ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1544 บ้าเกินไปแล้ว (3)
“ไม่ เธอไม่ต้องยุ่ง ทางตำรวจจะตัดสินยังไงก็ตัดสินไป นี่มันเป็นสิ่งที่ฉันสมควรได้รับ” ไป๋ยี่รุ่ยไม่อยากให้หลิวหยิงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องนี้เดิมทีแล้วมันไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลยด้วย เย็นนี้เขามาหาหลิวหยิงเพียงแค่เพื่อให้เธอช่วยเขาติดต่อเวินลั่วฉิงเมื่อถึงตอนนั้นเท่านั้น เรื่องอื่นเขาไม่อยากให้เธอยุ่งให้มากมาย
“นั่นก็ต้องคิดหาวิธีด้วยเหมือนกัน พี่จะมองโลกในแง่ร้ายอย่างนี้ไม่ได้นะ เรื่องนี้พี่ไม่อยากบอกเวินลั่วฉิง งั้นฉันจะคิดหาวิธีเอง” หลิวหยิงรู้ความคิดของเขา เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเดือดร้อน
เธอรู้มาโดยตลอด ใจของเขาอ่อนที่สุด
“ฆ่าคนมันต้องชดใช้ด้วยชีวิต เธอจะมีวิธีอะไรอีกได้?” ไป๋ยี่รุ่ยส่ายหน้าออกมาเบา ๆ “ตอนแรกที่บ้านเธอเกิดเรื่อง ฉันเองก็ยุ่งเสียจนเอาตัวเองยังไม่รอดเลย ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย ต่อมาฉันได้รู้ว่าคุณลุงหลิวได้ถูกปล่อยตัวแล้ว คนพวกนั้นก็ไม่ได้บีบตระกูลหลิวให้จนมุมอีก ได้ข่าวว่าแม่กับน้องชายของเธอไปต่างประเทศ ต่อมาก็ติดต่อเธอไม่ได้เลย”
ตอนที่ตระกูลหลิวเกิดเรื่อง คุณพ่อไป๋เพิ่งจะเสียชีวิตไปได้ไม่นาน เมื่อตอนนั้นไป๋ยี่รุ่ยก็เลยไร้หนทางช่วยเหลือตระกูลหลิวได้จริง ๆ เรื่องนี้เขาเองก็รู้สึกผิดมากเหมือนกัน แต่ต่อมาได้ข่าวมาว่าคุณพ่อหลิวได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว
เมื่อตอนนั้นเหมือนกับว่าจะมีคนช่วยตระกูลหลิวเอาไว้ เพราะว่าความสัมพันธ์กับตระกูลหลิวไม่เลวมาโดยตลอด เมื่อตอนนั้นเขาก็ได้ข่าวมาบ้างเหมือนกัน
แต่ต่อมาหลิวหยิงก็ได้ตัดขาดการติดต่อทั้งหมดของเขาไป เกี่ยวกับเรื่องของหลิวหยิงนั้นเขาไม่รู้ชัดเลย
หลิวหยิงตะลึงงันไป มือได้กำแน่นออกมาทันที ห้าปีมานี้ เธอไม่เพียงแต่จะตัดขาดการติดต่อกับไป๋ยี่รุ่ย เธอตัดขาดการติดต่อกับคนที่รู้จักทั้งหมด
เพราะว่าเธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเธอกับซือถูมู่หรง
อันที่จริงไป๋ยี่รุ่ยเพียงแค่เพื่อเบี่ยงเบนหัวข้อบทสนทนาถึงได้พูดถึงเรื่องพวกนี้ แต่ความรู้สึกของหลิวหยิงในตอนนี้มันกลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก
“หลายปีนี้เธอใช้ชีวิตสุขสบายดีหรือเปล่า หลายปีมานี้เธอไปทำอะไรอยู่?” ไป๋ยี่รุ่ยไม่รู้สถานการณ์ของหลิวหยิงเลยจริง ๆ ดังนั้นแล้วเขาจึงได้ถามออกไปอย่างเป็นห่วงเป็นใย
ไป๋ยี่รุ่ยถึงขนาดที่ยังคิดเลยว่าตอนนี้เวินลั่วฉิงกลับไปที่ตระกูลถังแล้ว กลายเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลถังไปแล้ว เขาเองก็ไม่ต้องกังวลว่าเวินลั่วฉิงจะถูกรังแกด้วยเหมือนกัน ดังนั้นแล้วเขาก็เลยคิดว่าทรัพย์สินของเขาสามารถโอนไปให้หลิวหยิงได้ด้วยบางส่วน
อันที่จริงก่อนหน้านี้ไป๋ยี่รุ่ยก็วางแผนเอาไว้แล้วเหมือนกัน เพราะถึงยังไงหลิวหยิงก็เติบโตมาด้วยกันกับเขามาตั้งแต่เล็ก เขาเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวมาโดยตลอด อีกอย่างเรื่องนี้ต้องให้หลิวหยิงช่วย ดังนั้นแล้ว เขาจึงเก็บบ้านหลังหนึ่งเอาไว้ให้หลิวหยิง แล้วก็ยังมีเงินสดจำนวนหนึ่งด้วย
เขาคิดว่าตระกูลหลิวเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขนาดนั้น หลายปีมานี้หลิวหยิงจะต้องใช้ชีวิตได้ไม่ดีเลยอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าหลายปีมานี้ติดต่อไม่ได้เลย ตอนนี้ติดต่อได้แล้ว เขาช่วยได้ก็ช่วยเธอสักหน่อย
