ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1604 หนูชื่อว่าอะไร
ถังจื่อซีเห็นซ่างกวนหงไม่ได้พูดอะไรออกมา นึกว่าเขาจะไม่ชอบถังจื่อโม่ จึงรีบช่วยพูดให้พี่ชายไปทันที ของเล่นในมือได้วางลงไปหมด ในดวงตาถึงขนาดที่ได้ประดับไปด้วยความวิงวอนอยู่บ้าง
ซ่างกวนหงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบผมเธอเบา ๆ เด็กคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะไวต่อความรู้สึกอย่างนี้ “หนูวางใจเถอะ ลุงชอบพี่ชายของหนูมาก เขาน่ะ จะต้องเป็นเด็กดีมากเลยคนนึง อย่ากังวลไปเลย รอให้พี่ชายของหนูเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลุงจะไปถามเขาเอง”
“ขอบคุณค่ะคุณลุง!” ถังจื่อซีพุ่งเข้าไป “เยี่ยมมากเลย!” เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป เธอกลัวมากจริง ๆ กลัวว่าคุณลุงจะไม่ชอบพี่ชาย เธอเพิ่งจะมาที่นี่ ไม่อยากออกไปจากคุณลุง แต่ถ้าคุณลุงไม่ชอบพี่ชายจริง ๆ เธอก็จะจากไปกับพี่ชาย พี่ชายสำหรับเธอแล้วนั้นเป็นคนที่สำคัญที่สุด ตอนนี้ดีแล้ว คุณลุงชอบพี่ชาย พี่ชายเองก็ไม่ได้อยากจะจากไป อยู่ที่นี่ เธอจะต้องอยู่อย่างมีความสุขมากแน่ ๆ
“จื่อซีอย่ากังวลไปเลย ลุงชอบหนูมาก และก็ชอบพี่ชายหนูมากเหมือนกัน พวกหนู ก็เหมือนกับลูกหลานของลุง ทำให้ลุงรู้สึกถึงความอบอุ่น ขอเพียงแค่พวกหนูยินดี ก็สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเลย” ซ่างกวนหงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป
“หนูเองก็เหมือนกัน หนูก็ชอบคุณลุงมากเหมือนกัน รู้สึกว่าคุณลุงเหมือนกับญาติพี่น้องเลย!” ถังจื่อซีพูดออกมาอย่างหนักแน่น
ถังจื่อโม่เดินเข้ามาได้ยินคำพูดของซ่างกวนหงกับถังจื่อซีเข้า ได้ขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย ญาติพี่น้อง? เขาเห็นจื่อซีเป็นญาติพี่น้องงั้นเหรอ? เขาอายุปูนนี้แล้ว ลูกสาว? หรือว่าอย่างอื่น? ถังจื่อโม่ต้องยอมรับเลยว่าเขามองไม่ออกถึงอายุของซ่างกวนหงอยู่บ้าง มองไปแล้วดูสามสิบกว่าปี แต่ก็รู้สึกอีกว่ามันมากกว่านั้นอีก ถังจื่อโม่ต้องยอมรับเลยว่าคนคนนี้เขามองไม่ออกเลย
“พี่ชาย พี่ลงมาแล้ว!” ถังจื่อซีเห็นถังจื่อโม่ก็มีความสุขมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะว่าการสนทนาเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ถังจื่อโม่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน มองซ่างกวนหงไม่พูดอะไรออกไป
ซ่างกวนหงเองก็ไม่พูดเหมือนกัน ยื้มออกมาเสียอ่อนโยนเลย
“จื่อซี พวกเราอยู่ห้องที่ได้จัดการเอาไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อก่อนหน้านี้กันดีมั้ย?” ถังจื่อโม่เองก็ไม่ได้ฝืนออกไปเหมือนกัน ได้เปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาไป ถึงแม้ว่าคำพูดที่เขาพูดออกไปนั้นจะเป็นการขอคำปรึกษา แต่อันที่จริงแล้วน้ำเสียงมันก็มีความแน่วแน่อยู่บ้างเล็กน้อย
“หืม?” ถังจื่อซีไม่เข้าใจ
“เมื่อกี้ฉันลองดูแล้ว การจัดเตรียมของห้องนั้นมันตรงตามที่เธอชอบมากเลย จัดการแบบเฉพาะหน้าไปตอนนี้ คงจะไม่ได้เหมาะเหมือนอย่างนี้แล้วก็ได้” ถังจื่อโม่หยิบยกเหตุผลขึ้นมาอย่างนึง
“หนูไม่ถือ~” ถังจื่อซีไม่ได้คิดมากมายขนาดนั้นเลย เธออยากจะอยู่ใกล้ ๆ ซ่างกวนหงสักหน่อย พูดให้เคลียร์เลยก็คือห้องมันไม่ใช่ว่าแค่สถานที่ที่ในการพักอยู่ที่หนึ่งหรือไง ไหนเลยจะสำคัญไปกว่าคนกัน
“??” ถังจื่อโม่สับสนอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้กรอกยาเสน่ห์อะไรให้ถังจื่อซีไปแล้วเหรอ? น้องสาวของเขา สามารถมีสิ่งที่ดีที่สุดได้ถึงได้ไม่มีทางจะรับของจำพวกที่มันไม่ดีจำพวกนั้นมาหรอก แต่ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะสามารถยอมรับเรื่องที่ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นักได้?
