ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1580 เขาชอบเธออยู่ (1)
ถึงแม้หลิวหยิงในตอนนี้จะมีความรน ทว่าเธอก็ยังคิดไปในด้านที่ดี นี่มีความสัมพันธ์อย่างสูงกับนิสัยของเธอ
“แต่ว่าเรื่องนี้ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งแล้ว ชัดเจนเลยว่าเรื่องใหญ่โตมาก ไม่ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โต สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ดีต่อไป๋ยี่รุ่ยมากๆ” เวินลั่วฉิงแอบสุดหายใจลึก น้ำเสียงมีความเยือกเย็นเพิ่มขึ้น
“เมื่อกี้ฉันพูดเรื่องที่ตำรวจไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ไม่ได้กังวลว่าทางตำรวจจะสร้างเรื่องใหญ่โต ฉันเกรงว่าหากตอนนี้เรื่องราวใหญ่โตแล้ว มีความเป็นไปมากที่สถานการณ์ในสถานที่เกิดเหตุจะถูกขุดออกมา พอถึงเวลาก็ร้ายแรงแล้ว” เวินลั่วฉิงกังวลสถานการณ์ต่อจากนี้ ตอนนี้สิ่งที่เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตยังไม่ร้ายแรงมาก หากมีคนขุดข่าวที่ลึกยิ่งกว่านี้ออกมา ผลที่ตามมาไม่อาจจะคาดคิดเลย
“ไม่หรอกมั้ง ใครจะขุดเรื่องพวกนั้นออกมา? ขอแค่ฝ่ายตำรวจไม่เผยแพร่ คนอื่นๆ ไม่มีทางรู้แน่นอน” หลิวหยิงจะมีความหวังอยู่เล็กน้อย ทว่าใบหน้าของเธอมีความรนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ยังรู้ดีว่าเวินลั่วฉิงไม่ได้พูดให้ตกใจเท่านั้น
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ทางตำรวจตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการเป็นการส่วนตัวแท้ๆ แต่ว่าตอนนั้นกลับขึ้นเป็นข่าวหน้าหนึ่ง นี่ชัดเจนเลยว่ามีคนตั้งใจ เกรงว่าจะมีคนตั้งใจต่อต้าน และมีความเป็นไปได้ที่พุ่งมาทางไป๋ยี่รุ่ย แน่นอนว่าก็มีความเป็นไปได้ที่พุ่งมาทางไป๋หยิง ไม่ว่ายังไง เรื่องราวจะมีปัญหา ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีข่าวคราวมากมายเท่าไหร่” เวินลั่วฉิงเป็นคนที่จะคิดเรื่องราวไกลออกไปเสมอ เธอได้วิเคราะห์เรื่องที่อาจจะเกิดหลังจากนี้ให้กับหลิวหยิง
“งั้นเธอคิดว่าคนคนนี้พุ่งมาทางไป๋หยิง? หรือว่าต่อต้านไป๋ยี่รุ่ย?” ร่างกายของหลิวหยิงแข็งทื่อไปเลย สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะนี้สีหน้าของเธอดูแล้วค่อนข้างแปลก
“ตอนนี้ยังไม่รู้ ต้องสืบให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน” ไม่ว่ายังไงแล้วเวินลั่วฉิงก็พึ่งได้รับข่าว เธอยังไม่ทันสืบเรื่องอะไรก็รีบมาหาหลิวหยิงแล้ว สำหรับเรื่องทั้งหมดเวินลั่วฉิงยังรู้ไม่เท่าหลิวหยิงเลย
“ทำไม? เธอรู้อะไรหรือเปล่า? รู้ว่าผู้ต้องสงสัยคือใครใช่ไหม?” เวินลั่วฉิงคาดเดาจากสีหน้าของหลิวหยิง สีหน้าของหลิวหยิงในตอนนี้ขาดเพียงแค่เขียนเรื่องราวไว้บนหน้าแล้ว
สีหน้าของหลิวหยิงเปลี่ยนไป เธอรีบเงยหน้าขึ้น มองไปทางเวินลั่วฉิง “เธอว่าเป็นไปได้ไหมที่จะเป็นซือถูมู่หรง?”