แต่ไป๋ยี่รุ่ยรู้นิสัยหลิวหยิงดี ถ้าเขาหยิบยื่นอะไรให้เธอไป เธอจะต้องไม่เอาแน่ ดังนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้เขาจึงไม่ได้พูดขึ้นมาเลย รอจนถึงตอนที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็จะรู้เอง
เมื่อตอนนั้นเขาคงจะต้องอยู่ในคุกไปแล้วเหมือนกัน
ตอนนี้รู้ว่าเวินลั่วฉิงได้กลายเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังไปแล้ว ก็ได้คิดถึงสถานการณ์ของหลิวหยิงไปอีกที ไป๋ยี่รุ่ยอยากจะเก็บบางอย่างไว้ให้หลิวหยิงให้มากขึ้น
พรุ่งนี้ก่อนไปมอบตัว เขาโทรหาผู้ช่วย ให้ผู้ช่วยไปจัดการสักหน่อย
“ก็เรื่อย ๆ” หลิวหยิงหลุบตาลงเล็กน้อย มือกำแน่นขึ้นกว่าเดิม เมื่อห้าปีก่อนเธอได้ขายตัวเองให้กับซือถูมู่หรงไปเพื่อช่วยพ่อ เรื่องแบบนี้จะให้เธอพูดออกไปยังไง
เธอไม่ได้บอกแม้แต่เวินลั่วฉิง แล้วจะบอกไป๋ยี่รุ่ยได้ยังไง
ไป๋ยี่รุ่ยมองออกว่าเธอไม่อยากพูด จึงไม่ได้ถามซักไซ้ต่อไปอีก เพียงแค่ยิ้มพลางเอ่ยออกไปอย่างกึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่น “เธอก็โตแล้ว มีแฟนแล้วหรือยัง?”
ไป๋ยี่รุ่ยคิดถึงความสัมพันธ์สมัยหนุ่มสาว นึกถึงเรื่องที่ตระกูลหลิวได้เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นขึ้น สำหรับเด็กสาวที่เขามองเห็นเป็นน้องสาวมาโดยตลอดคนนี้มีความไม่สบายใจอยู่บ้าง
หลิวหยิงเลิกตาขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว มองเขาไปแสบนึง มุมปากได้เม้มแน่น จากนั้นก็พูดเสียงเบาออกมา “ยัง”
ความสัมพันธ์ของเธอกับซือถูมู่หรง เป็นเขาจ่ายเงิน ซื้อความสัมพันธ์ของเธอมา ไม่อาจนับได้ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบแฟนกันอย่างแน่นอน
อันที่จริงเธอไม่ค่อยเข้าใจซือถูมู่หรงในตอนนั้นเลยว่าทำไมถึงต้องให้เธอไปอยู่กับเขาห้าปีด้วย เมื่อตอนนั้นตอนที่เธอไปขอร้องเขา ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าเขาจะเสนอความต้องการอะไรมาเธอก็จะตกลงทั้งนั้น
แต่ตอนที่ซือถูมู่หรงเสนอความต้องการนั้นออกมา เธอก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน
แต่ห้าปีของเธออันที่จริงมันไม่ได้มีค่าขนาดนั้นเลย
แต่เมื่อตอนนั้นนอกจากร่างกายแล้ว เธอเหมือนจะไม่มีอะไรให้กับซือถูมู่หรงได้เลย
ดังนั้นแล้ว เธอรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณต่อซือถูมู่หรงเลยทีเดียว ถ้าเมื่อตอนนั้นไม่ได้ซือถูมู่หรงยื่นมือเข้ามาช่วย พ่อของเธอจะต้องตายอยู่ในคุกแน่
อย่างนั้นแล้วแม่ของเธอกับน้องชายแล้วก็เธอก็คงจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
หลิวหยิงนึกถึงซือถูมู่หรง ตอนเริ่มแรกเขามันเลวร้ายมากเลยจริง ๆ แต่ในภายหลังมาเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจนไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นแล้ว
ต่อมาเห็นได้ชัดว่าซือถูมู่หรงอ่อนโยนกับเธอขึ้นมาเยอะเลย และก็รู้จักใส่ใจความรู้สึกเธอด้วย อีกทั้งในตอนหลังซือถูมู่หรงก็ถึงขนาดที่ยอมให้เธอไปทำงานได้เลย
แต่ว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เธอก็ยังเป็นเพียงแค่คนรักลับ ๆ ของเขาเท่านั้น และตอนนี้เวลาได้หมดลงไปแล้ว แน่นอนว่าเธอก็ควรจะจากไปได้แล้ว
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมซือถูมู่หรงถึงไม่ยอมให้เธอไปอีก
ด้วยสถานะ จุดยืนในสังคมรวมทั้งความร่ำรวยของซือถูมู่หรงแล้ว เขาอยากได้ผู้หญิงแบบไหนไม่มี ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นเธอให้ได้เสียหน่อย
เธออยู่กับเขามาห้าปีแล้ว ว่ากันตามหลักแล้ว เขาเองก็ควรจะเบื่อได้แล้วล่ะมั้ง โดยหลักแล้ว เขาไม่ควรจะดึงดันรั้งเธอเอาไว้?
