ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1593 รักแรกลืมยากที่สุด (2)
“คนคนนึงเพื่อแก้ปัญหาให้แฟนเก่า มาขอให้คนใหม่ช่วย นายว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?” แต่คำพูดของเลขาหลิวยังไม่ทันได้พูดจบ ในทันใดนั้นเองคุณชายสามเย่ก็ได้พูดออกมา
“หา?” เลขาหลิวได้ยินก็เอ๋อแดกไปเล็กน้อย หมายความว่าอะไร?
อะไรแฟนเก่า อะไรคนใหม่? ทำไมเขาไม่เข้าใจเลย
ดวงตาเย่ซือเฉินได้กรอกไปเล็กน้อย มองไปยังเลขาหลิวไปนิ่ง ๆ เลขาหลิวสบเข้ากับสายตาของบอสของเขา ร่างก็ได้แข็งเกร็งออกมาอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็นึกขึ้นมาได้ เข้าใจความหมายเมื่อกี้ของบอสของเขาขึ้นมาโดยทันที
สายเมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณผู้หญิงโทรเข้ามา ตอนนี้คุณผู้หญิงได้คืนดีกับบอสแล้ว บอสจะต้องเป็นคนปัจจุบันอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้วเมื่อกี้คุณผู้หญิงโทรมาเพราะขอความช่วยเหลือจากบอส อีกทั้งยังช่วยคนรักเก่าของคุณผู้หญิงอีกด้วย
เลขาหลิวได้ตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์ ตกใจจนอ้าปากค้างออกมา พระเจ้า มิน่าบอสถึงได้มีท่าทางน่ากลัวแบบนี้
แต่ว่าแฟนเก่าของคุณผู้หญิงเป็นใคร?
จู่ ๆ เลขาหลิวก็นึกถึงข้อมูลที่เขาได้ช่วยบอสสืบไปเมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ แฟนเก่าของคุณผู้หญิงเหมือนกับว่าจะเป็นประธานไป๋ยี่รุ่ยของฉิงรุ่ย
เรื่องที่ไป๋ยี่รุ่ยฆ่าคนตายวันนี้มันก็ได้พาดหัวข่าวขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าเลขาหลิวต้องเห็นอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้กลับไม่อาจจะไม่สนใจได้แล้ว
“บอสครับ คุณผู้หญิงคงจะเพียงแค่เป็นการช่วยเหลือกันระหว่างเพื่อนต่อประธานไป๋เท่านั้นเองครับ เพราะถึงยังไงประธานไป๋ก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาแล้ว” เลขาหลิวรู้สึกว่าเหงื่อเย็นที่แผ่นหลังของเขายิ่งไหลหนักขึ้นกว่าเดิม เลขาหลิวคิดว่านี่มันเป็นคำถามที่แย่สุด ๆ ไปเลย แต่บอสถามมาแล้ว เขาเองก็ไม่กล้าไม่ตอบกลับไปด้วยเหมือนกันนี่สิ
“ไป๋ยี่รุ่ยเกิดเรื่องแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?” เย่ซือเฉินกวาดสายตาไปที่เลขาหลิวแวบนึง สายตานั้นดูเหมือนจะเรียบนิ่ง แต่เลขาหลิวที่สบเข้ากับสายตาของบอสของเขาแล้วกลับเกือบจะทรุดลงกับพื้นไปเลยทันที
“นี่…” เลขาหลิวยกมือขึ้นมาปาดเช็ดที่ตรงหน้าผาก ตอนนี้เครื่องปรับอากาศภายในห้องได้เปิดเอาไว้เต็มที่มาก แต่เลขาหลิวกลับมีเหงื่อเย็นไหลอาบออกมา “ถึงยังไงคุณผู้หญิงก็ไม่ใช่คนไร้น้ำใจ ไม่อาจมองดูคนที่กำลังลำบากแล้วไม่ช่วยอะไรได้”
“ดังนั้นแล้ว เธอกับยังมีเยื่อใยกับไป๋ยี่รุ่ยอยู่?” ในสายตาที่แต่เดิมมันยังนับว่าสงบนิ่งอยู่ของเย่ซือเฉินเหมือนกับว่าจะมีความเยือกเย็นเข้ามารวมตัวกันเข้ามาทันที พร้อมกับทอดมองไปที่เลขาหลิวเขม็ง
“ไม่ ไม่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เลขาหลิวตกใจกลัวขึ้นมาจนร่างซวนเซไป ถ้าตอบสนองออกมานับว่าเร็วพอสมควร พยุงโต๊ะทำงานเอาไว้ได้ เกรงว่าคงจะได้ร่วงลงไปกับพื้นแล้วจริง ๆ
คำพูดของเขามันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ เขาจะกล้ามีความคิดอย่างนั้นได้ยังไง
“บอส คุณผู้หญิงจะยังมีเยื่อใยต่อไป๋ยี่รุ่ยได้ยังไง ตอนนี้คุณผู้หญิงชอบบอสอยู่ คนที่รักก็เป็นบอส ตอนนี้ภายในใจของคุณผู้หญิงมีแต่บอส กับผู้ชายคนอื่น คุณผู้หญิงไม่มีทางชายตามองเลย ไม่มีทางจะสนใจเลย” ตอนนี้ความต้องการที่จะมีชีวิตรอดของเลขาหลิวได้มาถึงจุดสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดยังไงเขาก็พูดได้ทั้งนั้น
ขอเพียงแค่บอสของเขาอยากจะฟัง ขอเพียงแค่บอสของเขาได้ยินแล้วมีความสุขก็พอแล้ว
ไม่อย่างนั้นแล้ว บอสของเขาจะต้องเอาชีวิตเขาไปก่อนแน่
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดนี้ของเลขาหลิวแล้วสีหน้าในที่สุดก็ได้เปลี่ยนกลับมาดีขึ้นสักนิดนึงได้เสียที แต่ต่อมา สีหน้าของเขากลับดูเยือกเย็นมืดครึ้มออกมามากขึ้นกว่าเดิม “ตอนนี้เธอกำลังทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อเรื่องของไป๋ยี่รุ่ย แล้วยังขอให้ฉันช่วยไป๋ยี่รุ่ยอีก”
อะไรที่ว่าไม่มองผู้ชายคนอื่นเลย? อะไรที่ว่าไม่สนใจผู้ชายคนอื่นเลย? มันเป็นเรื่องที่พูดขึ้นมามั่ว ๆ ทั้งนั้น ตอนนี้เธอกำลังทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อแก้ปัญหาให้ไป๋ยี่รุ่ยอยู่เลย
มุมปากของเลขาหลิวได้เม้มออกมาแน่น ไม่กล้าพูดซี้ซั้วอะไรออกมาอีก ถ้าเป็นไปได้แล้วล่ะก็ เขาถึงขนาดที่ไม่อยากแม้แต่จะหายใจออกมาเลยด้วยซ้ำ
เมื่อกี้ทั้ง ๆ ที่เป็นประโยคหนึ่งที่ธรรมดามากเลย แต่ผลสุดท้ายก็ดันถูกบอสของเขาบิดเบือนไปหมดเลย เลขาหลิวกลัวว่าถ้าเขาพูดอะไรออกไปอีกสักนิด วันนี้คงจะหมดหนทางที่จะมีชีวิตรอดออกไปจากห้องทำงานแน่ ๆ เลย
หลังจากที่เย่ซือเฉินได้คืนบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปให้กับคุณปู่เย่ไปแล้ว เย่ซือเฉินก็ไม่ไปบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปอีกเลย แน่นอนว่าเลขาหลิวก็ต้องไม่ไปบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปอีกเหมือนกัน อันที่จริงที่เมือง Aเย่ซือเฉินนอกจากองค์กรยมบาลแล้วก็ยังเป็นบริษัทของเขาอยู่ เลขาหลิวจึงได้ตรงมาจากบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปมายังบริษัททางนี้เลย แน่นอนว่าปกติแล้วเลขาหลิวยังต้องรับผิดชอบสถานการณ์ในบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปอยู่ด้วย
สุดท้ายคุณชายสามเย่ยุ่งมาก ไม่ได้มาที่บริษัทเลย เรื่องของบริษัททางนี้ก็ได้อยู่ในความรับผิดชอบโดยเลขาหลิวมาโดยตลอด นี่ยังเป็นครั้งแรกในช่วงที่ผ่านมานี้เลยที่คุณชายสามเย่มาที่บริษัท
เลขาหลิวเห็นบอสไม่ง่ายเลยกว่าจะมาบริษัทได้ เดิมทีก็รู้สึกดีใจมาก ก็เลยหยิบเอาสัญญาในช่วงนี้มาให้บอสของเขาเซ็นไม่หยุด แต่เดิมบอสก็เซ็นดี ๆ อยู่หรอก เดิมทีอารมณ์บอสก็ไม่เลยเลยทีเดียวเหมือนกัน
แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่บอสของเขารับสายแล้วจะเปลี่ยนกลายเป็นอย่างนี้ไปได้
