ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1551 ต้องจบเห่แน่(2)
แน่นอนว่าผู้จัดการต้อนรับต้องการที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ ต้องการให้ซือถูมู่หรงได้พบกับไป๋ยี่รุ่ย
หลังจากที่ได้พบแล้วเรื่องที่เหลือก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีก เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่คือสิ่งที่เจ้านายเห็นด้วย มันไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่มารับจ้างทำงานอย่างเขา
เมื่อผู้จัดการต้อนรับเขาไปในห้องแล้วจะต้องเกิดเสียงขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งเขายังจงใจที่จะทำให้เสียงนั้นดังด้วย
เขาหวังว่าไป๋ยี่รุ่ยจะสามารถได้ยินเสียงที่ตนเดินออกมา ซึ่งดีกว่าการที่เขาไปรบกวนอย่างแน่นอน
แต่ว่าเมื่อเขาเดินมาถึงยังหน้าประตูห้องรับรอง ภายในห้องรับรองไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย และภายในห้องก็ไม่ได้ยินเสียงของไป๋ยี่รุ่ยด้วย
ผู้จัดการต้อนรับทำได้เพียงเคาะประตู:“ประธานไป๋ ท่านกำลังพักผ่อนอยู่หรือเปล่าครับ?”
น้ำเสียงของผู้จัดการต้อนรับแฝงไว้ด้วยการหยั่งเชิงเล็กน้อย จากความเคยชินในการทำงานปกติ น้ำเสียงนั้นไม่สูงมาก
ลักษณะงานของพวกเขาทำให้ในเวลาปกติที่พูดคุยกับลูกค้าจำเป็นที่จะต้องสุภาพและเรียบร้อย อีกทั้งการพูดยังต้องส่งเสียงกระซิบกระซาบ
ผู้จัดการต้อนรับเคาะประตูพลางพูดขึ้น แต่ภายในกลับไม่มีเสียงตอบสนองกลับ
ในเวลานี้ ไป๋ยี่รุ่ยยังคงนอนหลับอยู่ในห้องรับรอง ไป๋ยี่รุ่ยเหนื่อยมากจริงๆ เดิมทีเขาถูกไป๋หยิงขังไว้ในคฤหาสน์ก็ไม่ได้นอนอยู่แล้ว รวมทั้งยาของเมื่อวานนี้ อีกทั้งเมื่อวานเขาก็ทรมานมาทั้งคืน วันนี้ทั้งวันก็ยังไม่ได้หลับตาเลย และก็ยังไม่ได้พักผ่อนเลย ดังนั้นเขาจึงเหนื่อยมาก เหนื่อยจริงๆ
พอได้นอน ก็นอนหลับลึก ไม่ได้ยินเสียงเลยแม้แต่น้อย เดิมทีเขานอนไม่ค่อยสบายใจนัก แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวเมื่อสักครู่นี้ ทำให้เวลานี้เขาสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจมาก ในเวลานี้ต่อให้ข้างนอกฝนตกฟ้าร้องก็เกรงว่าคงไม่สามารถทำให้เขาตื่นได้
แต่ว่าในเวลานี้หลิวหยิงกำลังอยู่ในห้องน้ำ มีห้องน้ำอยู่ในห้องรับรองพอดี คนก็ต้องเข้าห้องน้ำ หลิวหยิงมาที่นี่สามสี่ชั่วโมงแล้ว การจะเข้าห้องน้ำก็เป็นเรื่องปกติ
ขณะที่ผู้จัดการต้อนรับเคาะประตูพลางถามขึ้นนั้น หลิวหยิงกำลังกดชักโครก ประตูของห้องน้ำนั้นปิดอยู่ ทำให้หลิวหยิงไม่ได้ยินเสียงดังกล่าว
หลังจากที่หลิวหยิงเข้าห้องน้ำเสร็จ ก็ล้างมือตามความเคยชิน
ในเวลานี้ซือถูมู่หรงที่อยู่ด้านนอกหรี่ตาลง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเย็นชาไม่น้อย
เดิมทีความหนาวเหน็บก็แทรกอยู่ทั่วร่างและในเวลานี้ก็ยิ่งแผ่ซ่านออกมา ไม่สามารถปกปิดได้แล้ว ดูเหมือนว่าทุกอย่างในรัศมีใกล้ๆนี้กำลังจะถูกแช่แข็งแล้ว
เหอะ!!ผู้จัดการต้อนรับเคาะประตูพลางถามขึ้นจากข้างนอก พวกเขาอยู่ข้างในกลับไม่ได้ยิน?
