ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1605 เหมือนกับคนในครอบครัวเลยไม่มีผิด
ถังจื่อโม่ได้ตะลึงงันไปเลย…
เขาเดาออกว่าคนคนนี้ไม่ได้หนุ่มขนาดนั้น แต่นึกไม่ว่าจะห่างไปมากขนาดนี้! ยิ่งไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าคนนี้จะห้าสิบกว่าปีไปแล้ว! คนตรงหน้าคนนี้ มองไปแล้วดูมีอายุแค่สามสิบกว่าปีเท่านั้น ที่เขาคาดเดาเอาไว้อย่างมากก็ไม่เกินสี่สิบปีเลยด้วย แต่ว่า…นึกไม่ถึงว่าเขาจะห้าสิบกว่าปีเข้าไปแล้ว! นี่มันไม่เพียงจะไม่แสดงอายุออกมาให้ชัดเจน แต่ที่จริงมันก็เหมือนกับว่าจะไม่ได้แก่ลงเลย! มียาอายุวัฒนะอะไรเหรอ? ถังจื่อโม่รู้สึกถูกทำให้เจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย!
“ฉันห้าสิบกว่าปีแล้วจริง ๆ ลูกสาวของฉันก็ยี่สิบกว่าปีเข้าไปแล้ว” ซ่างกวนหงเอ่ยออกมาแบบปลง ๆ พลางถือโอกาสอธิบายออกไปด้วย เขาเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของถังจื่อโม่อย่างชัดเจน เขาดูหนุ่มมาก เขารู้ดี ตอนนี้บนใบหน้าของเด็กคนหนึ่งได้มองเห็นความประหลาดใจออกมา นึกไม่ถึงว่าเขาไม่รู้เลยว่าควรจะต้องรู้สึกยังไง
เขายังมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะทำ คนที่อยากเจอ มีสิ่งที่อยากจะทำกับคนพวกนั้นอยู่มากกว่า เขาอยากจะอยู่กับภรรยา ลูกสาว อยากจะทำหลากหลายอย่างกับพวกเธอ อยากจะกินข้าว ดื่มน้ำด้วยกัน เดิน ออกกำลังกายไปด้วยกัน อยากจะไปเที่ยวด้วยกัน มีความสุขร่วมกัน เยอะมาก เยอะมากเลย! ตั้งใจคิดไปอย่างจริงจังแล้ว ชีวิตนี้ของเขานั้นมันมีสิ่งที่น่าเสียดายมากเกินไป เขาไม่อยากแก่ไป ไม่อยากจะจากไปพร้อมกับความเสียดาย และยิ่งไม่อยากแก่ไปพร้อมกับความเสียใจ! ตอนนี้ เขาเพียงแค่อยากจะเจอลูกสาวโดยเร็วที่สุด อยู่กับลูกสาวให้เต็มที่ ใช้ช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ชดเชยให้เธอ ชดเชยความลำบากที่เธอได้รับมาในช่วงยี่สิบกว่าปีมานี้!
ถังจื่อโม่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอยู่ชั่วขณะ เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าผู้ชายคนตรงหน้า——ซ่างกวนหงมีจุดประสงค์อื่นต่อจื่อซี ไม่มีใครที่ทำดีกับคนคนหนึ่งไปอย่างไม่มีเหตุผล อีกอย่างถึงขั้นที่เชื่อฟังทำพูดและปฏิบัติตามทุกอย่างเลยด้วย ถูกคนที่ไม่ได้สำคัญอะไรมาเอาใจใส่ มันก็เป็นความกดดันอย่างหนึ่งเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นการเอาใจใส่ที่เขาปฏิบัติต่อจื่อซีนั้นมันเกินขอบเขตของคนที่สนิทกันคนหนึ่งไปตั้งนานแล้ว! แต่ว่าตอนนี้ ถังจื่อโม่คิดว่าตัวเองคิดมากไปแล้ว คนที่รู้ซึ้งในอาณัติสวรรค์คนหนึ่ง กับเด็กคนหนึ่ง