“เชื่อฟัง อยู่ที่ตรงนี้ไปก่อน คุณลุงอยู่ด้วยตลอด ถ้าเธอกดดันมากไป คุณลุงอาจจะไม่ชอบเธออย่างนี้แล้วก็ได้” ถังจื่อโม่เอ่ยออกไปอย่างเย็นชา สายตาที่มองซ่างกวนหงได้ประดับไปด้วยความรู้สึกเป็นศัตรูออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีปิดบัง
“คุณลุงไม่ชอบเหรอ?” ถังจื่อซีถามออกมาอย่างเป็นกังวล เธอไม่อยากให้คุณลุงเกลียดเธอเลย
แน่นอนว่าซ่างกวนหงอยากจะพูดออกไปว่าไม่ เขาจะเกลียดถังจื่อซีได้ยังไงกันน่ะ? ชอบเธอเอามาก ๆ เลยนะ!แต่เห็นสีหน้าของถังจื่อโม่แล้ว อยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กคนนี้ ทำได้แค่เพียงพูดต่อออกไปอย่างว่าง่าย “ลุงอยู่ที่นี่ตลอด ไม่ไปไหนหรอก และก็ไม่มีทางจะเกลียดจื่อซีด้วยเหมือนกัน!ห้องนั้นมันเป็นห้องที่ลุงตั้งใจให้คนเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษ หนูเปิดประตูออกไปก็สามารถมองเห็นห้องของลุงได้แล้วนะ” ซ่างกวนหงค่อย ๆ พูดไปอย่างช้า ๆ “ลุงคิดว่าห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้จื่อซีตอนนี้มันก็ดีมากเหมือนกัน ถ้าลุงออกไปแล้วก็จะมองเห็นจื่อซีอยู่ไกล ๆ จะต้องมากความสุขมากแน่ ๆ เลย ถ้าได้ทักทายจื่อซีอยู่ไกล ๆ อีก เดินไปที่ปากทางขึ้นลงบันไดด้วยกัน จูงมือจื่อซีลงไปข้างล่าง มันจะต้องเป็นเรื่องที่วิเศษมากแน่ ๆ เลย!”
ถังจื่อซีจินตนาการไปตามที่ซ่างกวนหงว่ามา ออกมาด้วยกัน เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยกัน ลงไปข้างล่างด้วยกัน มันเป็นเรื่องที่เพอร์เฟคมากเรื่องหนึ่งเลยจริง ๆ ! ถังจื่อซีถึงขนาดที่อดไม่ได้ที่จะให้ถึงวันพรุ่งนี้เลยทันที จะได้ลองทำอย่างนี้ดูสักครั้ง!
อารมณ์ของถังจื่อโม่ไม่ได้ดีนัก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตนอยู่ข้าง ๆ ยังคิดเลยว่ามันเป็นสิ่งที่คนรักคู่หนึ่งทำกันเสียอีก! ผู้ชายตรงหน้าคนนี้เองก็เข้าใจเกินไปแล้วหรือเปล่า! ถ้าผู้หญิงที่กำลังมีความรัก…เฮ้ย! เขากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย! ถังจื่อซีเด็กโง่คนนี้นี่นะ!
“งั้นหนูก็จะอยู่ห้องนั้น! พี่ชาย ข้าวของของพวกเราจัดเก็บเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?” ถังจื่อซียิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข รอยยิ้มประดับอยู่เต็มใบหน้า
“ใช่ แต่เหมือนว่าจะขาดอะไรไป เธอลองไปดูที่ห้องหน่อย แล้วจะได้บอกกับคุณลุงไปเลย” ถังจื่อโม่เน้นหนักลงไปที่คำว่า “คุณลุง” สองคำนี้ เหมือนกับตั้งใจจะเตือนสถานะของเขาออกไป
“ได้เลย~” ถังจื่อซีไม่ได้สงสัยในอะไรอื่นเลย ประเด็นที่สำคัญคือ เธอเองก็อยากสร้างพื้นที่ให้พี่ชายกับคุณลุงคนงามได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสักหน่อยเหมือนกัน ให้พวกเขาได้พูดคุยกัน ถ้าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแล้ว เธอก็วางใจแล้ว! ถังจื่อซีคิด ไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะมีหัวข้อการสนทนาเยอะมากเลยก็ได้นะ!