หลิวหยิงนึกถึงตอนที่อยู่ในวิลล่า ซือถูมู่หรงก็ได้พูดถึงเรื่องของไป๋ยี่รุ่ย ชัดเจนเลยว่าซือถูมู่หรงรู้เรื่องที่ไป๋ยี่รุ่ยฆ่าคนแล้วไปมอบตัว
และเธอก็พึ่งออกมาไม่นาน บนอินเทอร์เน็ตก็มีข่าวแบบนี้ปล่อยออกมา เพื่อนร่วมงานของเธอโทรบอกเธอแท้ๆ ว่าทางตำรวจจะจัดการเป็นการส่งตัว จะไม่เผยแพร่ข่าวออกมา ดังนั้นเธอจึงสงสัยซือถูมู่หรง
สงสัยว่าซือถูมู่หรงตั้งใจทำแบบนี้เพราะจะบีบบังคับให้เธอกลับไป
ซือถูมู่หรงมีความคิดในการทำแบบนี้ และซือถูมู่หรงก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“ทำไมเธอถึงคิดว่าเป็นซือถูมู่หรง? เขามีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้เหรอ?” เวินลั่วฉิงตะลึงไปเลย เธอและซือถูมู่หรงติดต่อกันไม่มาก รู้จักกันก็ไม่มาก เวินลั่วฉิงคิดไม่ออกเลยว่าซือถูมู่หรงทำแบบนี้เพราะอะไร
ตามหลักแล้วซือถูมู่หรงและไป๋ยี่รุ่ยน่าจะไม่มีการติดต่อกัน แน่นอนว่าซือถูมู่หรงและไป๋หยิงยิ่งไม่มีทางเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นหากจะบอกว่าเรื่องนี้ซือถูมู่หรงเป็นคนทำเหมือนจะไม่ถูกต้อง
“เขามี” ประโยคนี้ของหลิวหยิงยืนหยัดมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้ซือถูมู่หรงได้ใช้ไป๋ยี่รุ่ยมาข่มขู่เธอไม่เพียงแต่ครั้งเดียวแล้ว
หลิวหยิงเม้มริมฝีปาก ลังเลไปสักพัก จากนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ฉันชอบไป๋ยี่รุ่ย……”
หลิวหยิงพูดประโยคนี้แล้วก็หยุดลง มองไปทางเวินลั่วฉิงอย่างระมัดระวัง กลัวว่าเวินลั่วฉิงจะโกรธ
เวินลั่วฉิงยักคิ้วไปทีหนึ่ง สำหรับคำพูดนี้ของหลิวหยิงเธอมีความแปลกใจจริงๆ เมื่อก่อนเธอไม่รู้เลยว่าหลิวหยิงจะชอบไป๋ยี่รุ่ย แต่ว่านอกจากความแปลกใจแล้ว เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้มีการตอบสนองใดๆ อีก
“เธอ……ไม่โกรธเหรอ?” หลิวหยิงมองไม่ออกถึงอารมณ์ใดๆ บนสีหน้าของเวินลั่วฉิง ก็อดถามไม่ไหว
“ทำไมฉันต้องโกรธ?” เวินลั่วฉิงอดหัวเราะไม่ไหว “เธอชอบไป๋ยี่รุ่ยคืออิสระของเธอ ชอบคนคนหนึ่งไม่ได้ผิด อีกอย่างเธอก็แอบชอบคนคนหนึ่งมาโดยตลอด แม้กระทั่งฉันยังดูไม่ออก ชัดเจนเลยว่าเธอไม่อยากให้การชอบของเธอส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ดังนั้นทำไมฉันต้องโกรธ? ไม่ต้องบอกว่าฉันเลิกกับไป๋ยี่รุ่ยแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันยังคบกับไป๋ยี่รุ่ย การชอบของเธอแบบนี้ก็ไม่ผิด ฉันก็ไม่มีทางโกรธแน่นอน”