เด็กที่อายุเพียงแค่ห้าขวบคนหนึ่ง ไม่มีทางจะมีความคิดที่ผิดแปลกอะไรได้หรอก ควรจะเป็นความรักใคร่เอ็นดูกันมากกว่า การเอาใจใส่ที่ญาติผู้ใหญ่ปฏิต่อคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ยิ่งไปกว่านั้น ตามที่เขาว่ามา ลูกสาวคนนั้นคงจะมีลูกแล้ว เขาถึงขนาดที่เป็นไปได้เลยว่าจะเป็นคุณตาไปแล้ว ดังนั้นแล้ว ถังจื่อโม่จึงสงสัยว่า คนตรงหน้าคนนี้ถ่ายทอดความชอบที่มีต่อหลานสาวมาที่ตัวจื่อซี เขาเอาความรู้สึกที่ไม่มีที่ให้วางอันนั้นของตัวเองมอบให้กับเด็กที่ตัวเองชอบ และทั้งยังว่าง่ายรู้ความไปก่อน
หลังจากที่คิดอย่างนี้ไปแล้ว ถังจื่อโม่คิดว่าวิธีการของซ่างกวนหงสามารถเข้าใจได้ทั้งนั้น เดิมทีแล้วเขาไม่อยากจะไปให้ความสนใจกับเรื่องนี้เลย แต่เห็นซ่างกวนหงกำลังจมอยู่ในเรื่องของตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความเป็นห่วง “แล้ว…ลูกสาวของคุณล่ะครับ?” ครั้งนี้ถังจื่อโม่ได้ใช้คำว่า “คุณ” ในความคิดของเขา นี่เป็นคนชราคนหนึ่งแล้ว เขาจำเป็นต้องให้ความเคารพ
“เธอ…ฉันไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนแล้ว ฉันหาเธอไม่เจอ แต่หลายปีมานี้ ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะตามหาเธออยู่ตลอด และฉันก็จะตามหาต่อไป จนกว่าจะหาเธอเจอ!” ซ่างกวนหงอธิบายออกไปอย่างจริงจัง เขาคิดถึงลูกสาวของเขา คิดถึง คิดถึงมาก ก่อนหน้านี้เสียเวลาดื้อดึงทำเรื่องที่มันไม่เกิดประโยชน์อยู่ช่วงนึง คิดว่าถังฉิ้นเอ๋อไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง จึงไม่ไปหาเธอ ตอนนี้ลองคิดดูแล้ว รู้สึกผิดต่อเธอมากเลยจริง ๆ ในฐานะที่เป็นพ่อ เขาทอดทิ้งเธอไปได้ยังไง? ไม่ไปตามหาเธอได้ยังไง? เขาจะไม่ละอายใจต่อลูกสาวของตนได้ยังไง! ทอดทิ้งลูกสาวของตัวเองเพราะถังฉิ้นเอ๋อ สิ่งนี้มันล้วนเป็นการทำร้ายกันต่อทั้งตัวถังฉิ้นเอ๋อและลูกสาวของเขาอย่างหนึ่งด้วยกันทั้งคู่! ยังดีที่มีหนูน้อยถังจื่อซีอยู่ ยังดีที่เธอมากล่อมเขา ให้เขากลับไปคิดในประเด็นนี้ใหม่อีกครั้ง ให้เขามีความกล้าไปตามหาลูกสาวใหม่อีกครั้ง! ซ่างกวนหงรู้สึกขอบคุณถังจื่อซีมาก เขาถึงขนาดที่คิดเลยว่า ถ้าหลังจากนี้เจอลูกสาวแล้ว จะแนะนำให้ถังจื่อซีกับลูกสาวของเขาได้รู้จักกัน ในระดับใดระดับหนึ่ง จื่อซีนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของเขากับลูกสาวเลย ไม่มีจื่อซี พวกเขาไม่มีทางจะได้มารู้จักกันอีกได้เลยจริง ๆ! อีกอย่างเขาเชื่อว่าจื่อซีที่ว่าง่ายและรู้ความขนาดนี้ ลูกสาวของเขาจะต้องชอบเธอเหมือนกันอย่างแน่นอน! เขาถึงขนาดที่แอบคิดเลยว่าถ้าลูกสาวของเขามีลูก จะสามารถมาเกี่ยวดองกันกับจื่อซีไม่ก็จื่อโม่ได้ด้วย!
“อย่างนี้นี่เอง!” ถังจื่อโม่พูดเสียงเบาออกมา ยากที่จะจินตนาการมากเลย คนตรงหน้าคนนี้จะแสดงความอ่อนแอออกมา เมื่อครู่ สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปดูนิ่งขรึมสุด ๆ ไปเลย อารมณ์เองก็ได้ดิ่งลงไปครู่นึงเหมือนกัน อึดอัดใจเอามาก ๆ ถึงขนาดที่มีความรู้สึกขมขื่นที่เข้มข้นออกมาด้วย เขาแยกกับลูกสาวของเขามายี่สิบกว่าปี! ถังจื่อโม่คิด สมมุติว่าถ้าเขาแยกห่างกับพ่อแม่นานขนาดนั้น คงจะทุกข์ใจมากเลยนะ! ถ้าเป็นเขา เกรงว่าคงจะไม่ใช่แค่อารมณ์ดิ่งต่ำลงไปเท่านั้น ยังมีความสิ้นหวังด้วยล่ะมั้ง! คิดอย่างนี้แล้ว ถังจื่อโม่รู้สึกปวดหนึบที่ใจขึ้นมาเล็กน้อย ถึงขนาดที่รู้สึกสงสารคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะพูดให้กำลังใจออกไป “ไม่ต้องกังวล คุณจะต้องหาเธอเจออย่างแน่นอน”
ซ่างกวนหงได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่มีการตอบสนองออกมาอยู่ชั่วขณะ เด็กคนนี้ กำลังให้กำลังใจเขาเหรอ? ที่แท้ เขาก็เป็นเด็กใจอ่อนคนหนึ่งจริง ๆ สินะ!สีหน้าแสดงออกมาบนใบหน้าของซ่างกวนหงได้อ่อนโยนออกมาทันที มองถังจื่อโม่ไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูอยู่เต็มใบหน้า เด็กคนนี้ เหมือนกับจื่อซีเลย ต่างก็เหมือนกับเทวดานางฟ้าที่ตกลงมาสู่โลกมนุษย์ด้วยกันทั้งคู่เลย
ถังจื่อโม่พูดจบก็หน้ามุ่ยออกมา รู้สึกนึกเสียใจภายหลังขึ้นมา ทำไมเขาต้องไปให้กำลังใจเขาด้วย! เรื่องของน้องสาวยังไม่จบเลย!
“ขอบคุณ!” ซ่างกวนหงพูดออกไป ตอนนี้เขามีความสุขมากจริง ๆ จื่อซีคนนึง จื่อโม่คนนึง เด็กทั้งสองคนที่มองไปแล้วนิสัยดูไม่เหมือนกันเลย แต่ต่างก็มอบความอบอุ่นให้เขาด้วยกันทั้งคู่
ผู้ดูแลจ้งมองอยู่ข้าง ๆ ได้พยักหน้าด้วยความปลาบปลื้มใจออกมาด้วยเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าคุณชายน้อยคนนี้จะรู้ความอย่างนี้เหมือนกัน คำพูดของเขาอาจจะอบอุ่นสู้คุณหนูจื่อซีไม่ได้ แต่สำหรับหัวหน้าแล้ว เกรงว่าจะทำให้รู้สึกอบอุ่นใจมากกว่าคำพูดของจื่อซีเสียอีก เขามองออกว่าถังจื่อโม่ให้กำลังใจคนอื่นไม่บ่อยนัก สำหรับการให้กำลังใจคนที่เพิ่งจะรู้จักกันคนหนึ่งมันยิ่งเป็นสิ่งที่หายากยิ่งกว่า! เขายิ่งรู้สึกมีความสุขมากกว่า หลายปีมานี้ รอยยิ้มที่มาจากใจจริงของหัวหน้ามันน้อยมากเลย!
“คุณยังไม่พูดเลยว่าคุณเข้าหาจื่อซีเพราะอะไร!” ถังจื่อโม่พูดเสียงเย็นออกมา เขานึกย้อนกลับไปที่เรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ เรื่องที่อยากจะสืบเสาะยิ่งมากขึ้น วิเคราะห์ไปว่าจื่อซีจะได้รับอันตรายหรือเปล่า
“ฉันก็แค่ชอบจื่อซีเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าทำไม ฉันมักจะรู้สึกว่าเธอเหมือนกับญาติกันเลยไม่มีผิด!” ซ่างกวนหงเองก็ไม่ได้ยั่วเย้าถังจื่อโม่ไปเหมือนกัน พูดออกไปอย่างจริงจัง บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าความจริงที่ได้เปิดเผยไปเมื่อกี้นี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ารู้ดี ถ้ายั่วเย้าถังจื่อโม่ออกไปอีก เขาจะโกรธขึ้นมาจริง ๆ แต่ที่มากกว่านั้น คือเขาอยากให้เด็กคนนี้ปลดความระแวดระวังไป พวกเขาสามารถพูดคุย อยู่ร่วมกันอย่างจริงจังได้
ซ่างกวนหงคิดว่า ช่วงนี้เขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เปลี่ยนไปเสียจนนับวันจะเหมือนตัวเองเข้าไปเรื่อย ๆ เมื่อไหร่กันที่เขาน่าเข้าหาขนาดนี้ เมื่อไหร่กันที่เขาตั้งอกตั้งใจไปคิดถึงความคิดของคนอื่น? เหมือนจะเป็นช่วงหลังจากที่ได้รู้จักถังฉิ้นเอ๋อ เขาก็เปลี่ยนไป เขาปฏิบัติต่อเธอเป็นแบบลูกสาวของตัวเองมาโดยตลอด ที่มากไปกว่านั้นคือใช้สถานะพ่อไปด้วย แทนที่จะใช้สถานะหัวหน้าไปติดต่อพูดคุย ขบคิดปัญหากัน! หลังจากที่เจอถังจื่อซีเขาก็ยิ่งเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนกับเป็นตัวเองมากขึ้น อ่อนโยน ใจดี ตามใจ เหมือนกับคนแก่คนนึงเลย ดูแล ทะนุถนอมหลานของตัวเอง ไม่ได้แฝงไปด้วยความรู้สึกอื่นเลยสักนิดเดียว คิดคำนวณเพื่อพวกเขาอย่างสุดกำลัง ตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีความอดทนพูดคุยกับเด็กคนหนึ่งดี ๆ เป็นฝ่ายอยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับเขาไปอย่างจริงจังเอง ถึงขนาดที่เข้าไปใกล้ชิดเขา คล้อยตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว! ถ้าเมื่อก่อนมีคนพูดกับเขา ต่อจากนี้ไปจะมีวันนึงที่เป็นอย่างนี้ เขาจะไม่มีทางเชื่อเป็นอันขาด แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนกลายเป็นอย่างนี้ไปเอง แต่เหมือนกับว่าความรู้สึกมันไม่เลวเลย ความรู้สึกที่ถูกคนเอาใจใส่ไม่เลวเลย ความรู้สึกของการเอาใจใส่คนอื่นมันก็ไม่เลวเลยเหมือนกัน
ถังจื่อโม่พิจารณาความจริงเท็จของคำพูดนี้ เขารู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ยากเกินที่จะคาดเดาความคิดได้ ในทุก ๆ คำพูดและการกระทำของเขามันไม่ได้น่าเชื่อถือขนาดนั้น แต่เห็นสีหน้าของเขาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อ ถึงขนาดที่ก้นบึ้งภายในใจมันได้บอกกับตัวเองให้ไปเชื่อคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไปโดยไม่รู้ตัวเองด้วย ถังจื่อโม่บอกกับตัวเองว่าให้มันค่อยเป็นค่อยไป อย่ารีบร้อน อย่าเชื่อคนอื่นง่ายเกินไป เขาไล่ถามซักไซ้ออกไปอีกที “คุณเจอจื่อซีที่ตระกูลหยวนเหรอ?”
“ใช่” ซ่างกวนหงตอบกลับไป เขาเล่าเรื่องที่ตระกูลหยวนพอคร่าว ๆ ออกไป ทุกครั้งที่นึกย้อนกลับไป เขาจะอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเสียทุกครั้งเลย จื่อซี ฉลาดเหมือนกับเอลฟ์เลย แค่แวบตาเดียวก็มองออกถึงความโดดเดี่ยวของเขา นึกไม่ถึงว่าแค่เพราะสัญชาตญาณเพียงเท่านั้น ถ้าคนอื่นมาพูดอย่างนี้ เขาคงจะไม่เชื่อ แต่ถังจื่อซีพูดมาอย่างนี้ เขากลับเชื่อมันอย่างน่าประหลาด เขาไม่เคยสงสัยในตัวของเด็กคนนี้เลยสักนิด!
“นึกไม่ถึงว่าจื่อซีจะเป็นฝ่ายเข้าหาคุณก่อน!” ถังจื่อโม่ฟังจบก็ประหลาดใจขึ้นมา จื่อซีเขารู้จักดี เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนที่ชอบมาก เธอถึงจะเป็นฝ่ายเข้าหาเอง แต่ว่า…เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะไปเข้าหาผู้ชายคนตรงหน้าคนนี้ เขาหน้าตาดีหน่อย ดูอ่อนโยนหน่อย แต่มันยังมีอะไรอีก! ควรค่าให้จื่อซีเป็นฝ่ายเข้าหาเขาเองได้แล้ว? หรือว่าตนจะไม่รู้จักน้องสาวของตนดีงั้นเหรอ? หรือว่าคนตรงหน้าคนนี้ปิดบังอะไรเอาไว้? ถังจื่อโม่สังเกตเขาไปเงียบ ๆ ทอดถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เหมือนกับไม่มีอะไรปิดบังอยู่เลยสักนิด ความหมายของในคำพูดเมื่อกี้ก็คือจื่อซีเป็นฝ่ายเข้าหาเขาเองมันก็ทำให้เขาประหลาดใจมากแล้ว! ถังจื่อโม่คิดว่า ตนจำเป็นต้องไปคุยกับน้องสาวสักหน่อยแล้ว!