คิดไปพลาง ถังจื่อซีกระโดดโลดเต้นขึ้นไปข้างบนอย่างมีอารมณ์ดี
ถังจื่อโม่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงกันข้ามซ่างกวนหง มองเขาไปอย่างมืดครึ้ม หลังจากที่ถังจื่อซีเข้าห้องไปแล้วก็ได้เอ่ยพูดออกมา “คุณชอบน้องสาวผมมากเลย?”
ซ่างกวนหงยิ้ม พิงเข้ากับบนโซฟา อย่างที่คิดเป็นเด็กน้อยจริง ๆ ยังไม่ค่อยจะข่มอารมณ์เอาไว้ได้เท่าไหร่นัก “จื่อซีเหรอ? ฉันชอบเธอมาก! เหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยเลยไม่มีผิด สดใส ร่าเริง รู้ความ ชวนให้รู้สึกถึงความอบอุ่น”
ซ่างกวนหงพูดออกมาคำนึง สีหน้าของถังจื่อโม่ได้มืดครึ้มออกมาเล็กน้อย ถึงขนาดที่ยังเอ่ยพูดออกไปอย่างโหดเหี้ยมเลยว่า “ทำไมคุณถึงมาเข้าหาน้องสาวผม?”
“เด็กน้อย เป็นจื่อซีที่ชอบฉัน ถึงได้มาหาฉัน ไม่ใช่ฉันที่เป็นฝ่ายไปหาจื่อซีเองเสียหน่อย” ซ่างกวนหงค่อนข้างจะมีการยั่วยุออกไปเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น จื่อซีก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ฉันจะไปมีจุดมุ่งหมายอะไรได้”
ถังจื่อโม่รู้สึกโมโหเสียจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว อะไรที่เรียกว่าจื่อซีก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ไม่มีทางจะมีจุดมุ่งหมายอะไรได้? หรือว่าถ้าจื่อซีโตขึ้นมาอีกนิด เขาจะมีความคิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ ? คนคนนี้! จงใจหรือเปล่าเนี่ย!
ซ่างกวนหงรู้ว่าถังจื่อโม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เขาพูดผิดไป แต่ก็ไม่ได้พูดแก้ออกไป แต่กลับมองเขาคิดมากไปอย่างพึงพอใจแทน หาได้ยากที่เขาจะแสดงออกมาทางสีหน้า เขาชอบมาก สีหน้าอย่างนี้สิถึงจะเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง เย็นชา มันน่าอึดอัดมากเลย
“ดี งั้นพวกเรามาคุยกันให้จริงจังสักหน่อยแล้วกัน!” ถังจื่อโม่พยายามฝืนให้ตัวเองใจเย็นลง คนตรงหน้าคนนี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว ถึงขนาดที่จงใจชักนำให้เขาเข้าใจผิดไปในอีกทางหนึ่ง เขาจะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ไม่อาจถูกเขาชักนำไปได้ จะต้องใจเย็น ๆ ผู้นำการบูชาพรเจ้าเป็นฝ่ายกุมโอกาสในการชี้ชะตาเอาไว้เอง
ซ่างกวนหงได้ประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เด็กคนนี้ ตอบสนองได้รวดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? นึกไม่ถึงว่าเขาจะคาดเดาออกมาได้ว่าตนจงใจ จงใจชักจูงให้เขาคิดฟุ้งซ่าน อีกทั้งยังเร็วขนาดนี้ เขาก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว และก็มา “เจรจา” กับเขา!
