ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1631 ลองชุด
มู่เฉิงพาถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ไปเช็คกล้องวงจรปิด ได้เห็นชัดเจนว่าถังไป๋เชียนกับผู้ชายคนนึงทยอยกันออกมาจากห้องๆนึง เห็นชัดว่าได้ปรึกษาหารืออะไรกัน ถังจื่อโม่หยิบมือถือออกมาส่งข้อความให้เวินลั่วฉิง แล้วพูดกับมู่เฉิงว่า โอเคแล้วครับ ผมแค่แน่ใจว่าเป็นเขาก็พอแล้ว
มู่เฉิงพยักหน้า จากนั้นได้พาถังจื่อซีกับถังจื่อโม่จากไป และถือโอกาสบอกหน้าเคาน์เตอร์กับฝ่ายบริหารว่าต่อไปถ้าถังจื่อซีกับถังจื่อโม่มาก็จัดเตรียมห้องที่ดีให้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างฟรี
ถังจื่อโม่อยากจะปฏิเสธ แต่ถังจื่อซีกลับได้กล่าวขอบคุณด้วยความดีใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!ถังจื่อโม่แปลกใจ ทำไมรู้สึกว่าถังจื่อซีสนิทสนมกับมู่เฉิงขึ้นเยอะเลย?เขาเองก็ไม่รู้ควรจะเปิดปากถามยังไง ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้คอยตามติดเขาตลอด
เวลาสี่โมงเย็น มู่เฉิงได้พาพวกเขาไปยังร้านที่ว่า ตลอดทางที่ขับรถมา ได้วนถนนสองเส้น ได้ออกจากตัวเมือง ด้านซ้ายมีแม่น้ำสายเล็กสายนึง น้ำใสมาก ด้านบนมีศาลาเรียงกันอยู่หลายศาลา ในศาลามีคนอยู่ประปราย ดูจากสายตาของถังจื่อโม่แล้ว ที่นี่เหมาะกับการผ่อนคลายดี แต่ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่ได้ดึงดูดคนมาก ทุกคนไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติ
ขับไปด้านหน้าอีกคือถนนที่เงียบเหงาเส้นนึง ร้านค้าเล็กๆเรียงกันเป็นแถว ล้วนเป็นยี่ห้อที่คนมากมายไม่รู้
ถังจื่อโม่พอเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนบนถนนเส้นนี้แค่ใช้มือข้างเดียวนับก็สามารถนับจนถ้วนแล้ว แต่แล้วรถที่อยู่หน้าร้านคันนึงเท่ห์กว่าคันนึง ลิงคอล์น โกคาร์ท เฟอรารี่ ซีเบล บูกัตตี……ไม่ใช่รถหรูที่เวอร์ชั่นเพิ่มความยาวก็คือรถซิ่ง ถังจื่อโม่มองดูด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ผู้ชายส่วนใหญ่ล้วนเซนซิทีฟกับรถมาก แวบแรกเขาก็เห็นบูกัตตีที่อยู่ในนั้นเลย ทันใดนั้นดวงตาได้เปล่งประกาย
มู่เฉิงพาถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่ในสถานที่ เงียบเหงา แห่งนี้ สุดท้ายได้จอดลงที่หน้าร้านค้าร้านนึง
ถังจื่อโม่พยักหน้า เห็นร้านชื่อ ร้านเยว่จือซิงซิง เขาไม่รู้ว่าชื่อนี้มีความแอบแอบแฝงว่าอะไร แต่ไม่อำพรางความตกละลึงในขณะที่สายตาเหลือบมองผ่านเลย ร้านค้าแบ่งแยกเป็นสองส่วน ด้านนึงมีเสื้อผ้าผู้ชายเรียงอยู่ยี่สิบแบบ ยังมีรองเท้า หมวก แว่นตา แม้กระทั่งกระดุมข้อมือ เข็มขัดและอื่นๆ มีครบครันทุกอย่าง อีกด้านนึงก็พอๆกัน แต่สีสันสวยงามกว่าเยอะ
