ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1515 เกิดข้อผิดพลาด (1)
พอสะสมไว้เยอะ ก็เลยสร้างห้องโถงไว้ที่สวนหลังบ้าน ขนาดห้องโถงใหญ่ขนาดนั้นยังเกือบจะเต็มแล้ว ของที่น่าตื่นตาตื่นใจมีไม่น้อยเลยจริงๆ มันต้องถูกใจเด็กๆอย่างแน่นอน
หยวนจุนหลินยังไม่แต่งงาน คฤหาสน์หยวนก็ไม่มีเด็กน้อย ปกติเวลาที่ท่านหยวนมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็จะมาที่นี่คนเดียว เพราะว่าบางทีของเล่นเด็กๆก็สามารถทำให้ผ่อนคลายได้ และก็ต่างเป็นของที่เด็กเล็กชอบ
พอเด็กน้อยทั้งสองคนเข้าไปในห้องโถงก็ถูกดึงดูดในทันที แม้แต่ผู้ใหญ่ตัวน้อยอย่างถังจื่อโม่ที่สงบเยือกเย็นอยู่เสมอก็ยังตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน
“ของน่าเล่นเยอะเลย”ปกติถังจื่อซีก็เป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใสอยู่แล้ว เธอแทบจะบินเข้าไปในทันที จับอันนี้ มองอันนั้น รู้สึกว่าดวงตาใช้ไม่ได้ทันการเลย
“ดูท่าทางเด็กน้อยทั้งสองคนนี้จะชอบมากเลยนะ”พอเฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นเด็กๆชอบก็รู้สึกดีใจ เธอจำได้ว่าต่อให้จื่อโม่เป็นเด็ก แต่ว่าเขาไม่สนใจในสิ่งที่เด็กๆ เล่นเลย
เธอซื้อของเล่นให้จื่อโม่ตั้งมากมาย แต่ว่าเขาก็ไม่สนใจเลย นอกจากโมเดลครั้งที่แล้ว ก็เป็นเรื่องยากมากที่เฟิ่งเหมียวเหมียวจะได้เห็นจื่อโม่ดูมีท่าทีสนใจแบบนี้
“เด็กๆ ชอบก็ดีแล้ว ในที่สุดสิ่งพวกนี้ที่ท่านหยวนทำก็มีประโยชน์แล้ว ต่อไปเธอก็พาเด็กๆ มาเล่นที่นี่ก็ได้นะ”ตอนนี้คุณนายหลี่เป็นแฟนคลับของเด็กทั้งสองคนนี้เต็มตัวแล้ว แล้วจะเห็นเด็กๆสำคัญที่สุดในทุกเรื่อง
เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้ตอบตกลงในทันที เพราะว่ายังไงที่นี่ก็คือคฤหาสน์หยวน ไม่ใช่บ้านถัง ต่อให้ความสัมพันธ์ของบ้านเธอกับท่านหยวนจะดีขนาดไหน แต่ก็จะพาเด็กๆมาเที่ยวเล่นทุกวันไม่ได้
แต่ว่า มันยากที่จะเห็นเด็กๆชอบขนาดนี้ เฟิ่งเหมียวเหมียวก็เลยคิดว่าจะหาโอกาสพาเด็กๆ มาเที่ยวเล่นอีก
ความคิดของเด็กน้อยนั้นไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นะ แค่มีของเล่นกองตรงหน้าของพวกเขา ความสนใจของเด็กๆก็จะถูกดึงดูดเข้าไปในทันที
จื่อโม่ไปค้นคว้าของเล่นที่เขาสนใจ ส่วนจื่อซีก็เลือกของเล่นที่ธรรมดาๆ สิ่งที่เธอสนใจมันค่อนข้างจะกว้างขวาง ขอแค่สนุก แล้วก็ดูดี จื่อซีก็ชอบหมดแหละ
ตอนนี้เอง ผู้ดูแลจ้งที่อยู่ในห้องทำงานก็ได้ยินเสียงข้างล่าง ผู้ดูแลจ้งก็รู้ว่าแขกมาถึงหมดแล้ว แล้วหัวหน้าจะลงไปตอนนี้ หรือว่าอีกเดี๋ยวค่อยลงไปกัน?
