ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1612 ลองทำจริง
วันที่ 2 ตอนที่เวินลั่วฉิงตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกเหมือนร่างกายจะพังทลาย ปวดเอวปวดหลังไปหมด แต่ก็ถือว่ายังพอทนไหว ดูท่าทางเมื่อคืนเย่ซือเฉินยังพอปรานีอยู่บ้าง
เวินลั่วฉิงขยับตัวอยากจะลุกขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ มาจากด้านข้าง เธอหันหน้าไป ก็เห็นว่าเย่ซือเฉินกำลังมองมาที่เธออย่างหยอกล้อ แล้วหน้าเธอก็แดงขึ้นมาในทันที ผู้ชายคนนี้ไม่ไปทำงานหรือยังไง? รอเธออยู่งั้นเหรอ?
“นาย? ”เวินลั่วฉิงรู้สึกเหนื่อยล้า เย่ซือเฉินก็อยู่บ้าน เธอก็เลยนอนกลับลงไปบนเตียง “ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงานล่ะ? ”
“ไม่อยากไป” เย่ซือเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน เมื่อคืนนี้เขามีความสุขมากจริงๆ ความสามัคคีของร่างกายและจิตวิญญาณ มันช่างทำให้เขาถลำหรือเข้าไปเรื่อยๆ ไม่อยากจะจากไปแม้แต่นิดเดียว! ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เวินลั่วฉิงสารภาพรัก แล้วเขาจะตัดใจหากเธอได้ยังไงกันล่ะ?
เวินลั่วฉิงรู้สึกกลัดกลุ้ม ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจ แต่ว่าเธอแค่รู้สึกเหนื่อยเท่านั้นเอง เหมือนกับว่าเย่ซือเฉินดูว่าเธอคิดอะไร เขายื่นมือออกไปดึงมากอดไว้ในอ้อมแขน นวดเอวของเธอเบาๆ เพื่อคลายความเหนื่อยล้าของเธอ
“เรื่องของไป๋ยี่รุ่ย เธอจะจัดการยังไง? ” บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อวานได้กินจนอิ่มหนำสำราญ เย่ซือเฉินในวันนี้ก็เลย……อ่อนโยนเป็นพิเศษ? สีหน้าของเขาดูเรียบเฉย อ่อนโยนและก็ยิ้มแย้ม เวินลั่วฉิงจ้องมองอย่างตะลึง ผู้ชายคนนี้ ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ในสายตาของเธอ เย่ซือเฉินเป็นคนที่เอาแต่ใจและเย็นชามาโดยตลอด ความอ่อนโยนเพียงเล็กน้อยที่เขามีอยู่ก็มอบให้เธอกับลูกทั้งสองคนจนหมด และความอ่อนโยนของเขาในตอนนี้มันทำให้ผู้คนลืมไปว่าความจริงแล้วเขาเป็นยังไง จู่ๆ เวินลั่วฉิงก็รู้สึกว่า เย่ซือเฉินที่เป็นแบบนี้มันทำให้คนบ้าคลั่งได้มากกว่าอีก ถ้าเกิดว่าเขาสามารถเป็นแบบนี้ได้ตลอดก็คงจะดี เธอจะได้อยู่ภายในความอ่อนโยนเสมอ! ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะดีกับเธอมาก แต่ว่า……ใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อสุดขีดขนาดนี้!
เพราะว่าเมื่อกี้เวินลั่วฉิงถูกดึงดูดเข้าไปชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกวิงเวียนอีกหน่อย ก็เลยไม่ทันฟังคำพูดของเย่ซือเฉินเมื่อกี้นี้ เย่ซือเฉินที่รอคอยคำตอบจากเวินลั่วฉิงอยู่เห็นว่าใบหน้าของเธอดูสับสน ก็เลยลูบหัวเธอยังจนปัญญา “เมื่อกี้เธอได้ฟังที่ฉันพูดไหมเนี่ย? ”
“……”เวินลั่วฉิงรู้สึกก็เขิน ผู้ชายคนนี้นี่ ช่างน่าหงุดหงิดซะจริงๆ เลย!ทั้งๆ ที่เธอไม่ใช่คนบ้าผู้ชาย ปกติก็ไม่สนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ทำไมหลังจากที่พวกเขาคบกัน เธอถึงได้ไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆล่ะ? จนถึงขั้นที่ว่าตอนนี้เธอเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความหล่อ จนไม่สนใจเรื่องสำคัญแล้ว!