เมื่อสักครู่นี้เขาได้โทรศัพท์หาเธอแล้ว แม้ว่าเธอจะพูดมาแค่สองประโยค แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้นอนหลับ ในเมื่อไม่ได้นอนหลับ แล้วทำไมถึงไม่ได้ยินคนข้างนอกเคาะประตูล่ะ เพราะอะไรกัน?
แม้ว่าผู้จัดการจะพูดเสียงเบา แต่เสียงเคาะประตูนั้นก็ดังพอสมควร ทั้งสองคนต้องดื่มด่ำขนาดไหนถึงได้ไม่ได้ยินเสียงนี้?
มือของซือถูมู่หรงกำหมัดแน่น ไม่นานหลังมือของเขาก็เผยเส้นเอ็นสีเขียวเข้มออกมา ราวกับเส้นเลือดจะแตกออก มองดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก
สีหน้าของเขาในเวลานี้ ไม่สามารถอธิบายความหม่นหมองได้ ใบหน้าของเขาในเวลานี้ น่ากลัวยิ่งกว่ายมทูตในนรกเสียอีก
อีกทั้งความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากเขา ดูเหมือนว่าจะสามารถแช่แข็งผู้คนได้ในทันที
สิ่งที่ทำให้คนกลัวก็คือ ความหนาวเย็นที่เขาแผ่ออกมาในเวลานี้ ราวกับว่าวินาทีต่อมาจะรีบพุ่งออกไปไล่ฆ่าเสียอย่างนั้น
หลิวปิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง รู้สึกหวาดกลัว ขาอ่อน ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่น หากเป็นไปได้เขาก็อยากที่จะหลบหลีกไป หนีไปให้ไกล เพราะเขารู้สึกว่าถัดไปต่อจากนี้ ประธานซือถูอาจจะฆ่าคนจริงๆ เขาแค่กลัวว่าชีวิตของเขาอาจจะรักษาไว้ไม่ได้
“หรือ หรือว่า……หรือว่าไม่อยู่ในห้องรับรอง?”ในเวลานี้หลิวปิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้อยู่ในห้องรับรอง
แน่นอนว่าไป๋ยี่รุ่ยไม่ใช่คีย์สำคัญ คีย์สำคัญคือหลิวหยิง
ขอเพียงแค่คุณหลิวไม่ได้กำลังพักผ่อนอยู่ก็เพียงพอแล้ว
“ประธานบางทีผมอาจจะดูผิดพลาดไป คุณหลิวน่าจะออกไปแล้ว หรือไม่คุณลองโทรศัพท์ถามคุณหลิวสักหน่อยเถอะครับ”ในเวลานี้หลิวปิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตนจะดูผิดพลาดจริงๆ เขายอมที่จะสูญเสียตำแหน่งนี้ไป แทนที่จะเห็นคุณหลิวในห้องรับแขก
เขาคิดว่า ประธานของเขาก็น่ายอมรับความเป็นไปได้นี้มากกว่า
คำพูดประโยคที่สองของหลิวปิงพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบาลง มีเพียงซือถูมู่หรงได้ยิน เพราะถึงยังไงเรื่องของคุณหลิวก็ไม่ควรที่จะให้คนอื่นได้ยินเป็นการดีที่สุด
“ไม่ได้อยู่ในห้องรับรองเหรอ?”ผู้จัดการต้อนรับได้ยินเพียงประโยคแรกของหลิวปิง เขาก็รู้สึกแปลกๆเช่นเดียวกัน ตามเหตุผลแล้ว แม้ว่าจะพักผ่อนอยู่ในห้อง ในเวลานี้ก็ไม่น่าหลับลึกได้ เขาเคาะประตูขนาดนี้ ด้านในก็น่าจะได้ยินสิ
“แต่ว่าพนักงานหน้าเค้าน์เตอร์แสดงอย่างชัดเจนว่าประธานไป๋ยังไม่ได้จากไป หรือว่าตอนที่ประธานไป๋จากไปได้เช็คเอ้าท์แล้ว