“ฉิงฉิง ขอบคุณเธอนะ เธอมักคิดเผื่อในจุดยืนของแนตลอด” หลิวหยิงมีความตื้นตันเล็กน้อย ในใจรู้สึกซึ้ง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นไม่มีทางคิดแบบนี้แน่นอน มีเพียงแต่ฉิงฉิงที่คิดกับเธอแบบนี้จริงๆ
“ซื่อบื้อจริงๆ เลย” เวินลั่วฉิงมองเธอแล้วยิ้ม ในรอยยิ้มนั้นมีความเอ็นดูแฝงอยู่ ความคิดของหลิวหยิงนั้นใสซื่อมาโดยตลอด สวยงามขนาดนั้น
“ฉันซื่อไม่เป็นไร เธอฉลาดก็พอแล้ว ฉันมีเรื่องอะไรจะได้ขอความช่วยเหลือจากเธอได้” หลิวหยิงก็ยิ้มแล้ว มีเพื่อนที่ดีแบบนี้คนหนึ่งช่างดีจริงๆ เธอนั้นซื่อ เธอนั้นบื้อ แต่ไม่เป็นไร มีเพื่อนที่ให้กำลังใจคนหนึ่งก็พอแล้ว
“พอแล้ว พูดเรื่องหลัก” เวินลั่วฉิงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวหยิงแล้วก็โล่งอด ตอนนี้ในใจของหลิวหยิงถือว่าปล่อยวางลงแล้วจริงๆ
“ซือถูมู่หรงรู้เรื่องที่ฉันชอบไป๋ยี่รุ่ย ดังนั้นเขาจึงโกรธมาก เขาใช้ความเกรี้ยวกราดมาโดยตลอด ในใบสัญญาของเราก็เขียนไว้แล้ว ระหว่างช่วงเวลาที่กำหนดไว้ห้ามใกล้ชิดกับผู้คนน และเพราะเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยเขาเคยข่มขู่ฉันไม่เพียงครั้งเดียวแล้ว” เพราะว่าหลิวหยิงรู้เรื่องเมื่อห้าปีก่อน รู้เรื่องที่ซือถูมู่หรงหลอกเธอมาห้าปี คำวิพากษ์ที่หลิวหยิงมีต่อซือถูมู่หรงในตอนนี้ไม่ดีมากจริงๆ
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไร
หลิวหยิงเห็นท่าทีของเวินลั่วฉิงแล้ว คิดว่าเวินลั่วฉิงจะสงสัยคำพูดของเธอ ก็พูดเสริมอย่างรวดเร็วว่า “เขามีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น และเขาก็มีความคิดที่จะทำแบบนั้น อีกอย่างเขาก็รู้เรื่องที่ไป๋ยี่รุ่ยฆ่าไป๋หยิงแล้วไปมอบตัว”
“เธอบอกว่าซือถูมู่หรงรู้เรื่องนี้?” ครั้งนี้ ในที่สุดเวินลั่วฉิงก็พูดออกเสียง “ไป๋ยี่รุ่ยพึ่งไปมอบตัววันนี้ ซือถูมู่หรงจะรู้เรื่องเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”
ซือถูมู่หรงเป็นคนทำธุรกิจ หากจะพูดถึงเรื่องบนธุรกิจ ซือถูมู่หรงจะรู้ในเวลาแรกเลยถือว่าไม่แปลก แน่นอนว่าความสามารถของซือถูมู่หรงอยากจะได้รับข่าวสารจากแต่ละสายอาชีพก็ไม่ได้ยาก
ทว่านั่นก็ต้องเป็นเรื่องที่ซือถูมู่หรงใส่ใจมากๆ ซือถูมู่หรงได้รับข่าวเร็วขนาดนี้ หรือว่าซือถูมู่หรงจะติดตามเรื่องที่ไป๋ยี่รุ่ยฆ่าคนมาโดยตลอด?