เวินลั่วฉิงประณามตัวเองในใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตอบอย่างไม่เต็มใจว่า “เมื่อกี้ฉันใจลอยนิดหน่อยนะ นายว่าไงนะ?”
ยากที่จะหาโอกาสมาหยอกล้อเวินลั่วฉิงได้ แล้วเย่ซือเฉินจะปล่อยไปได้ยังไงกันล่ะ แล้วอีกอย่างตื่นมาตอนเช้าแบบนี้ ทำไมต้องสนใจเรื่องของคนอื่นด้วย? สามีภรรยาจีบกัน รักใคร่กันซะหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ? เย่ซือเฉินตัดสินใจว่าจะยังไม่ไปยุ่งกับเรื่องของไป๋ยี่รุ่ย เขาจงใจขยับเข้าไปใกล้เวินลั่วฉิง แล้วถามว่า “ทำไมเมื่อกี้ถึงใจลอยเหรอ? ทำไมถึงไม่ได้ยินว่าฉันพูดว่าอะไรล่ะ? ”
พอเห็นสีหน้าที่ดูพึงพอใจและอยากจะเห็นเรื่องสนุกของเย่ซือเฉิน เธอก็รู้ว่าเขากำลังจูงใจ เขาต้องคิดแน่ๆ ว่าเธอใจลอยเพราะเขา แต่ถึงมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอก็ไม่มีทางยอมรับหรอก เธอจงใจชำเลืองมองเย่ซือเฉินด้วยหางตาและพูดว่า “ฉันกำลังคิดอยู่ว่าเมื่อวานคนบางคนไม่เพลงอกเกรงใจกันเลย!วันนี้จะคิดบัญชียังไงดี! แล้วอีกอย่าง ต่อไปฉันจะไม่ยอมให้นายได้บรรลุผลอย่างง่ายดายหรอก!” เพราะว่าทั้งสองคนต่างรู้ดีว่านี่เป็นการล้อเล่นกัน เวินลั่วฉิงก็เลยไม่กลัวว่าเย่ซือเฉินจะโกรธ เธอไม่สนใจเลย
เย่ซือเฉินรู้ว่าเวินลั่วฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ใช่แค่ไม่โกรธ แถมยังจงใจคล้อยตามเธออีก “เมื่อวาน ถือว่าฉันปรานีแล้วนะ ไม่อย่างนั้นวันนี้เธอตื่นขึ้นมาได้เหรอ? ถ้าเกิดว่าไม่เชื่อ เราทำต่อกันไหมล่ะ?”
เวินลั่วฉิงเหมือนโดนฟ้าผ่า! นี่เธอขุดหลุมให้ตัวเองนั้นเหรอ? แล้วอีกอย่าง ผู้ชายคนนี้ไม่เหนื่อยหรือยังไง? นี่มันก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไม่ใช่เหรอ? เวินลั่วฉิงมองไปที่เย่ซือเฉินด้วยความสงสัย “นายยังมีแรงอยู่อีกเหรอ? ”
เย่ซือเฉินสีหน้ามืดมนลงในทันที คนที่ตัวเองชอบใช้สีหน้าที่สงสัยและพูดในสิ่งที่คลุมเครือออกมาอย่างตรงไปตรงมา แล้วจะให้เขาทำยังไงได้? อยากจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัวจริงๆ เลย!
“ไม่อย่างนั้นพวกเราลองทำจริงดูไหมล่ะ? ”เย่ซือเฉินพูดด้วยสีหน้าที่มืดมน อย่างมากก็แค่ไม่ต้องไปทำงานวันนี้เท่านั้นเอง!
