ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1614 หนูไม่อยากกลับไป
เวินลั่วฉิงคิด เด็กทั้งสองคน ไปอยู่บ้านคนอื่นนานๆ มันจะเหมาะสมที่ไหนกัน? เธอได้แต่ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร…
ทันใดนั้นก็มีอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในกล้อง เดินเข้ามาจากไกลๆ เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วในทันที เขาคือผู้ชายวัยกลางคน ท่าทางดูสุภาพและมีมารยาท เดาอายุไม่ออก แต่ว่ารู้สึกสนิทสนม อบอุ่น เวินลั่วฉิงรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมตัวเองถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้? เธอพยายามบังคับให้ตัวเองลืมมันไป แล้วก็พยายามสังเกตในกล้อง ในมือของผู้ชายคนนั้นถือของมา เพราะว่าอยู่ไกลก็เลยมองไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก เขาเดินตรงเข้ามาหาถังจื่อซี เวินลั่วฉิงก็เอ่ยปากเตือนก่อน “จื่อซี มีคนมาด้านหลังน่ะ”
ถังจื่อซีหันหน้าไป ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที พร้อมกับกระโดดเข้าไป “คุณปู่!”
เวินลั่วฉิงเข้าใจในทันที ดูท่าทางผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่ถังจื่อซีไปเยี่ยม เธอได้ยินสิ่งที่ถังจื่อซีเรียก ก็อดไม่ได้ที่อยากจะเอ่ยปากแก้ไข ผู้ชายคนนี้ดูท่าทางยังหนุ่มอยู่ จะไปเรียกปู่ได้ยังไง! แต่พอนึกถึงสิ่งที่ถังจื่อซีอธิบาย เวินลั่วฉิงก็จำเป็นต้องยอมรับว่า ผู้ชายคนนี้ เจอกันครั้งแรกยังดูอายุไม่ออก แต่ไม่ควรจะไปเรียกเขาว่าลุงเลย อย่างมากก็พี่ชาย……ผ่านทางหน้าจอ ผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนที่นุ่มนวล ไม่มีความเหี้ยมโหดในตัวของเขาเลย เขาเหมือนคนที่โกรธไม่เป็น เรื่องอะไรก็ยอมคล้อยตามคนอื่น เวินลั่วฉิงส่ายหน้า ทำไมถึงได้เชื่อคนคนหนึ่งง่ายแบบนี้เนี่ย?
“สิ่งที่จื่อซีอยากได้ ปู่ซื้อกลับมาให้แล้วนะ จะกินตอนนี้เลยไหม? ” ซ่างกวนหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้มาในที่ที่คึกคักแบบนี้มานานมากแล้ว เขาชอบความสงบ ชอบอยู่คนเดียว แต่เพื่อที่จะได้อยู่กับเด็กน้อยทั้งสองคน ที่ไหนเขาก็ยอมไปทั้งนั้น ราวกับว่าเขาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อพวกเขา
“ยังไม่กินค่ะ”ถังจื่อซีตอบเสียงแจ๋ว แล้วเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับอวดซ่างกวนหง “คุณปู่ หม่ามี๊หนูโทรมาค่ะ! คุณปู่มาเร็ว เดี๋ยวหนูจะแนะนำหม่ามี๊ให้รู้จัก!”
มือของซ่างกวนหงชะงักไปในทันที หม่ามี๊ของเธอ——ถังฉิ้นเอ๋อเหรอ?ซ่างกวนหงยังไม่ทันได้เตรียมตัวที่จะได้เจอกับถังฉิ้นเอ๋อเลย ในความคิดของเขา ถ้าเกิดว่ายังพิสูจน์ไม่ได้จริงๆ ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์แบบพ่อลูกกัน เขาก็จะไม่ไปหาถังฉิ้นเอ๋อก่อน แต่จู่ๆ ตอนนี้จะได้คุยกันผ่านทางวิดีโอคอล เขาก็อยากจะปฏิเสธ แต่ว่าถังจื่อซีได้แนะนำอย่างมีความสุขก่อน “หม่ามี๊ นี่คือคุณปู่ซ่างกวนค่ะ หนูมาหาเขาเนี่ยแหละ! คุณปู่ซ่างกวนดีกับพวกเรามากเลย เขาอ่อนโยนมาก แล้วก็ตามใจจื่อซีทุกอย่าง แถมยังเล่นกับพี่ชายด้วย สอนเรื่องอื่นๆ ให้พี่ชายอีกต่างหาก! พี่ก็ชอบคุณปู่มากเหมือนกัน!แถมวันนี้คุณปู่ยังหาเวลาเพื่อพาเรามาที่สนามเด็กเล่นอีก!หนูกับพี่ชายดีใจมากเลย”
ถังจื่อซีพูดจาเจื้อยแจ้ว เวินลั่วฉิงตั้งใจฟังมาก แต่ว่าภายในคำพูดนั้นมีแต่พูดถึงการที่คนคนนั้นชอบจื่อซีกับจื่อโม่ แถมยังดีกับพวกเขามาก ตามใจพวกเขา เวินลั่วฉิงอยากจะขัดจังหวะจริงๆ ลูกของเธอ ทำไมถึงได้ถูกซื้อได้ง่ายขนาดนี้กัน?