ผู้ดูแลจ้งมองไปที่หัวหน้าของตัวเอง แล้วก็เห็นว่าหัวหน้านั่งนิ่งไม่ขยับ แต่ว่าผู้ดูแลจ้งก็สังเกตได้ว่าหัวหน้าของเขาคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าก็ได้ยินเสียงจากข้างล่างเหมือนกัน แล้วหัวหน้าก็น่าจะรู้ว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังมาถึงแล้ว
แค่การที่หัวหน้ายังไม่ลุกขึ้น ผู้ดูแลจ้งก็เข้าใจแล้ว ว่าหัวหน้าไม่น่าอยากจะลงไปตอนนี้ เพราะถึงยังไงแขกก็เพิ่งจะมาถึงกัน ถ้าเขาลงไปตอนนี้คงจะกะทันหันไปหน่อย
เพราะว่าเรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้กับตระกูลถัง เป็นไปได้ว่าตระกูลถังจะมีเจตนาที่ไม่ดีกับพวกเขา ถ้าเกิดว่าหัวหน้าลงไปหาคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังตอนนี้ อาจจะถูกทำร้ายก็ได้?
ต่อให้ไม่ถูกทำร้าย ตระกูลถังก็คงไม่ยอมปล่อยให้หัวหน้าเข้าใกล้คุณหนูใหญ่ของตระกูลถังได้ง่ายๆหรอก
ถ้าลงไปตอนนี้คงจะไม่ค่อยเหมาะสม หรือว่าลงไปตอนกินข้าวก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี เพราะว่าถ้าลงไปตอนกินข้าวยิ่งจะดึงดูดสายตาได้ง่าย
ถ้าจะให้เลือกเวลาที่ไม่เด่นจนเกินไป ก็คือเป็นตอนที่คุณหนูใหญ่ของตระกูลถังอยู่คนเดียว
เวลานั้นก็คือเวลาหลังอาหารเย็น เพราะว่าหลังจากอาหารเย็นต้องมีเวลาแห่งความบันเทิงแน่นอน ในสถานการณ์แบบนั้น ถ้าดูจากความรักสันโดษของเธอแล้ว มีความเป็นไปได้มากว่าเธอจะอยู่คนเดียว
ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่าหัวหน้าของเขาน่าจะคิดแบบนี้ เพราะฉะนั้นในเมื่อหัวหน้าคิดแบบนี้ ผู้ดูแลจ้งก็จะช่วยให้เป็นไปตามนั้น
“คุณหยวน เย็นวันนี้ที่บ้านคุณมีแขกเหรอครับ?”ผู้ดูแลจ้งมองไปที่ท่านหยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ถึงแม้ว่าในใจของผู้ดูแลจ้งตอนนี้จะอึดอัด แต่ว่าการแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็ยังปกติ
“ใช่ ใช่ครับ”ท่านหยวนกำลังจะนั่งไม่ติดอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงของผู้ดูแลจ้งก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดผู้ดูแลจ้งก็จะกลับแล้วใช่ไหม?
เพราะว่าท่านหยวนได้ส่งข้อความให้คุณนายหยวนก่อนหน้านี้แล้ว เดิมเขานึกว่าคุณนายหยวนจะเลื่อนงานปาร์ตี้เป็นวันอื่น แต่ว่าตอนนี้แขกมาถึงหมดแล้ว แสดงว่างานเลี้ยงยังจัดขึ้นตามปกติ เขาเดาว่าทางด้านของตระกูลถังน่าจะจัดการเรียบร้อยแล้ว
“ในเมื่อคุณหยวนมีแขก ก็ลงไปรับแขกก่อนก็ได้ครับ”ผู้ดูแลจ้งพูดเสริมอย่างเป็นธรรมชาติ
“อ้อ ได้ ได้ครับ”ท่านหยวนคิดว่าจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่เพราะว่าทั้งสองท่านนี้เอาแต่นั่งอยู่ในห้องทำงานไม่ยอมกลับ เขาก็ไม่สามารถทิ้งทั้งสองท่านนี้ไว้แบบไม่สนใจได้
พอท่านหยวนได้ยินคำพูดของผู้ดูแลจ้งก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดูท่าทางผู้ดูแลจ้งกลับหัวหน้าเตรียมจะกลับแล้วจริงๆ
ท่านหยวนยืนขึ้นเตรียมจะส่งแขก แต่ว่าท่านหยวนยืนอยู่พักหนึ่งแล้ว ผู้ดูแลจ้งกลับหัวหน้าก็ไม่ได้มีท่าทีจะลุกขึ้นเลย
ท่านหยวนอึ้งไป นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ผู้ดูแลจ้งบอกให้เขาลงไปรับแขกก่อน แต่ว่าทำไมทั้งสองท่านนี้ถึงนั่งนิ่งไม่ขยับเลยล่ะ?