เวินลั่วฉิงรีบพูดออกมาในทันที “ไม่ต้อง ฉันเชื่อแล้ว!” เธอกลัวว่าเย่ซือเฉินจะเอาแต่ตัวพันอยู่กับปัญหานี้ไม่หยุด ก็เลยชิงพูดก่อนว่า “ฉันเริ่มหิวแล้ว”
เย่ซือเฉินกลอกตาใส่เธอ ผู้หญิงคนนี้วางแผนอะไรอยู่เขามองแค่แป๊บเดียวก็รู้แล้ว ไม่คิดเลยว่า ถ้าเขาจะไม่ปล่อยเธอไปจริงๆ ตอนนี้เธอจะยังได้นอนอยู่บนเตียงอย่างสงบงั้นเหรอ? เย่ซือเฉินใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วก็ลงไปเอาข้าวขึ้นมาเสิร์ฟให้เธอ “ฉันเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว กินข้าวก่อนแล้วค่อยพักผ่อน มีธุระแล้วค่อยจัดการตอนเย็น”
“โอเค”เวินลั่วฉิงสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของผู้ชายคนนี้ และก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เช้านี้อาหารค่อนข้างอ่อน และรสชาติก็ดีมาก เธอชอบมากเลย
“เรื่องของไป๋ยี่รุ่ย เธอคิดหรือยังว่าจะจัดการยังไง?”เย่ซือเฉินนั่งอยู่ข้างๆ มองดูเวินลั่วฉิงกินข้าวคำเล็กๆ หัวใจของเขาก็รู้สึกสงบสุข
“เรื่องของเขาได้ถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังดูอยู่ว่าสามารถสู้เพื่อลดโทษได้ไหม”เวินลั่วฉิงรู้สึกถูกใจเล็กน้อย ไป๋ยี่รุ่ยเป็นคนยังไงเธอย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องนี้ อนาคตเขาจะมีชีวิตที่ดี เวินลั่วฉิงคิดแล้วก็รู้สึกผิด ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าตัวเธอเอง ไป๋ยี่รุ่ยก็คงจะไม่ฆ่าไป๋หยิงอย่างใจร้อน และเรื่องราวก็คงจะไม่มาถึงขั้นนี้ ในอินเทอร์เน็ตมีข่าวลือมากมาย และไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่มีโอกาสได้ออกมาอธิบายเลย ประเด็นสำคัญคือเขาไม่อยากจะพูด และมันก็ไม่ค่อยเหมาะสมถ้าเธอจะไปตัดสินใจทำอะไรที่ไม่คิดให้ดีก่อน ตอนนี้ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้มีความปรารถนาที่จะอยู่รอด พี่ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ เวินลั่วฉิงกำลังคิดว่า ต้องทำยังไงให้ไป๋ยี่รุ่ยยอมขอลดโทษให้ตัวเอง? ”
“อยากให้ฉันช่วยไหม? ”เย่ซือเฉินพูด หลังจากที่เวินลั่วฉิงสารภาพรักกับเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกเป็นศัตรูต่อไป๋ยี่รุ่ยอีกต่อไป เขารู้จักเวินลั่วฉิงดี ผู้หญิงคนนี้ ถ้าเกิดว่าเธอไม่ยินยอม ต่อให้เขาไปฆ่าเธอ เธอก็ไม่มีทางทำในเรื่องที่เธอไม่ต้องการ ถ้าเกิดว่าเธอพูดเรื่องอะไรออกมา แสดงว่ามันเป็นความคิดที่ออกมาจากใจของเธอ เธอไม่ยอมให้ตัวเองต้องขัดข้องใจหรอก!เวินลั่วฉิงบอกว่ารักเขา งั้นก็แสดงว่าเธอรักเขาจริงๆ ส่วนคนอื่นนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ และยิ่งไม่ต้องไปเก็บมาใส่ใจด้วยซ้ำ
“ช่วยยังไงล่ะ? หรือว่าจะไปหาคนมาแทนงั้นเหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเราจะไม่มีวันทำแบบนั้นนะ ตอนนี้เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้แล้ว ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก” เวินลั่วฉิงวิเคราะห์อย่างใจเย็น ไม่ว่าจะยังไง เรื่องการฆาตกรรมมันก็ไม่สามารถลบล้างกันได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นไป๋ยี่รุ่ยหรือว่าใครก็ตาม เธอก็ทำได้แค่เกลี้ยกล่อมให้พวกเขายอมมอบตัว สิ่งที่เธอสามารถทำได้ ก็มีเพียงแค่การเสนอความช่วยเหลือ ทำให้พวกเขาสามารถลดโทษได้ หรือไม่ก็ทำให้ญาติและผองเพื่อนของพวกเขามีชีวิตที่ดีหน่อย
เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่ว่าไม่มีที่ว่างสำหรับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องแบบนี้ เพียงว่าเขาไม่สามารถแตะจุดสำคัญบางอย่างได้ และเขาไม่ต้องการแตะต้องมัน เรื่องนี้เขาจะให้คนไปช่วยสืบ การลงโทษนั้นมันเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ก็ต้องดูว่าไป๋ยี่รุ่ยคิดยังไง แล้วจะทำยังไง ส่วนเรื่องในอินเทอร์เน็ตนั้น พูดตามตรง มันไม่ได้มีความหมายอะไร ความคิดเห็นของประชาชน มันสามารถถูกชี้นำได้อยู่แล้ว
“ตอนนี้เขาไม่มีความมุ่งมั่นในการต่อสู้ และไม่มีความปรารถนาที่จะมีชีวิตต่อด้วย ต้องทำยังไงดีล่ะ? ”เวินลั่วฉิงถาม นี่ต่างหากเป็นเรื่องที่เธอเป็นห่วงมากที่สุด ความช่วยเหลือจากพวกเขา มันสามารถช่วยได้ก็ต่อเมื่อคนคนนั้นต้องการที่จะถูกช่วยเท่านั้น ถ้าเกิดว่าเขาอยากตาย ต่อให้เป็นที่พระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยได้หรอก และยิ่งไปกว่านั้น มันจะยังมีความจำเป็นอะไรให้ต้องช่วยอีกละ?