หลังจากที่ถังจื่อซีแนะนำซ่างกวนหงให้เวินลั่วฉิงฟังแล้ว ก็ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าซ่างกวนหง แล้วก็ยิ้มอย่างเอาใจ “คุณปู่ นี่คือแม่ของหนูค่ะ! เธอชื่อว่าเวินลั่วฉิง ตอนนี้ก็มีอีกชื่อหนึ่งคือถังฉิ้นเอ๋อ แม่ของหนูหน้าตาดีมากเลยใช่ไหมล่ะคะ!”
ถ้าเกิดว่าถังจื่อซีมีหาง ก็คงจะชี้จนไปถึงท้องฟ้าแล้ว ซ่างกวนหงจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่ยิ้มแย้มเบิกบานบนหน้าจอตาไม่กะพริบ เธอสวยมากจริงๆ ขนาดไม่ได้เห็นเองต่อหน้าจริงๆ แค่ผ่านทางหน้าจอเท่านั้น ความสวยของเธอก็ไม่ได้ลดลงเลย ผู้หญิงคนนี้ เหมือนแม่ของเธอจริงๆ ถ้าเกิดว่า……ถ้าเกิดว่าเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ คงจะดี……
เดิมเวินลั่วฉิงก็ยิ้มและมองผู้ชายที่อยู่ในหน้าจอ แต่พอเห็นว่าเขาไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย ได้แต่จ้องหน้าจอและตะลึงไปแบบนั้น เหมือนตกอยู่ในเรื่องของตัวเอง ก็ทำให้เวินลั่วฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และเมื่อกี้ที่เธอทักทายไป ก็เหมือนกับว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้ยินเลย เวินลั่วฉิงตัดสินใจจะรออย่างอดทน รอให้เขาสงบลงเมื่อไหร่แล้วค่อยคุยกันอีกที
ถังจื่อซีสังเกตเห็นความผิดปกติของซ่างกวนหง เธอจับมือของเขาและส่ายไปส่ายมา แล้วก็เรียกอย่างเขินอายว่า “คุณปู่ เป็นอะไรไปคะ? ไม่ชอบแม่ของหนูเหรอคะ? ”
ความคิดของซ่างกวนหงถูกเสียงของถังจื่อซีขัดจังหวะ เขารีบทำใจให้สงบ เมื่อกี้นี้ เขาได้จุมอยู่กับอารมณ์ของตัวเองอีกแล้ว เขายื่นมือไปลูบหัวของถังจื่อซีเบาๆ แล้วก็ปลอบใจเธอก่อนว่า “เปล่า เมื่อกี้ปู่คิดเรื่องอื่นอยู่น่ะ”
ซ่างกวนหงรับโทรศัพท์มา แล้วก็ยิ้มอย่างขอโทษให้เวินลั่วฉิง “ขอโทษทีครับ เมื่อกี้ผมใจลอยไปหน่อย”
เวินลั่วฉิงยิ้มกลับให้เขา “ไม่เป็นไรค่ะ สองสามวันนี้ จื่อซีกับจื่อโม่คงรบกวนคุณน่าดูเลย”
ซ่างกวนหงมองการแสดงออกทางสีหน้าของเวินลั่วฉิงด้วยความโลภ นี่ไม่ใช่รูปภาพ แต่ว่าเป็นคนตัวจริงถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การพูดคุยกันตัวเป็นๆ แต่เป็นแค่การคุยกันผ่านทางหน้าจอ มันก็ดูเหมือนความจริงมากแล้ว ต้องยอมรับว่า ถังฉิ้นเอ๋อทำให้เขารู้สึกสนิทสนม ภายในก้นบึ้งของหัวใจเขามีเสียงเอ่ยบอกเขาว่า ถังฉิ้นเอ๋อเป็นลูกสาวของเขา ใช่เธอจริงๆ!