เลขาหลิวคิดว่าวันนี้บอสไม่ได้มาตรวจงาน แต่มาเอาชีวิตของเขาแทน
“ทำไมไม่พูด ใบ้ไปแล้ว?” เลขาหลิวอยากจะรักษาความเงียบเอาไว้ ไม่กล้าพูดซี้ซั้วออกไป แต่น่าเสียดายที่คุณชายสามเย่ไม่เห็นด้วย
“บอส บริษัทยังมีสัญญาที่ต้องจัดการอยู่อีกสักหน่อย” ตอนนี้เลขาหลิวอยากจะออกไปจริง ๆ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่เลยจริง ๆ
“ฉันจำได้ว่าเมื่อครั้งที่แล้วเคยให้นายไปสืบเรื่องไป๋ยี่รุ่ยมาก่อน” แต่คุณชายสามเย่เห็นได้ชัดว่าไม่มีแพลนจะปล่อยเลขาหลิวออกไปเลย
“ถูกครับ เคยสืบมาแล้ว” เลขาหลิวพยักหน้าออกมา คำถามนี้มันค่อนข้างตอบง่ายหน่อย ถึงแม้ว่าเลขาหลิวจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ตอนนี้บอสของเขาถึงได้ถามเรื่องนี้ออกมาก็ตาม
“ไป๋ยี่รุ่ยเป็นรักแรกของเธอ…” ดวงตาของคุณชายสามเย่ได้หรี่ลงไปเล็กน้อย ประโยคนี้ไม่รู้ว่าถามเลขาหลิวหรือว่ากำลังพูดกับตัวเองอยู่กันแน่
เลขาหลิวได้ตื่นตะลึงไปจนสีหน้าได้ซีดเผือดไปเลยทันที การเต้นของหัวใจก็แทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ คำพูดนี้ของบอสมันน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ได้ยินมาว่าผู้หญิงมักจะยากที่จะลืมรักแรกของตัวเอง” คุณชายสามเย่หมือนกับว่าจะไม่เห็นสีหน้าที่ได้ซีดลงไปของเลขาหลิวเลยสักนิด คำถามประโยคนี้ของคุณชายสามเย่มันยิ่งทำให้เกือบตายกว่าเดิมไปอีก
ริมฝีปากของเลขาหลิวได้ปิดแน่น ไม่พูดอะไร ให้ตายยังไงเขาก็ไม่พูด
คำพูดประโยคนี้ของบอสมันเป็นประเด็นที่เอาชีวิตมากเลย ใครตอบคนนั้นตาย!!
“ตอบ” ดวงตาทั้งสองข้างของเย่ซือเฉินได้มองไปทางเลขาหลิว สายตาเย็นชา หลังจากที่เขาวางสายไปก็มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่เต็มไปหมด ไม่มีที่ให้ระบายออกไป เขาไม่อาจระเบิดอารมณ์ใส่เธอไปตรง ๆ ได้
ดังนั้นแล้ว แน่นอนว่าเลขาหลิวจึงต้องกลายมาเป็นที่รองรับอารมณ์ไปโดยปริยาย
“บอสครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิง อีกอย่างผมก็ยังไม่เคยมีแฟนเลยครับ ไม่เข้าใจหรอก” เลขาหลิวไม่อยากตอบ แต่บอสต้องการให้เขาตอบกลับไปให้ได้ เขาไม่พูดมันก็ไม่ได้แน่ ๆ
“ตอบมาดี ๆ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้นายก็ไปขุดบ่อที่แอฟริกาเสีย” เย่ซือเฉินตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าต้องการคำตอบมาสักคำตอบนึงมากเลย
มุมปากของเลขาหลิวได้กระตุกออกมาอย่างแรง บอสโหดร้ายมากเลยจริง ๆ
“บอสคุณอยากได้ยินความจริงหรือว่าคำโกหก?” เลขาหลิวตัดสินใจที่จะสู้ออกไปให้สุดชีวิต ในเมื่อบอสจะต้องถามมาให้ได้ และจะต้องให้เขาตอบไปเสียให้ได้แล้ว เขาก็ทำได้แค่เพียงตอบไปเท่านั้น
ดวงตาของเย่ซือเฉินได้หรี่ลงทันที น้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าจะนิ่งขรึมลงไปเล็กน้อย เหมือนกับว่าจะประดับไปด้วยการพูดแบบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันออกมาด้วยเล็กน้อย “ความจริง”
แน่นอนว่าเขาจะต้องอยากได้ยินความจริงอยู่แล้ว ฟังคำโกหกไปมันจะมีความหมายอะไร