“เขามีอะไรที่ตัวเองแคร์บ้าง? เช่นคนหรือว่าเรื่องราวอะไร”เย่ซือเฉินพูด ถ้าเกิดว่ามีความอาลัยอาวรณ์ก็สามารถทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อได้ เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนที่ไม่มีความปรารถนาอะไรเลย คนที่ฆ่าตัวตายพวกนั้น พวกเขามักจมอยู่กับฟางเส้นสุดท้าย พวกเขาบางคนอาจจะรอดได้ด้วยประโยคเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น ขอแค่พวกเขายังคงมีความหวังอยู่ เพียงแค่นิดเดียวก็ยังดี
“บริษัทเหรอ? เขาก็ไม่แคร์แล้ว คนงั้นเหรอ? ถ้าเกิดว่าจะมีคนที่เขาแคร์ ก็มีแค่ฉันนี้แหละ” เวินลั่วฉิงมองไปที่เย่ซือเฉิน อยากเห็นว่าเขามีท่าทียังไง ไม่ใช่ว่าเธอหลงตัวเอง แต่ว่าการเตรียมการครั้งสุดท้ายของไป๋ยี่รุ่ย ก็เหมือนกับว่าจะพุ่งเป้าหมายมาที่เธอคนเดียว เพราะว่าหวังดีกับเธอทั้งนั้น ถ้าเกิดจะมีคนที่ไป๋ยี่รุ่ยไม่อยากจะปล่อยมือ ก็มีแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะความชอบหรือความรู้สึกผิด ไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่สามารถปล่อยเธอไปได้
เย่ซือเฉินสีหน้าเย็นชาลงในทันที หึ! เธอนี่ช่างกล้าพูดจริงๆ เลย! กล้าพูดต่อหน้าผู้ชายของตัวเอง ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้ชายอีกคนหนึ่งคือเธอ!เห็นว่าเขาเป็นของตายหรือยังไง!แต่เย่ซือเฉินก็จำเป็นต้องยอมรับว่า ไป๋ยี่รุ่ยรักเวินลั่วฉิงจริงๆ ในหัวใจของไป๋ยี่รุ่ย เด็กผู้หญิงที่เติบโตมาพร้อมกับเขา เหมือนกับว่าจะได้ครอบครองหัวใจของเขาไปทั้งหมด เย่ซือเฉินไม่อยากยอมรับว่าหึง ทั้งสองคนเป็นคู่รักในวัยเด็ก พวกเขามีความทรงจำด้วยกันมากมาย มันคือสิ่งที่เขาไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย!
เวินลั่วฉิงส่ายหน้า เย่ซือเฉินคนนี้เนี่ย ช่างหึงได้ง่ายจริงๆ เลย! ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเวินลั่วฉิงก็เข้าใจดี ถ้าเกิดไม่หึงก็คงจะไม่ใช่เย่ซือเฉิน!ผู้ชายคนนี้ใจแคบมาก หัวใจของเธอสามารถมีเขาได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่านี่มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่ว่าก็ต้องการการเอาใจใส่ตลอด แล้วถ้าเกิดว่าวันไหนมันสูญเสียการควบคุมไปจะทำยังไง? เวินลั่วฉิงได้แต่คิด แล้วก็ประคองใบหน้าของเย่ซือเฉินขึ้นมา