แต่ว่ารายงานนั้น มันตัดความหวังพวกนั้นของเขาออกไป ซ่างกวนหงแอบถอนหายใจอยู่ภายในใจ แล้วก็พูดออกมาอย่างช้าๆ พยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้เสียงของเขาได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของเขาในตอนนี้ : “จื่อซีกับจื่อโม่ไม่ได้รบกวนผมเลย ผมชอบพวกเขามากเลยซะด้วยซ้ำ เหมือนกับหลานชายกับหลานสาวของผมเลย พวกเขามอบความสุขให้ผมมากมาย ถึงแม้ว่าจะได้อยู่ด้วยกันแค่วันสองวัน แต่ว่าผมกลับไม่อยากให้พวกเขากลับเลย!คุณวางใจได้เลย พวกเขาอยู่ที่นี่ปลอดภัยมาก ผมจะดูแลพวกเขาให้ดี”
“ขอบคุณมากนะคะรุ่นพี่”พอเห็นใบหน้าของเขา เวินลั่วฉิงก็เรียกเขาว่าลุงไม่ลงจริงๆ แต่ถ้าเรียกว่าพี่ใหญ่ก็ทำให้ลำดับอาวุโสวุ่นวาย ก็เลยเรียกว่ารุ่นพี่อย่างไม่ชัดเจนไปก่อนแล้วกัน “ฉันว่าจะไปรับเด็กทั้งสองคนวันมะรืน ได้ไหมคะ? ”
คำพูดของซ่างกวนหงเมื่อกี้นี้ส่งผลกระทบต่อเวินลั่วฉิง ตอนแรกเธอวางแผนจะไปรับลูกทั้งสองคนวันพรุ่งนี้ แต่ว่าพอเห็นสีหน้าที่โศกเศร้าและอ่อนโยนของเขาแล้ว ก็เลยไม่กล้าพูดระยะเวลาที่กระชั้นชิดเกินไป ยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อให้เด็กทั้งสองคนได้อยู่นานขึ้นหนึ่งวัน
ซ่างกวนหงไม่คิดว่ามันจะกะทันหันขนาดนี้ มันมะรืน มันจะเร็วไปหน่อยรึเปล่า เด็กทั้งสองคนนี้ยังมาที่นี่ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย เขายังไม่อยากให้กลับเลยจริงๆ
เวินลั่วฉิงไม่คิดว่าซ่างกวนหงจะชอบจื่อซีกับจื่อโม่ขนาดนั้น สีหน้าของเขาแสดงความไม่อยากจากและความอาลัยอาวรณ์อย่างไม่ปิดบัง และสีหน้าที่ใจสั่นของผู้ชาย ทำให้เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เหมือนกับว่าการที่ให้จื่อซีกับจื่อโม่กลับมา เป็นเรื่องที่โหดร้ายมากจริงๆ
ถังจื่อซีก็ได้ยินประโยคนี้เหมือนกัน อารมณ์ของเธอก็ดำดิ่งลงในทันที เธอไม่อยากกลับ ไม่อยากจะแยกจากคุณปู่ เธอดึงเสื้อของซ่างกวนหง เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “คุณปู่ เอาโทรศัพท์ให้หนูหน่อยค่ะ หนูจะลองช่วงชิงกับหม่ามี๊หน่อย”
ซ่างกวนหงยื่นโทรศัพท์กลับไป ถังจื่อซีรับโทรศัพท์กลับมาแล้วมุมปากก็เริ่มเบะ เธออยากจะร้องไห้ออกมา แต่ว่าก็พยายามควบคุมไว้ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดกับเวินลั่วฉิงว่า “แม่คะ หนูชอบคุณปู่มากจริงๆ ให้หนูอยู่นานกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ”
“ลูกไปอยู่ที่นั่นสามวันแล้ว รบกวนคุณปู่มานานแล้วนะ”เวินลั่วฉิงประหลาดใจกับความอาลัยอาวรณ์ของถังจื่อซี ถังจื่อซีเป็นเด็กที่รู้เรื่องรู้ราวมาโดยตลอด ไปบ้านคนอื่นก็ไปแบบแขก ไม่เคยอยู่นานเลย แต่ว่านี่ไปสามวันแล้วยังไม่ยอมกลับมา แสดงว่าต้องชอบแค่ไหนกัน
