” ลุงเหลียงในขณะนี้มีอารมณ์รุนแรงเป็นพิเศษ นี่เขากำลังก่อกวนอยู่ชัดๆ
“เรื่องที่หัวหน้าตัดสินใจแล้วใครจะสามารถพูดโน้มน้าวไหว? นายไหวนายก็มาพูดสิ” ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกปรักปรำ เขาไม่ได้พูดโน้มน้าวเหรอ? หลักๆ คือเขาพูดไม่ไหวเลย
“งั้นตอนนี้ไม่ตามหาแล้วจริงๆ เหรอ?” ลุงเหลียงแอบสูดหายใจลึก ขณะนี้สีหน้าของเขาดูเย็นชาลงอย่างชัดเจน
“ฉันรู้สึกว่าถึงแม้จะหาเจอแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเหมือนเฉิงโหรวโหรวในก่อนหน้านี้” จากการตอบสนองของหัวหน้าบ้านตนเองในเมื่อกี้แล้วผู้ดูแลจ้งไม่สงสัยเลยว่าจะเป็นสถานการณ์แบบนี้ที่เหมือนกัน
“แบบนั้นจะเหมือนกันเหรอ? เฉิงโหรวโหรวเป็นตัวปลอม หากหาตัวจริงเจอแล้ว เลือดข้นกว่าน้ำ หัวหน้าจะไม่ไถ่ไม่ถามได้ยังไง?” ลุงเหลียงไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมากกับผู้ดูแลจ้ง
“ขอแค่หาเจ้าหญิงตัวจริงเจอแล้ว ขอแค่เจอเจ้าหญิงตัวจริงแล้วจริงๆ เลือดข้นกว่าน้ำ หัวหน้าจะต้องชอบมากแน่ๆ” ลุงเหลียงรู้สึกว่านี่ต่างหากที่เป็นสถานการณ์ปกติ
ผู้ดูแลจ้ง “……”
จะเป็นแบบนี้เหรอ?
หัวหน้าเจอเจ้าหญิงตัวจริงแล้วจะชอบจริงๆ เหรอ?
อาจจะแหละมั้ง? เหมือนกับที่อะเหลียงพูดว่าไม่ว่ายังไงแล้วเลือดก็ข้นกว่าน้ำ
“งั้นนายให้คนไปตามหาเถอะ” ผู้ดูแลจ้งก็หวังว่าจะเป็นเหมือนที่อะเหลียงพูด เจ้าหญิงตัวจริงปรากฏอยู่ต่อหน้าหัวหน้า ไม่แน่สถานการณ์อาจจะไม่เหมือนกันก็เป็นได้ นี่ก็ถือว่าเป็นความหวังหนึ่งสินะ!!
แต่ว่าผู้ดูแลจ้งก็ไม่อยากจะยอมแพ้ทางคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไปแบบนี้