ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1582 ขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าน้อย (1)
เวินลั่วฉิงมองออกถึงความหมดหนทางของหลิวหยิงในตอนนี้ ดังนั้นเธอไม่มีทางปฏิเสธ เธอไม่สามารถมองดูเจ้าหยิงเอ๋อถูกรังแกได้!!
“ฉิงฉิง ขอโทษนะ ฉันไม่สามารถเห็นแก่ตัวเกินไป หากว่าเธอช่วยฉันอาจจะเป็นโทษกับซือถูมู่หรงได้ คนอย่างซือถูมู่หรง บางครั้งเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา…….” นัยน์ที่เปล่งประกายของหลิวหยิงในเมื่อกี้ก็ได้หม่นหมองลงอีกครั้ง เมื่อกี้เธอเองก็รนเกินไป ถึงได้ให้เวินลั่วฉิงช่วยเธอ เธอรู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าซือถูมู่หรงคือคนยังไง เธอจะให้ฉิงฉิงไปเป็นโทษกับซือถูมู่หรงได้อย่างไร
“จริงๆ ฉันเองก็อยู่กับซือถูมู่หรงมาห้าปีแล้ว ก็ไม่ได้เป็นอะไร เมื่อกี้ฉันแค่พร่ำบ่นไปเท่านั้น เธอแค่ฟังไปก็พอ อย่าจริงจังนะ” หลิวหยิงไม่อยากสร้างความลำบากให้เวินลั่วฉิงจริงๆ เมื่อกี้เธอเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว เอาแต่คิดอยากจะพึ่งพาฉิงฉิง อยากจะขอให้ฉิงฉิงช่วยเธอ ไม่ได้คิดเผื่อฉิงฉิงเลย ไม่ได้คิดถึงความเป็นไปของฉิงฉิงเลย!!
“เจ้าหยิงเอ๋อ เธอต้องจำไว้ ตั้งแต่เด็กเป็นต้นมา ฉันอยู่กับเธอ ก็ไม่อนุญาตใก้ใครทำรังแกเรา เธอปกป้องฉัน ฉันปกป้องเธอมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็จะไม่เปลี่ยนไป หลังจากนี้ก็จะไม่เปลี่ยนไป เธอเข้าใจความหมายของฉันไหม?” เวินลั่วฉิงเข้าใจความหมายของหลิวหยิง หากเธอไม่รู้เรื่องนี้ก็ช่างเถอะ ตอนนี้เธอรู้แล้ว เธอไม่สามารถไม่สนใจได้!!
หากซือถูมู่หรงไม่บังคับหลิวหยิง เวินลั่วฉิงสามารถไม่สนใจได้ หากซือถูมู่หรงบังคับหลิวหยิงจริงๆ งั้นไม่ได้แน่นอน
ห้าปีก่อนซือถูมู่หรงหลอกหลิวหยิง หลอกใช้หลิวหยิง ในตอนที่หลิวหยิงอยู่ข้างกายซือถูมู่หรง ซือถูมู่หรงยังทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นใส่หลิวหยิงด้วย ตอนนี้หลิวหยิงหมดหนทางขนาดนี้ กลัวขนาดนี้ เวินลั่วฉิงจะไม่สนใจได้ยังไง
“ฉิงฉิง……” หลิวหยิงมองไปทางเวินลั่วฉิง น้ำตาไหลลงมาเร็วกว่าเดิม เธอในขณะนี้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
“เธอวางใจได้ ซือถูมู่หรงไม่ทำอะไรฉันแน่นอน เธอไม่ต้องเป็นห่วง หากตัวเธออยากจะกลับไปอยู่ข้างกายของซือถูมู่หรงฉันก็จะไม่ยุ่งแน่นอน แต่ว่าหากซือถูมู่หรงอยากจะบังคับเธอ ฉันจะเข้ามายุ่งแน่นอน อีกอย่างจะยุ่งให้ถึงที่สุด” เวินลั่วฉิงแสดงท่าทีของตนเองในตอนนี้ออกมาอย่างชัดเจน
เห็นหลิวหยิงอยากจะเอ่ยปากพูด เวินลั่วฉิงก็พูดแทรกคำพูดของหลิวหยิงไปเลย “หากก่อนหน้านี้เธอพูดว่าอยากจะกลับไปอยู่ข้างกายของซือถูมู่หรงฉันอาจจะเชื่อ แต่ว่าหลังจากที่เธอพูดเรื่องพวกนั้นในเมื่อกี้แล้ว ตอนนี้ถึงแม้เธอบอกว่าเธอจะกลับไปเอง ฉันก็ไม่เชื่อ”
ริมฝีปากของหลิวหยิงเม้มปากขึ้น คำพูดที่มาถึงข้างปากเมื่อกี้ถูกกลืนลงไปอีกครั้ง หลิวหยิงรู้ถึงความเก่งของเวินลั่วฉิง ดังนั้นหลิวหยิงรู้ว่าเธอไม่มีทางโกหกเวินลั่วฉิงได้แน่นอน ดังนั้นคำพูดโกหกพวกนั้นไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องพูด
“ฉิงฉิง ขอบคุณนะ มีเธอมันดีมากจริงๆ” ตอนนี้หลิวหยิงมีเพียงแต่ความขอบคุณและความตื้นตัน
“เรื่องของเธอเดี๋ยวเราค่อยว่ากัน ตอนนี้พูดเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยก่อน” เวินลั่วฉิงไม่ได้ให้เธอพูดคำขอบคุณอะไรมากมาย
“ใช่ พูดเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยก่อน ทำไมถึงพูดมาถึงเรื่องของฉันเนี่ย” หลิวหยิงเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาพูดถึงเรื่องของตนเอง เมื่อกี้เรื่องของไป๋ยี่รุ่ยด่วนมากอยู่ชัดๆ ตอนนี้ทำไมเธอถึงคิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง
“ตอนนี้เราต้องสืบให้ได้ก่อนว่าใครเป็นคนแพร่ข่าวของไป๋ยี่รุ่ยออกมา” สีหน้าของเวินลั่วฉิงมีความจริงจังเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ของไป๋ยี่รุ่ยหากใหญ่โตแล้วคงจะไม่ดี เรื่องราวจะวุ่นวายมาก
โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนไป๋ยี่รุ่ยจะฆ่าไป๋หยิง หากถูกแพร่ออกไป จะส่งผลกลับทบที่แย่มาก
ถึงแม้ว่าความเป็นจริงๆ แล้วไป๋หยิงเป็นคนวางยาให้ไป๋ยี่รุ่ย แต่ว่าใครจะเชื่อ? ไม่ว่ายังไงแล้วไป๋หยิงก็ตายแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยพูดอะไรก็ไม่มีคนเชื่อเขาหรอก
“ฉันชอบพูดก่อน ฉันรู้สึกว่าน่าจะไม่ใช่ซือถูมู่หรง ฉันไม่ได้ปกป้องซือถูมู่หรง ฉันแค่วิเคราะห์ตามเรื่องราว” เวินลั่วฉิงเป็นคนที่เอาตามเรื่องไม่เอาตามคน ถึงแม้ว่าเมื่อกี้หลิวหยิงจะพูดถึงเรื่องพวกนั้นที่ซือถูมู่หรงทำแล้วทำให้เธอโกรธมาก ทว่าอารมณ์ความรู้สึกของตัวเธอเองไม่มีทางส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์ของเธอ
“ฉันเชื่อในการวิเคราะห์ของเธอ” หลิวหยิงไม่ได้พูดอะไรมาก และไม่ได้ยืนหยัด เธอเชื่อใจความสามารถของเวินลั่วฉิง เชื่อการวิเคราะห์ของเวินลั่วฉิง เวินลั่วฉิงบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่