พนักงานของพวกเราไม่เห็น?ประธานไป๋เป็นลูกค้าVIPของพวกเรา มีบัตรสมาชิก สามารถรูดบัตรเพื่อชำระได้
ดังนั้น ก็เป็นไปได้ว่าประธานไป๋จากไปแล้ว พนักงานของพวกเราละเลย” เพราะถึงยังไงกิจการของครอบครัวเขาก็ดำเนินมาไม่เลว ลูกค้าเยอะมาก บางครั้งงานก็ยุ่งมาก การที่จะละเลยก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
แววตาของซือถูมู่หรงเป็นประกาย สีหน้าที่อาจจะทำให้คนตกใจตายได้เมื่อสักครู่นี้ อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ว่าก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา หาเบอร์โทรศัพท์ของหลิวหยิง
ในเวลานี้สมองของซือถูมู่หรงสับสนอยู่บ้าง เขาไม่รู้จริงๆว่าเขาต้องการคำตอบแบบไหนกันแน่ แม้ว่าเขาจะเข้ามาด้วยตนเอง แต่ในใจของเขาก็เต็มใจที่จะเชื่อหลิวหยิง เขาหวังว่าเธอจะจากไปแล้วจริงๆ
แม้ว่าตอนที่เขาโทรหาเธอจะพูดเพียงสองประโยคแล้ววางสาย ท่าทางดูเหมือนจะยังไม่ได้กลับบ้าน และแน่นอนว่าก็ไม่เหมือนกับการอยู่ระหว่างทางกลับบ้านเช่นกัน
แต่ว่าซือถูมู่หรงก็หวังว่าเธอจะกลับไปแล้วจริงๆ
ในเวลานี้ประตูห้องรับรองยังไม่ได้ถูกเปิดออก ด้านในมีคนอยู่หรือไม่ก็ไม่มีใครทราบได้
ซือถูมู่หรงต้องการที่จะเชื่อคำพูดของหลิวปิง เชื่อว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องรับรอง
ซือถูมู่หรงเงยหน้าเหลือบมองประตูของห้องรับรองครู่หนึ่ง หรี่ดวงตาขึ้นพลางกะพริบ จากนั้นกดปุ่มโทรออก
ซือถูมู่หรงกดปุ่มโทรออกไม่นาน เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น เสียงเรียกเข้านั้นดังออกมาจากข้างในห้องอย่างแน่นอน
แม้ว่าประตูของห้องรับรองถูกปิดลง เสียงเรียกเข้าไม่ดังมาก แต่ว่าซือถูมู่หรงก็ได้ยินอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าซือถูมู่หรงรู้ดีว่านี้คือเสียงเรียกเข้าของหลิวหยิง เป็นเสียงเพลงเก่าคลาสสิก เป็นเพลงที่หลิวหยิงชอบที่สุด
เมื่อซือถูมู่หรงได้ยินเสียงเรียกเข้าในจังหว่ะนั้น ร่างกายแข็งทื่ออย่างถึงที่สุด ในช่วงจังหว่ะนั้น เขารู้สึกเหมือนเลือดที่อยู่ในร่างกายจับตัวกันเป็นน้ำแข็ง ร่างกายแข็งจนแทบจะไม่มีความอบอุ่น เขาพูดกับตัวเองมาโดยตลอดว่าให้เชื่อเธอ บอกตัวเองมาโดยตลอดว่า เธอคงไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อเขา เขาบอกตนเองตลอดว่า เธอมาหาไป๋ยี่รุ่ยอาจจะเพราะมีเรื่องที่ต้องหารือจริงๆ ดังนั้นตอนที่เธอมาที่นี่แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขวางเธอ เขาคิดว่าเขาควรเชื่อใจเธอ ให้อิสระกับเธอ
แต่ทำไมเธอทำแบบนี้?
