ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1554 เลิกกัน(1)
นี่มันไม่ใช่สไตล์ของซือถูมู่หรงเลย และเป็นเรื่องที่ซือถูมู่หรงไม่น่าจะทำ การตอบสนองกลับครั้งแรกของหลิวหยิงนั้นก็คือคนๆนี้น่าจะเข้าใจผิด
“แน่นอนว่าแน่ใจ คือประธานซือถูแน่นอนประธานซือถูพูดอย่างชัดเจนว่า เขาต้องการมาพบประธานไป๋ อีกทั้งยังรออยู่ข้างนอกด้วย” ผู้จัดการต้อนรับไม่รู้ความคิดของหลิวหยิง เขาคิดเพียงว่าหลิวหยิงนั้นคงตกใจเกินไป การที่เธอจะตกใจก็เป็นเรื่องปกติ เพราะถึงยังไงสถานะของไป๋ยี่รุ่ยหากต้องการพบซือถูมู่หรงนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าซือถูมู่หรงจะต้องการมาพบไป๋ยี่รุ่ย
หลิวหยิงเพิ่งออกจากห้องรับรอง ขณะที่ออกจากห้องก็กำลังเตรียมปิดประตู ก็ได้ยินเสียงของผู้จัดการต้อนรับ ท่าทางของเธอนั้นแข็งทื่อ ดังนั้นในเวลานี้เธอหันหลังให้กับข้างนอก หันหน้าให้กับห้องรับรอง ดังนั้นเธอจึงมองไม่เห็นซือถูมู่หรงที่ยืนอยู่ข้างนอก
หลิวหยิงขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าแปลกมาก แต่ว่าผู้จัดการต้อนรับพูดอย่างมั่นใจขนาดนั้น ก็คงไม่น่าจะผิดพลาด แต่ว่าเพราะอะไรกันล่ะ?
ทำไมซือถูมู่หรงถึงได้ต้องการพบไป๋ยี่รุ่ย?
มันไม่สมเหตุสมผล?
หรือว่าเป็นเพราะเธอ?
หลิวหยิงส่ายศีรษะอย่างอัตโนมัติ เธอรู้ว่าการที่คืนนี้เธอมาพบไป๋ยี่รุ่ยนั้น ซือถูมู่หรงไม่เต็มใจ แต่ว่าในตอนนี้เขาก็ไม่ได้ขัดขวางเธอ
มีเรื่องหนึ่งในใจของเธอนั้นชัดเจนมาก เธอเป็นเพียงผู้หญิงของซือถูมู่หรงที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้เท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่ซือถูมู่หรงจะทำเรื่องหุนหันพลันแล่นพวกนี้เพื่อเธอ
นี่เป็นเรื่องที่ซือถูมู่หรงไม่ทำอย่างเด็ดขาด
ไม่ เป็นไปไม่ได้
“ฉันคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดนะคะ?”หลิวหยิงส่ายศีรษะปฏิเสธ จากนั้นก็ปิดประตูห้องรับรอง
หลังจากที่ปิดประตูห้องรับรอง เธอก็หันศีรษะกลับ และในเวลานี้ซือถูมู่หรงก็ก้าวเท้าออกมา พอหลิวหยิงหันหลัง ก็มองเห็นซือถูมู่หรง
หลิวหยิงชะงัก ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว เป็นซือถูมู่หรงจริงๆ?
ซือถูมู่หรงมาหาไป๋ยี่รุ่ยที่นี่จริงๆเหรอ?
หรือว่าไม่ได้มาหาไป๋ยี่รุ่ย แต่มาหาเธอ
เพราะถึงยังไงซือถูมู่หรงกับไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน
ในเวลานี้หลิวหยิงตกใจมองซือถูมู่หรงด้วยแววตาหวาดกลัว
หลิวปิงในเวลานั้นก็พยายามที่จะดิ้นรนยืนขึ้น เพราะถึงยังไงประธานของเขาก็เข้าไปแล้ว เขาก็ต้องตามเข้าไปด้วยถึงจะถูก
“ประธานซือถู” ผู้จัดการต้อนรับเห็นซือถูมู่หรงเข้ามา ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนัก เพราะถึงยังไงซือถูมู่หรงก็พูดตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการมาหาไป๋ยี่รุ่ย
“ประธานไป๋น่าจะเหนื่อยแล้ว กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องรับรอง ไม่งั้นผมจะลองเรียกเขาให้นะครับ”แน่นอนว่าผู้จัดการต้อนรับต้องการที่จะประจบซือถูมู่หรง
เพียงแต่เมื่อผู้จัดการต้อนรับพูดประโยคนี้ออกมา เดิมทีแววตาราบเรียบของซือถูมู่หรงก็เย็นยะเยือกขึ้นอีกครั้ง
คำว่าเหนื่อยคำนี้ทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่าย อีกทั้งซือถูมู่หรงในเวลานี้ก็ไม่อยากได้ยินคำพูดเช่นนี้
หลิวปิงรีบร้อนจนเหงื่อออกท่วมตัว ผู้จัดการคนนี้ทำไมถึงได้พูดมากนัก
“คุณออกไป” ซือถูมู่หรงมองไปยังผู้จัดการต้อนรับครู่หนึ่ง แววตาครู่นั้นเยือกเย็นทะลุกระดูก
“อ่า?อ่า ครับ ครับ”ผู้จัดการต้อนรับยังถือว่ารู้จักกาลเทศะ ในเมื่อซือถูมู่หรงต้องการให้เขาจากไป เขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ
ในเวลานี้ผู้จัดการต้อนรับก็ไม่ได้คิดไปในทางอื่น คิดไม่ถึงเลยว่าการที่ซือถูมู่หรงมาขอพบไป๋ยี่รุ่ยนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง แต่ผู้หญิงที่อยู่ในห้องรับรองนั้นต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ
หากผู้จัดการต้อนรับคิดถึงจุดนี้ ก็คงไม่กล้าที่จะจากไป
เรื่องเช่นนี้หากจัดการไม่ดี คลับอาจจะถูกรื้อถอนได้
เมื่อหลิวปิงเห็นว่าผู้จัดการต้อนรับได้จากไปแล้ว เขาคิดว่าการที่ตนอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่นอนว่าเขาก็ไม่ค่อยกล้าอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่ ดังนั้นหลิวปิงจึงเดินมุ่งออกไปข้างนอก เพียงแต่ขณะที่หลิวปิงจากไปก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหลิวหยิงครู่หนึ่ง
ในเวลานี้หลิวหยิงก็ได้สติกลับมา เพียงแต่ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
หลิวปิงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า เมื่อเห็นคุณหลิวเป็นเช่นนี้ ราวกับว่ายังไม่รับรู้ถึงความเลวร้ายของเรื่องนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้คุณหลิวยังไม่รู้ว่าต่อไปเธอจะต้องเจออะไรบ้าง
ขณะที่หลิวปิงออกไปจากห้อง ก็ปิดประตูอย่างใส่ใจ เพราะถึงยังไงหากสถานการณ์เช่นนี้คนอื่นเห็นเข้ามันจะไม่ดี เขาจะต้องพยายามรักษาเกียรติของประธานของเขาอย่างถึงที่สุด หวังเพียงว่าสักพักประธานของเขาจะใจเย็นลง และไม่ทะเลาะกันใหญ่โตมากนัก
เมื่อหลิวหยิงเห็นหลิวปิงปิดประตูแล้วจากไป ดวงตาครู่นั้นก็กะพริบอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากขยับเล็กน้อย อยากจะพูด แต่ขณะที่แววตาคู่นั้นของซือถูมู่หรงหรี่ขึ้น เมื่อคำพูดมาถึงปากของเขา หลิวหยิงก็กลืนมันเข้าไปอีกครั้ง
หลิวหยิงยิ้มมุมปาก เธอติดตามเขามาห้าปี รู้จักเขาเป็นอย่างดี เธอดูออกว่าเขาโกรธแล้ว อีกทั้งยังโกรธมากด้วย
ดวงตาที่หรี่ลงของเขานั้นแฝงไว้ด้วยอันตราย
“คุณมาได้ยังไงคะ?”หลิวหยิงยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมซือถูมู่หรงถึงได้มาที่นี่ นี่ไม่ใช่สไตล์ของซือถูมู่หรงจริงๆ
อย่างน้อยก็ไม่ใช่สไตล์ของซือถูมู่หรงที่เธอรู้จัก
“ไม่อยากเห็นผมเหรอ?” ในเวลานี้ สีหน้าของซือถูมู่หรงกลับสู่ปกติ ความโกรธแค้นที่อยู่ในแววตาและความเย็นชากลับถูกซ่อนไว้ ท่าทางดูราบเรียบเป็นอย่างมาก ในเวลานี้น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบเป็นอย่างมาก จับอารมณ์ไม่ค่อยได้
แน่นอน หากละเลยเส้นเลือดสีเขียวที่อยู่หลังมือที่นูนขึ้นมา ก็อาจจะเชื่อได้ง่ายว่าในเวลานี้เขาสงบเงียบ
ขณะที่ซือถูมู่หรงพูดประโยคนี้ มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่จะรู้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามขนาดไหนในการกดทับความตึงเครียดไว้ และไม่ปล่อยให้ตัวเองพุ่งไปบีบคอเธอจนตาย
ในใจของซือถูมู่หรงเดิมทีก็อัดแน่นไปด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ก็รู้สึกเพียงว่าความโกรธในอกกำลังปะทุออกมา อาละวาด มีความรู้สึกราวกับว่าจะเป็นบ้าไปแล้ว
“พวกเรากลับไปคุยกันเถอะ” หลิวหยิงถอนหายใจอย่างเงียบๆ แม้ว่าท่าทีของซือถูมู่หรงในเวลานี้จะดูราบเรียบ แต่ว่าเธอนั้นเข้าใจเขาเป็นอย่างดี เธอรู้ดีว่าในเวลานี้เขาไม่ได้รู้สึกสงบเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธเป็นอย่างมาก โกรธมาก
เธอติดตามเขามาห้าปี แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน
เธอกลัวว่าซือถูมู่หรงจะเอะอะโวยวายที่นี่จริงๆ แม้ว่าหากอิงตามสไตล์ของซือถูมู่หรงปกติก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ขึ้น แต่ว่าซือถูมู่หรงในวันนี้ แสดงให้เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับเวลาปกติ
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หากเกิดเรื่องที่นี่มันดูไม่ดี
“ทำไม?คุณกลัวอะไร?กลัวจะรบกวนเวลาพักผ่อนของไป๋ยี่รุ่ย?”ริมฝีปากของซือถูมู่หรงเผยออก เผยมุมโค้งออกมาเล็กน้อย การกระทำนั้นเผยความแข็งกระด้างออกมาเล็กน้อย:“ร้อนตัวแล้วเหรอ?”