จริงๆ แล้วในใจของหลิวหยิงก็หวังว่าจะไม่ใช่ซือถูมู่หรง ถึงแม้ว่าเรื่องก่อนหน้านี้ที่ซือถูมู่หรงทำกับเธอจะเกินไปมาก ทว่าเธอก็ยังหวังว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองอย่าทะเลาะกันจนหนักเกินไป
“บางครั้งไป๋ยี่รุ่ยจะขี้หวาดระแวง แต่การทำงานนั้นก็มีกฎระเบียบ ไม่ว่ากับคนหรือกับงานก็ทำด้วยอย่างจริงใจ ดังนั้นคนที่เขาจะเป็นโทษด้วยน่าจะมีไม่มาก ตอนนี้เขาไปมอบตัวแล้วยังต่อต้านเขาขนาดนี้น่าจะมีไม่มาก” เวินลั่วฉิงก็พอเข้าใจไป๋ยี่รุ่ยบ้าง ดังนั้นเธอรู้สึกว่าไป๋ยี่รุ่ยอาจจะไม่ทันระวังไปเป็นโทษคนใดคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้ผู้อื่นใช้วิธีการโหดร้ายขนาดนี้
“งั้นความหมายของเธอก็คือเรื่องนี้เกิดขึ้นจากไป๋หยิง?” หลิวหยิงขมวดคิ้ว “งั้นเธอคิดว่าคนคนนี้อยากแก้แค้นให้ไป๋หยิง หรือว่าอยากให้เธอตายอย่างไม่สงบสุข?”
“ฉันรู้สึกว่ากรณีหลังมีความเป็นไปได้สูง คนอย่างไป๋หยิงนั้นโหดร้ายมาโดยตลอด ใช้ทุกวิถีทาง ทำงานอย่างเด็ดขาด ไม่เคยเหลือโอกาสให้ใคร และไม่เหลือโอกาสให้ตัวเอง หลายปีมานี้น่าจะเป็นโทษคนไม่น้อยเลย” ในตอนที่เวินลั่วฉิงพูดถึงไป๋หยิงน้ำเสียงค่อนข้างจะต่ำ
“เธอรู้ได้อย่างไร?” หลิวหยิงมีความแปลกใจเล็กน้อย ระหว่างเวินลั่วฉิงและไป๋ยี่รุ่ยจบลงแล้ว ตามหลักแล้วนิสัยของฉิงฉิงเหมือนจะไม่ติดตามคนอย่างไป๋หยิง
“เธอมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ เรื่องราวที่องค์กรโกสต์ซิตี้เคยทำกับตระกูลถังนั้น ส่วนมากแล้วเป็นความคิดของเธอ” ตระกูลถังเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนั้น แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงเคยสืบอย่างละเอียดมากก่อน สำหรับเรื่องที่ไป๋หยิงมีบทบาทอะไรในนั้นเวินลั่วฉิงก็รู้อย่างชัดเจน
“คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ เรื่องที่ทำกับตระกูลถังก็เป็นความคิดของเธอ ทำไมเธอต้องทำแบบนี้? เธอบ้าไปแล้วเหรอ?” หลิวหยิงตกใจมาก เธอรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยเข้าใจความคิดของไป๋หยิง
“เรื่องเมื่อก่อนฉันรู้แค่นางจะต่อต้านฉัน แต่ว่าฉันไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง ตอนนี้ฉันรู้แล้ว เธอน่าจะชอบไป๋ยี่รุ่ย ดังนั้นจึงเห็นฉันเป็นศัตรู ต่อต้านฉันในทุกๆ เรื่อง อยากจะทำลายฉันอยู่ตลอดเวลา” เวินลั่วฉิงค่อยๆ หรี่ตาลง คำพูดหยุดไปสักพัก พูดเสริมอีกว่า “ห้าปีก่อนเธอเป็นคนวางยาฉัน แล้วให้คนทำทำร้ายฉัน หากไม่ใช่เพราะคืนนั้นฉันเจอกับเย่ซือเฉิน ผลที่ตามมาฉันไม่อยากจะคิดเลย”
เรื่องทุกอย่างที่ไป๋หยิงทำกับเธอมันโหดร้ายมาก เมื่อก่อนเวินลั่วฉิงไม่เข้าใจในกากระทำของไป๋หยิง แต่ว่าตอนนี้เธอเข้าใจหมดแล้ว