เธอตอบแทนเขาแบบนี้เหรอ?
แม้แต่ก่อนหน้านี้เขายังสามารถบอกกับตัวเองอย่างหลอกลวงว่า เธอไม่ได้อยู่ในห้องรับรอง เธอจากไปแล้ว
เสียงเรียกเข้าที่ดังออกมาจากห้องรับรองในเวลานี้ ราวกับตบหน้าเขาอย่างแรงหนึ่งที ทำให้เขาตระหนักถึงความเป็นจริง
เธออยู่ในห้องรับรอง เธออยู่ในห้องรับรองจริงๆ
ไป๋ยี่รุ่ยเป็นคนนัดเธอมา ห้องไป๋ยี่รุ่ยเป็นคนจองห้อง เธออยู่ในห้องรับรองจริงๆ ถ้าอย่างนั้นไป๋ยี่รุ่ยจะต้องอยู่ในห้องรับรองแน่ๆ
เธออยู่ในห้องรับรองกับไป๋ยี่รุ่ยจริงๆ……
ริมฝีปากของซือถูมู่หรงค่อยๆเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา เย็นยะเยือกจนถึงกระดูก
หากเธอมาคุยธุระกับไป๋ยี่รุ่ยจริงๆ ก็สามารถที่จะคุยกันข้างนอกได้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาในห้องรับรอง ทั้งสองเข้ามาอยู่ในห้องรับรองในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ซือถูมู่หรงก็คงคิดได้เพียงเท่านี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เขาอยากจะยอมรับน้อยที่สุด
เมื่อหลิวปิงได้ยินเสียงเรียกเข้าดังออกมาจากห้องรับรองก็ตกใจเป็นอย่างมาก ทางด้านนี้ประธานของเขาเพิ่งโทรศัพท์หาคุณหลิว ภายในห้องรับรองก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น แม้ว่าหลิวปิงจะไม่อยากยอมรับแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงเรียกเข้านั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเสียงของคุณหลิว ประธานของเขาเป็นคนโทรเข้า
ดังนั้น ในเวลานี้คุณหลิวอยู่ในห้องจริงๆ เขาเห็นหลิวหยิงเข้ามากับตาตัวเอง รู้เป็นอย่างดีว่าหลิวหยิงเข้าไปเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว หากนับจริงๆก็น่าจะสามชั่วโมงกว่าแล้ว
เวลาสามชั่วโมง สามารถทำอะไรได้ตั้งมากมาย!!!
ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ก็คงพอจะทำได้หลายยกอยู่ ไป๋ยี่รุ่ยก็เก่งกาจไม่น้อยเลย
แต่ว่า พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างใน หรือว่าพวกเขาทำกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว และทั้งสองก็นอนหลับไป
ในหัวของหลิวปิงในเวลานี้ผุดความคิดออกมามากมาย แต่ว่าไม่นานหลิวปิงก็ตระหนักได้ถึงเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง
ดูท่าจะจบแล้วจริงๆ เกรงว่าจะมีคนตายจริงๆ
หลิวปิงมองไปยังประธานอย่างอัตโนมัติ ขณะที่เห็นสีหน้าของประธานของตน ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจก็แทบจะหยุดเต้น
จบกัน จบกัน ดูท่าจะจบแล้วจริงๆ