“หัวหน้า?ผู้ดูแลจ้ง?”ท่านหยวนไม่เข้าใจสถานการณ์จริงๆ ก็เลยเอ่ยปากถาม
“คุณหยวนไม่ต้องสนใจพวกเราหรอกครับ ไปรับแขกเถอะ”ถึงแม้ว่าผู้ดูแลจ้งจะหน้าหนาแค่ไหน แต่ว่าในใจก็รู้สึกก็เขินอยู่ดี แต่ว่าต่อให้เขาจะรู้สึกอับอายแค่ไหน ก็ต้องอดทนเอาไว้
เพื่อหัวหน้าของเขา เขาต้องอดทนไว้ให้ได้ แน่นอนผู้ดูแลจ้งรู้ว่าคนที่รู้สึกเขินมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น เพราะหัวหน้าเขาไม่มีทางรู้สึกแบบนั้นหรอก
น้อยครั้งมากที่หัวหน้าเขาจะแคร์ความคิดของคนอื่น นอกจากคนใกล้ชิดเท่านั้น ส่วนคนอื่นจะคิดยังไง หัวหน้าของเขาก็ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นหัวหน้าของเขาถึงได้นั่งอยู่ในห้องทำงานของคฤหาสน์หยวนเหมือนกับห้องทำงานที่บ้านตัวเอง ส่วนท่านหยวนจะคิดยังไง หรือจะมองยังไง หัวหน้าก็ไม่สนใจหรอก
“หา?!”ท่านหยวนตะลึงไปในทันที นี่มันหมายความว่ายังไง?
ให้เขาไปรับแขกคนอื่น ไม่ต้องสนใจพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?
เพราะเขาก็เป็นของเขาเหมือนกัน แล้วเขาจะไม่สนใจได้ยังไง?
ต่อให้เป็นแขกธรรมดาทั่วไป เขาก็ไม่สนใจไม่ได้ จะยิ่งจะนับประสาอะไรกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้
แน่นอน ถ้าเกิดว่าเป็นแขกธรรมดาทั่วไป ท่านหยวนอาจจะเอาไม้กวาดไล่ออกไปแล้ว
“คุณหยวนไม่ต้องสนใจพวกเราหรอกครับ……ให้หัวหน้าของพวกเราอยู่ที่นี่เงียบ……” ผู้ดูแลจ้งมองไปที่หัวหน้าของตัวเอง น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ มีการหยุดกลางคันระหว่างพูด เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไว้ รู้สึกเหมือนมีเรื่องอะไรที่พูดลำบาก
“ผู้ดูแลจ้ง เพราะอะไรกันครับ?”ท่านหยวนเป็นคนฉลาด เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าผู้ดูแลจ้ง ‘มีเรื่องที่พูดลำบาก’
“เฮ้อ”ผู้ดูแลจ้งถอนหายใจยาวออกมา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจ แล้วก็พูดออกมาช้าๆ “คุณหยวนน่าจะเคยได้ยินเรื่องเจ้าหญิงปลอมขององค์กรโกสต์ซิตี้ใช่ไหมครับ?”