ในเมื่อไป๋หยิงวางยาแบบนั้นให้ไป๋ยี่รุ่ย ไม่กลัวว่าไป๋ยี่รุ่ยจะเกลียดเธอ ไม่ว่ายังไงก็จะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับไป๋ยี่รุ่ย เกรงว่าไป๋หยิงจะชอบไป๋ยี่รุ่ย
“นางเป็นคนบ้าชัดๆ นางควรจะรีบไปตาย แต่น่าเสียดายที่สร้างภาระให้ไป๋ยี่รุ่ยแล้ว” หลิวหยิงทั้งโมโหทั้งรน เธอคิดไม่ถึงว่าไป๋หยิงจะทำเรื่องที่น่าเกลียดพวกนั้น
“ตอนนี้คนที่อยากฆ่าไป๋หยิงตายมีไม่น้อย ในเมื่อไป๋หยิงตายแล้ว คนที่อยากจะดึงเธอออกมาออกมาพูดในแง่ลบ พูดถึงเรื่องชั่วๆ ของเธอคงมีไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็คือคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ หากเรื่องนี้คนขององค์กรโกสต์ซิตี้เป็นคนทำ งั้นเรื่องราวคงจะยุ่งยากมาก” ตอนนี้สิ่งที่เวินลั่วฉิงกังวลที่สุดก็คือเรื่องนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้
“เมื่อกี้เธอบอกว่านางมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ใช่เหรอ นางยังช่วยออกความเห็นกับคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ด้วย? ทำไมคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ถึงต่อต้านนางในตอนนี้?” หลิวหยิงรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับคำพูดก่อนหน้านี้และตอนนี้ของเวินลั่วฉิง
“พังหมดแล้ว” เวินลั่วฉิงเผยรอยยิ้มที่เสียดสีออกมาตรงมุมปาก “เจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เธอรู้จักใช่ไหม?”
“อื้ม รู้จัก ฉันเคยอ่านข่าว บอกว่าเจ้าหญิงนั่นเป็นตัวปลอม หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้บอกว่าไม่มีทางปล่อยเจ้าหญิงตัวปลอมนั้นไปแน่ๆ แต่ว่านี่เกี่ยวอะไรกับไป๋หยิงเหรอ?” เรื่องเจ้าหญิงตัวปลอมขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้เปิดงานแถลงข่าวแล้ว แน่นอนว่าหลิวหยิงรู้ เธอเคยอ่านข่าวมาก่อน
“ตามที่ฉันสืบเจอ ยัยเจ้าหญิงตัวปลอมนี้ไป๋หยิงเป็นคนหามา อีกอย่าไป๋หยิงรู้แต่แรกแล้วว่าเป็นตัวปลอม ไป๋หยิงคิดอยากจะโกหกหัวหน้าตั้งแต่แรก ความคิดทั้งหมดนั้นไป๋หยิงเป็นคนบงการ ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นไป๋หยิงจะสามารถหนีไปได้เหรอ?” เพราะว่าเรื่องพวกนั้นที่องค์กรโกสต์ซิตี้ทำกับตระกูลถัง บวกกับเรื่องที่โรงพยาบาลในสองวันก่อน เวินลั่วฉิงจึงทำการสิบองค์กรโกสต์ซิตี้ จากนั้นก็พบว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับไป๋หยิง
อีกอย่าไม่เพียงแต่มีความเกี่ยวข้องกับไป๋หยิง เรื่องทั้งหมดที่ไป๋หยิงทำล้วนมีบทบาทสำคัญมากๆ