เธอรีบร้อนอยากออกไปจากที่นี่ขนาดนี้?
กลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของไป๋ยี่รุ่ยงั้นเหรอ?
หรือว่าเป็นเพราะว่าเธอร้อนตัว?
หลิวหยิงขมวดคิ้ว คำพูดครึ่งแรกของเขาเธอเข้าใจ แต่ว่าคำพูดครึ่งหลังของเขานั้นหมายความว่าอะไร?อะไรคือเธอร้อนตัว?
เธอร้อนตัวอะไร?มีอะไรที่เธอต้องร้อนตัวด้วยเหรอ?
เป็นเพราะว่าหลิวหยิงกำลังคิดถึงปัญหานี้ จึงยังไม่มีเวลาตอบกลับ
“เหอะ……”ซือถูมู่หรงยิ้มออกมาด้วยสายตาเย็นชา สายตานั้นเต็มไปการเย้นหยัน:“ดูเหมือนว่าจะร้อนตัวจริงๆ”
แววตาของซือถูมู่หรงมองไปที่เขา ริมฝีปากเผยมุมโค้งและความเย็นชาออกมาไม่น้อย:“คุณร้อนตัวทำไม?”
“คุณต้องการที่จะพูดอะไรกันแน่?”หลิวหยิงรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอไม่ใช่คนโง่ เธอฟังออกว่าซือถูมู่หรงต้องการสื่อถึงอะไรบางอย่าง เธอสามารถเดาความหมายของซือถูมู่หรงได้อย่างคลุมเครือ
“ฟังไม่เข้าใจ?” ดวงตาของซือถูมู่หรงหรี่ลงอีกครั้ง ลมหายใจที่อันตรายนั้น ค่อยๆกระจายออกไป:“ฟังไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแกล้งฟังไม่เข้าใจกันแน่ การกระทำคุณก็ได้ทำไปแล้ว แล้วจะมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก หรือว่ากล้าทำแต่ไม่กล้ารับ”
คำพูดของซือถูมู่หรงค่อยๆหยุดชะงักลง ขณะที่พูดอีกครั้ง น้ำเสียงก็ขรึมขึ้น :“ลองพูดมาสิว่าทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อผม?”
“ซือถูมู่หรง คุณอย่าพูดจาเหลวไหลนะ” หลิวหยิงตะลึงงัน สีหน้าเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด คำพูดของซือถูมู่หรงพูดอย่างชัดเจนแล้ว แน่นอนว่าเธอก็ฟังเข้าใจแล้ว
ทำเรื่องที่ผิดต่อเขา?
ระหว่างเธอกับไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้ทำอะไรกันทั้งนั้น
“ผมพูดจาเหลวไหล?ผมพูดจาเหลวไหลเหรอ?”ซือถูมู่หรงหัวเราะเยาะเย้ยหนึ่งที:“เรื่องที่คุณทำด้วยตัวเอง แต่กลับเป็นผมพูดเหลวไหล”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดอย่างนั้น……”สีหน้าของหลิวหยิงเผยความเสียใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดในเวลานี้หลิวหยิงนั้นโกรธ เธอนึกไม่ถึงเลยว่าซือถูมู่หรงจะเข้าใจเธอผิด
แววตาของซือถูมู่หรงเป็นประกาย ในใจของเขาสั่นเล็กน้อย เขายังคงอยากจะเชื่อคำพูดของเธอโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าเมื่อเขาคิดถึงเรื่องเมื่อสักครู่นี้ เมื่อคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าหากัน ก็ทำให้เขาไม่สามารถที่จะเชื่อเธอได้เลย
“สามชั่วโมง คุณกับไป๋ยี่รุ่ยอยู่ในห้องรับรอง คุณบอกกับผมว่าคุณไม่ได้ทำอะไรกันเลย?หรือว่าพวกคุณคุยกันเฉยๆงั้นเหรอ?หลิวหยิง คุณเห็นผมเป็นคนโง่เหรอ?”จะโทษที่เขาไม่เชื่อไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ เป็นใครก็ต่างยากที่จะเชื่อ
หากเป็นเพียงแค่การพูดคุยเฉยๆ เป็นเพียงแค่การคุยธุระ คุยกันข้างนอกก็ได้ ทำไมต้องมาคุยกันในห้องรับรองด้วย