“อืม เคยได้ยินเหมือนกันครับ เรื่องนี้มันค่อนข้างเลวร้ายมากเลย”มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ท่านหยวนก็ย่อมต้องเคยได้ยินมาบ้างอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่น่ารื่นรมย์เลยจริงๆ
ขนาดเขาเป็นคนนอกยังรู้สึกโกรธเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับคนที่เกี่ยวข้องอย่างหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้
“คุณหยวนน่าจะรู้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น” ผู้ดูแลจ้งถอนหายใจอีกครั้ง สีหน้าดูเคร่งขรึม
“หรือว่าเรื่องนี้มันยังมีสิ่งอื่นซ่อนอยู่อีกเหรอครับ? ”ท่านหยวนอึ้งไป ฟังจากน้ำเสียงของผู้ดูแลจ้ง เหมือนกับว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงกว่าที่คนนอกรู้
“อืม ถ้าเกิดว่าเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งปลอมตัวมาเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ก็คงไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าหัวหน้าจะเสียใจเพราะเรื่องนี้ แต่ว่าผลลัพธ์มันก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่ว่ามันคือสิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้น” สีหน้าของผู้ดูแลจ้งเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยกดดัน ความเศร้า แล้วก็ความโกรธ
ตอนนี้ท่านหยวนไม่กล้าพูดอะไร ท่านหยวนก็เป็นคนฉลาด เขาฟังออกว่าผู้ดูแลจ้งกังวลว่าจะพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องภายในขององค์กรโกสต์ซิตี้เข้า ในฐานะที่เป็นคนนอกเขาก็ไม่ควรถามอยู่แล้ว
ถ้าเกิดว่าผู้ดูแลจ้งอยากพูด เขาก็จะฟัง แต่ถ้าผู้ดูแลจ้งไม่อยากพูด เขาจะไปถามก็ไม่ได้
แต่ว่า ตอนนี้ท่านหยวนก็เข้าใจแล้วว่ามันมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลังเรื่องเจ้าหญิงปลอม
“ถ้าเกิดว่าเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เธอก็ไม่มีทางหลอกหัวหน้าได้หรอก เรื่องในครั้งนี้มีคนระดับสูงในองค์กรโกสต์ซิตี้กำลังเล่นไม่ซื่อ วางแผนใส่หัวหน้า”ท่านหยวนไม่ได้ถาม แต่ว่าผู้ดูแลจ้งก็พูดออกมาเองเลย
ท่านหยวนกะพริบตาเบาๆ เขารู้สึกแปลกใจ แล้วก็รู้สึกช็อก นี่น่าจะเป็นเรื่องภายในขององค์กรโกสต์ซิตี้นี่?
แล้วผู้ดูแลจ้งจะบอกเขาแบบนี้เลยเหรอ?
“หัวหน้ารู้แผนการสมรู้ร่วมคิดของคนพวกนั้น แต่ว่าคนพวกนั้นไม่ใช่แค่ไม่ยอมรับ แต่กลับเล่นงานคืนแทนแบบกัดไม่ปล่อย ไปรวมตัวกับคนระดับสูงในองค์กรโกสต์ซิตี้คนอื่นแล้วมาหาหัวหน้า บังคับให้หัวหน้า……”แน่นอนว่าผู้ดูแลจ้งเห็นสีหน้าที่ช็อกของท่านหยวน แต่ว่าละครเรื่องนี้ต้องเล่นให้จบ เพราะว่าเขาไม่อยากให้หัวหน้าของเขาถูกไล่ออกไป และก็อยากให้หัวหน้าได้เจอกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง ผู้ดูแลจ้งก็เลยต้องเล่าเรื่องที่น่าสงสารของหัวหน้าให้เขาฟัง
ผู้ดูแลจ้งจงใจหยุดพูด การที่อยากพูดแต่เลือกที่จะไม่พูดต่อเป็นการเว้นที่ว่างให้คนได้คิดต่อ คำพูดก่อนหน้านี้ของผู้ดูแลจ้ง บวกกับน้ำเสียงและสีหน้าของเขา ทำให้คนอื่นนึกถึงเรื่องนี้แบบซับซ้อนขึ้น แล้วก็จะรู้สึกสงสารหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มากยิ่งขึ้น!!