“เขาอยากจะรู้ก็ต้องมีวิธีแน่นอน” หลิวหยิงรู้ดีในความสามารถของซือถูมู่หรง ขอแค่เป็นเรื่องที่ซือถูมู่หรงอยากพูด ก็ไม่มีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“เมื่อคืนไป๋ยี่รุ่ยมาหาฉัน ต่อมาซือถูมู่หรงก็มาหาฉัน หลังจากกลับถึงบ้านแล้วซือถูมู่หรงก็ขู่ฉันว่าห้ามเจอไป๋ยี่รุ่ยอีก ฉันว่ามีความเป็นไปได้ที่วันนี้ซือถูมู่หรงจะไปสืบเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยเป็นพิเศษ” ชัดเจนเลยว่าความคิดของหลิวหยิงง่ายมาก ทว่าเธอไม่ได้โง่ เรื่องบางเรื่องเธอก็พอนึกออกอยู่
เวินลั่วฉิงมองดูดวงตากลมของหลิวหยิง ชัดเจนเลยว่าตกใจในคำพูดนี้ของหลิวหยิงมาก เมื่อวานหลิวหยิงไปพบเจอกับไป๋ยี่รุ่ย แล้วซือถูมู่หรงก็รีบตามไป?
ซือถูมู่หรงไปจับชู้แหละมั้ง?
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าซือถูมู่หรงคือพวกที่เย็นชามั่นคง เป็นคนที่สงบสติอารมณ์ได้ เธอคิดว่าถึงว่าซือถูมู่หรงจะทำเรื่องที่วู่วามแบบนี้
“เธอกับไป๋ยี่รุ่ยเจอกันที่ไหน ซือถูมู่หรงไปตอนเวลาประมาณเท่าไหร่” เวินลั่วฉิงไม่ใช่พวกที่ชอบเสือกเรื่องคนอื่น ทว่าเรื่องนี้เธอรู้สึกสงสัยมากจริงๆ
แน่นอนว่าการที่เวินลั่วฉิงถามแบบนี้ ก็เพื่อที่อยากจะทำให้เข้าใจว่าความรู้สึกที่ซือถูมู่หรงมีต่อหลิวหยิงอยู่ในระดับไหน
“ในคลับซิงหยุน ตอนนั้นไป๋ยี่รุ่ยไม่สบาย เป็นลมไป ฉันส่งเขาเข้าไปในห้องพักผ่อน เขาหลับไป ฉันไม่วางใจ จึงรออยู่ที่นั่นสักพัก”
“รอไปนานเท่าไหร่?” นัยน์ตาของเวินลั่วฉิงเปล่งประกายขึ้น เธอรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นจุดสำคัญ รออยู่ที่นั่นไปสักพัก นานเท่าไหร่ สิบห้านาที ครึ่งชั่วโมง หรือหนึ่งชั่วโมง?
ในสถานที่คลับซิงหยุนแบบนั้น หากหลิวหยิงและไป๋ยี่รุ่ยอยู่ด้วยกันสองต่อสองประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วซือถูมู่หรงโมโหก็ถือว่าสามารถเข้าใจได้อยู่
หลิวหยิงคิดไปคิดมา จากนั้นก็ตอบกลับอย่างช้าๆ ว่า “ประมาณสามชั่วโมงมั้ง”
นัยน์ตาของเวินลั่วฉิงเบิกตากลมโตขึ้นทันที ครั้งนี้เธอตกใจมากจริงๆ “เก่งมากจริงๆ!” ประโยคนี้ของเวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าพูดถึงหลิวหยิงหรือว่าซือถูมู่หรง