ในทันใดนั้นเองหลิวหยิงก็นึกถึงครั้งแรกที่ซือถูมู่หรงบอกว่าจะไม่มีทางปล่อยเธอไปเมื่อครั้งที่เธอไปเยี่ยมไป๋ยี่รุ่ยที่โรงพยาบาลมาพอดีครั้งนั้น
สีหน้าของหลิวหยิงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อตอนนั้นซือถูมู่หรงพูดถึงไป๋ยี่รุ่ยขึ้นมา ดังนั้นแล้วเห็นได้ชัดว่าซือถูมู่หรงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อเย็นวันนั้นอย่างชัดเจน
ดังนั้นแล้ว ซือถูมู่หรงไม่ปล่อยเธอไป เพราะคิดว่าเธอทรยศเขา ก็เลยจงใจคิดจะลงโทษเธอใช่หรือเปล่า?
หลิวหยิงคิดว่าด้วยนิสัยเสีย ๆ ของซือถูมู่หรงมันมีความเป็นไปได้อย่างนี้จริง ๆ
หลิวหยิงลอบถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ มือกำแน่นขึ้นมากกว่าเดิม และเธอก็ยังรู้สึกว่าตรงหน้าอกมันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย อึดอัดเสียจนแทบจะหายใจไม่ออกเลยทีเดียว เหมือนกับว่าจะอึดอัดเสียจนเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย
“หลิวหยิง เป็นอะไรไป?” ไป๋ยี่รุ่ยเรียกเธอออกมาสองที เธอไม่มีการตอบสนองออกมาเลย
“ไม่มีอะไร” หลิวหยิงได้สติกลับมา สีหน้าได้ขาวซีดออกมาอีกครั้ง เสียงหลงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เหนื่อยแล้วใช่มั้ย ธุระก็คุยจบลงแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเสียเถอะ” ไป๋ยี่รุ่ยเดิมทีก็คิดว่ามันรบกวนหลิวหยิงอยู่แล้ว เห็นเธออย่างนี้ แน่นอนว่าก็ต้องไม่กล้ารบกวนเวลาเธออีก
“ไม่หรอก ฉันไม่เหนื่อย พี่ยี่รุ่ย พรุ่งนี้พี่จะไปมอบตัวจริง ๆ เหรอ?” หลิวหยิงได้สติกลับมา เบนความสนใจของตัวเองไปที่เรื่องของไป๋ยี่รุ่ย
ตอนนี้เรื่องนี้ต่างหากที่มันสำคัญที่สุด เรื่องอื่นมันไม่สำคัญทั้งนั้น
“ใช่ เดิมทีก็ได้เลื่อนเวลาออกไปวันนึงแล้ว ไม่อาจล่าช้าออกไปได้อีก สิ่งที่ฉันต้องทำก็ได้วางแผนเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว และมันก็ไม่ได้มีอะไรให้น่ากังวลเลย” ทุกครั้งตอนที่ไป๋ยี่รุ่ยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ท่าทางก็ดูสงบนิ่งมาก จะเห็นได้ว่าเขาได้เตรียมพร้อมเอาไว้เรียบร้อยแล้วจริง ๆ
หลิวหยิงเองก็เข้าใจเหมือนกันว่าไป๋ยี่รุ่ยฆ่าคนไป ดังนั้นแล้วการมอบตัวมันเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว อีกอย่างเรื่องนี้มันก็ไม่อาจมัวชักช้าได้นานเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ!!