เลขาหลิวมองไปยังบอสของเขา พยายามคิดไปอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นก็ได้ปริปากพูดออกไป “โดยปกติแล้วครั้งแรกมันจดจำแบบฝังลึกกันทั้งนั้น จดจำเอาไว้ในใจไม่มีวันลืมเลือน ผู้หญิงต่างก็เป็นพวกที่จะรับรู้ทางความรู้สึกไวกันทั้งนั้น ว่ากันตามหลักแล้วรักแรกสำหรับพวกเธอแล้วมันเป็นหนึ่งเดียวไม่มีสอง”
เลขาหลิวได้ทุ่มออกไปสุดตัวจริง ๆ นี่เป็นสิ่งที่บอสอยากฟัง จะโทษเขาไม่ได้ อีกอย่างเมื่อกี้บอสก็บอกแล้วว่าอยากฟังความจริง
สิ่งที่เขาพูดไปตอนนี้มันก็เป็นความจริงทั้งนั้น มีแต่เนื้อไม่มีผสมน้ำเลยสักนิดเดียว แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เมื่อก่อนหน้านี้เขาได้เห็นมาจากในเน็ตทั้งนั้น
สีหน้าของคุณชายสามเย่ได้บูดบึ้งไปในทันที ประหนึ่งมีเมฆครึ้มเข้ามาปกคลุมไปชั่วขณะ เหมือนกับต่อจากนี้จะสามารถมีฝนตกลงมาได้เลย เขาอยากให้เลขาหลิวพูดความจริงออกมา แต่คำพูดประโยคนี้ของเลขาหลิวเขาไม่อยากได้ยินเลยจริง ๆ
“นายไสหัวออกไปได้แล้ว” ตอนนี้น้ำเสียงเยือกเย็นของคุณชายสามเย่ได้เย็นไปจนถึงขนาดที่สามารถแช่แข็งคนให้ตายได้เลย สายตาที่มองไปทางเลขาหลิวเหมือนกับว่ากำลังจะฆ่าคนได้เลย
ภายในใจของคุณชายสามเย่เดิมทีมันก็ห่อเหี่ยวใจอยู่แล้ว แต่เดิมก็ยังคิดอยู่ว่าให้เลขาหลิวพูดมาสักสองสามคำ มันจะได้ทำให้อารมณ์ของเขาค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้าง แต่ผลสุดท้ายเลขาหลิวกลับพูดคำพูดนี้กับเขาออกมา
ทั้ง ๆ ที่ปกติเลขาหลิวจะฉลาดมากแท้ ๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้โง่ขนาดนี้
เขาบอกว่าจะฟังความจริงก็จะต้องได้ยินความจริงงั้นเหรอ?
เลขาหลิวได้ยินคำว่าไสหัวไปคำนี้ของบอสแล้วก็เหมือนกับได้ยินเสียงแห่งสวรรค์ เขาอยากจะไปมาตั้งนานแล้ว แต่บอสของเขาไม่ให้เขาไป ตอนนี้บอสออกคำสั่งมาแล้ว ในที่สุดเขาก็ไปได้เสียที
เลขาหลิวไม่แม้แต่จะเก็บเอกสารบนโต๊ะเลยสักนิด เลขาหลิวถึงขนาดที่ว่าได้ถอยตรงออกไปเลยโดยที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปเลยด้วยซ้ำ
ตอนที่เลขาหลิวกำลังจะถอยไปถึงประตูทางเข้าห้องทำงานแล้วก็ได้ผันร่างออกไป พลางยื่นมือไปดึงประตูห้องทำงานไปด้วย
“พรุ่งนี้ไสหัวไปขุดบ่อที่แอฟริกา” มือของเลขาหลิวยังไม่ทันได้เปิดประตู เสียงประหนึ่งพญายมของคุณชายสามเย่ก็ได้ดังเข้ามาอีกครั้ง
การกระทำของเลขาหลิวได้แข็งค้างไป หัวใจก็ได้สิ้นหวังไปเลยทันที ทำไมคนที่ซวยถึงได้เป็นเขาตลอดเลย
เขาไม่ยินยอม แต่ว่าตอนนี้ถึงแม้ว่าเลขาหลิวจะหยิบยืมความกล้ามามากมายแค่ไหน เลขาหลิวก็ไม่กล้าไปโต้เถียงกับบอสหรอก เลือกที่จะหนีออกไปจากห้องทำงานที่มืดมนนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีจะดีกว่า
ไปที่อื่น เมื่อเทียบกับชีวิตแล้วมันก็ไม่มีอะไรสำคัญกว่าทั้งนั้นเลย
เลขาหลิวออกไปจากห้องทำงาน ภายในห้องทำงานเหลือเพียงแค่คุณชายสามเย่คนเดียว คุณชายสามเย่มองโทรศัพท์ของตัวเองที่อยู่บนโต๊ะทำงาน สีหน้านิ่งขรึมลง สายตาเยือกเย็นออกมา ภายในใจหดหู่ใจขึ้นมา