ผู้ดูแลจ้งมองอยู่ข้าง ๆ ก็แสดงใบหน้าประหลาดใจออกมาด้วยเหมือนกัน! เด็กทั้งสองคนนี้ ทำให้คนอื่นเขาประหลาดใจก็มากเลย! คุณชายน้อยคนตรงหน้า เพียงแค่ห้าขวบ แต่กลับไม่มีความรู้สึกของเด็กเลยสักนิดเดียว ตอนที่หัวหน้าจงใจชักจูงไปนั้น นึกไม่ถึงว่าจะไม่ถูกล่อลวงเข้าไป ช่างน่าตกตะลึงมากเลยจริง ๆ ผู้ดูแลจ้งยิ่งมีความยกย่องต่อตัวถังจื่อโม่มากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ถึงขนาดที่คิดว่าเขาสามารถเป็นหัวหน้าคนถัดไปขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้เลยจริง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม
“คุยกันสักหน่อย?” ซ่างกวนหงจงใจพูดออกไป เขาพึงพอใจในเด็กคนนี้มากจริง ๆ แต่น่าเสียดาย…ถ้าถังฉิ้นเอ๋อเป็นลูกสาวของเขาจริง ๆ ก็ดีสิ
“ใช่ คุยกันสักหน่อย คุยกันแบบลูกผู้ชาย” ถังจื่อโม่รู้สึกไม่พอใจเพราะรอยยิ้มของเขาอยู่บ้าง ถึงขนาดที่คิดเลยว่าตนได้รับการดูถูกมา! เขาจะต้องรีบทวงสนามกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ได้” ซ่างกวนหงพยักหน้าออกมา นั่งลงสนิท จ้องมองตรงไปที่ถังจื่อโม่ เด็กคนนี้ นั่งตัวตรง มองเขามาอย่างเย็นชา เหมือนกับว่าจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างเลยสักนิดเดียว
“คุณชื่ออะไร เป็นใคร?” ถังจื่อโม่เกร็งไปทั้งตัว เขาไม่อาจเผยความขลาดกลัวออกมาได้เลยสักนิดเดียว ตอนนี้ เขาไม่ได้ตัวคนเดียว ยังต้องปกป้องน้องสาวด้วย ตอนนี้เขากำลังเจรจาอยู่ ถ้าแสดงความอ่อนแอออกไปก็จะเป็นการตกเป็นเบี้ยล่าง คาดว่าคงจะถูกคนตรงหน้าหัวเราะเยาะเอาได้
“ซ่างกวนหง หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้” ซ่างกวนหงตอบกลับไปอย่างจริงจัง เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจเลย แต่เขาอยากสร้างความเคารพที่เพียงพอให้กับเด็กคนตรงหน้า เขายิ่งหวังเป็นอย่างมากว่าเด็กคนตรงหน้าจะสามารถนำความหรรษามาให้เขามากขึ้น
ถังจื่อโม่เกิดความสงสัยอยู่ชั่วขณะนึง องค์กรโกสต์ซิตี้ ชื่อนี้ เหมือนจะเคยได้ยิน แต่รายละเอียดที่ว่าทำเกี่ยวกับอะไร เขานึกไม่ออกเลย แต่ไม่สำคัญ จะต้องเป็นสถานที่ที่สุดยอดมากเลยที่นึงแน่ ๆ ถังจื่อโม่ได้ปรับเปลี่ยนความคิดไปอย่างรวดเร็ว เขาพอใจมากที่คนตรงหน้าปฏิบัติต่อกันอย่างตรงไปตรงมา จึงเป็นฝ่ายพูดแนะนำตัวเองออกไปด้วยตัวเอง “ผมชื่อถังจื่อโม่ เป็นพี่ชายของถังจื่อซี”
“อืม” ซ่างกวนหงส่งสัญญาณเป็นเชิงว่าตนได้ยินแล้ว
“ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?” เดิมทีถังจื่อโม่ไม่ได้อยากจะถามอายุเขา แต่ก็อยากรู้มากจริง ๆ อีกทั้ง…เขามักจะรู้สึกว่า จื่อซีเรียกเขาว่าคุณลุงมันไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่นัก ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องอายุ มันยังมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอยู่บ้าง สรุปแล้วก็คือ รู้สึกว่าคนคนนี้อายุมากกว่าที่จินตนาการเอาไว้เยอะเลย
“ห้าสิบกว่าแล้ว” ซ่างกวนหงพูดออกมาอย่างจริงจัง เด็กคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะถามอายุของเขา มันเหนือความคาดหมายไปบ้าง มันเกิดจากอะไรเขาคิดไม่ออกเลย อายุของพรรค์นี้ อันที่จริงเขาไม่ได้ใส่ใจมันมานานแล้ว บางทีก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจจะไปคิดมาก่อนเลยด้วย จื่อซีเรียกเขาว่าคุณลุง แต่เขาเพียงพอที่จะเป็นคุณปู่ของพวกเขาเข้าไปแล้ว ถังจื่อโม่ถามมาอย่างนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถถือโอกาสแก้คำเรียกอะไรไปด้วยเลยก็ได้
ถังจื่อโม่ได้ตะลึงงันไปเลย.