“แต่ว่า หนูไม่อยากแยกจากคุณปู่จริงๆนี่ หม่ามี๊ยังมีพ่ออยู่ด้วย แต่ว่าคุณปู่อยู่ตัวคนเดียว สองสามวันนี้ที่หนูกับพี่ชายอยู่ได้ คุณปู่ถึงได้ยิ้มเยอะขึ้น ถ้าเกิดว่าหนูกับพี่กลับไปแล้ว คุณปู่ต้องเสียใจมากแน่เลย”ถังจื่อซีพูดอย่างจริงจัง เธอไม่ใช่ว่าจะไม่กลับ แค่อยากอยู่ให้นานขึ้นเท่านั้นเอง ทำให้คุณปู่ได้มีความสุขสักสองสามวัน ถ้าเกิดว่ากลับแล้ว คุณปู่จะได้มีความทรงจำมากขึ้น พอนึกถึงเมื่อไหร่จะได้ไม่เศร้าใจมาก
ซ่างกวนหงรู้สึกปวดใจเพราะคำพูดของถังจื่อซี เด็กคนนี้ ที่แท้ก็คิดเพื่อเขาแบบนี้นี่เอง ที่เธออยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นเลย แต่แค่เพราะว่าไม่อยากให้เขาเสียใจ จื่อซีละเอียดอ่อนมากเลยนะ
เวินลั่วฉิงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอคิดว่าซ่างกวนหงอยู่ข้างๆ ถ้าเกิดว่าพูดอะไรแรงไป กลัวว่าจะส่งผลต่อความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับจื่อซีและจื่อโม่ ก็เลยเม้มปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถังจื่อซีเห็นว่าเวินลั่วฉิงกำลังคิดอยู่ ก็ชิงพูดก่อนว่า “แม่คะ หนูจะไปหาพี่ชาน ดูว่าพี่ชายอยากอยู่ต่อไหม ถ้าเกิดว่าพี่อยากอยู่ต่อ แม่ต้องให้พวกเราอยู่นานขึ้นอีกหน่อยโอเคไหมคะ”
เวินลั่วฉิงคิดว่านี่ก็เป็นการประนีประนอมที่ดี และเธอก็กำลังอยากรู้ว่าลูกชายของตัวเองคิดอะไรอยู่พอดี ก็เลยพยักหน้า “ถ้ายังงั้นลูกเอาโทรศัพท์ให้พี่ชายหน่อย”
ถังจื่อซีวิ่งเหยาะๆ เข้าไป ถังจื่อโม่นั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียว จัดการเรื่องของตัวเองอยู่ ตอนที่เขาออกมาในวันนี้ก็รู้สึกดีใจ ความคิดของเขาก็ว่องไวขึ้นด้วย เขาเห็นถังจื่อซีถือโทรศัพท์และวิ่งเข้ามา ก็มองเธออย่างไม่เข้าใจ ถังจื่อซีทำปากมุ่ย “พี่พูดกับหม่ามี๊หน่อย ให้พวกเราได้อยู่กับคุณปู่นานขึ้นอีกหน่อยได้ไหม? ไม่ยังงั้นหม่ามี๊จะมารับพวกเราวันมะรืนแล้ว”
ถังจื่อโม่คิดว่าพวกเขามาหลายวันแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะกลับได้แล้ว อยู่บ้านคนอื่นนานๆ ไม่ดีหรอก แล้วยิ่งไปกว่านั้น ที่เขามาที่นี่ในครั้งนี้ เป้าหมายก็คืออยากรู้ตัวตนของซ่างกวนหง และก็เป้าหมายที่เขาเข้าใกล้จื่อซี ตอนนี้เขาก็ได้ทำในสิ่งที่อยากทำเรียบร้อยหมดแล้ว ควรจะกลับได้แล้ว ต่อไปถ้าเกิดว่าจื่อซีอยากจะมาอีก ก็สามารถมาได้ มันก็ไม่ได้ไกลอะไร มาคนเดียวไม่ได้ เขากำลังจะตกลง ก็เลยรับโทรศัพท์มา……