เจ้าของร้านเป็นหญิงสาวที่ดูแล้วเรียบร้อยมาก ผมถักเปียสองข้างทิ้งตัวอยู่หน้าทรวงอก มัดด้วยริบบิ้นโบว์อันนึง บนตัวใส่กระโปรงยาวสีครีมที่เรียบมาก ดูไม่ออกว่ายี่ห้ออะไร แต่เป็นงานแฮนด์เมด การตัดเย็บดีมาก ช่วงเอวของหญิงสาวเพิ่มความเป็นจีบๆเล็กน้อย ก็ได้โชว์บุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมา
มู่เฉิงพึงพอใจมาก เจ้าของร้านอย่างนี้ เสื้อผ้าเครื่องประดับของในร้านจะต้องมีเอกลักษณ์แน่นอน
มู่เฉิงรู้สึกหญิงสาวคนนี้เหมือนทำเกี่ยวกับศิลปะ บนตัวมีกลิ่นไอของความเป็นศิลปินแรงมาก
มู่เฉิงได้ทักทายกับหญิงสาว หญิงสาวมองดูแวบนึงแล้วตะลึงอย่างไม่ปกปิดเลย จากนั้นก็ได้เห็นถังจื่อโม่กับถังจื่อซี ชื่มชมรัวๆอย่างตื่นตะลึงครอบครัวนี้หน้าตาดีจังเลย!แค่ดูก็ยังชื่นตาชื่นใจเลย
ทั้งสามท่านเลือกเองเลยค่ะ ถึงเวลามาจ่ายตังค์ที่นี่โดยตรงก็พอค่ะ 叶韵ดึงสติกลับมาแล้วพูดกับมู่เฉิง คนที่มาใช้บริการที่นี่ได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นตัวท๊อปของแต่ละเขตแดน เธอวางใจมาโดยตลอด อีกอย่างคนที่อยู่เบื้องหลังร้านค้าร้านนี้มีอิทธิพลใหญ่โตมาก ไม่มีคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือหรอก 叶韵สบายใจมาก
มู่เฉิงพาถังจื่อโม่กับถังจื่อซีเข้าไป ถามเด็กทั้งสองว่าจะเลือกด้วยกันหรือแยกย้ายกันเลือก เด็กทั้งสองต่างก็ตัดสินใจที่จะเลือกด้วยกัน ดังนั้นจึงได้ไปที่ด้านขวาก่อน
พอเข้ามาก็เจอกับหญิงสาวที่ใส่แว่นสีดำอันใหญ่ไว้ ว่นตาอันใหญ่แทบจะบดบังทั้งใบหน้าของเธอไว้หมด สายตาของหญิงสาวถูกถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ดึงดูดอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายได้หล่นอยู่ที่บนตัวถังจื่อซี
มู่เฉิงบังเด็กทั้งสองไว้ที่ด้านหลังด้วยจิตใต้สำนึก พร้อมกับมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
หญิงสาวเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นการต่อต้านของมู่เฉิง เธอได้ถามว่า: พวกคุณมาเลือกเสื้อผ้ากันเหรอคะ?
เสียงของผู้หญิงเย็นชามาก เหมือนน้ำแร่หยดลงมาส่งเสียงติ๋งๆ เสียงใสและเย็นชา แต่หางเสียงดันสูง แฝงด้วยความอ่อนช้อยหลายส่วน
น้อยมากที่มู่เฉิงจะได้ยินเสียงที่มีเอกลักษณ์อย่างนี้ ไพเราะ และยิ่งมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว เขาได้เหลือบมองหญิงสาวไปหลายทีโดยที่ไม่รู้ตัว
ถังจื่อซีใจกล้ามาก อีกอย่างเธอเซนซิทีฟกับสายตาที่คนอื่นมองเธอมาก แววตาของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แฝงด้วยเจตนาที่ไม่ดี
มู่เฉิงมองเธออย่างสงบจิตสงบใจ การแต่งตัวของหญิงสาวมองแล้วสวยสะดุดตา ผมลอนสีบรอนซ์ เดรสยาวพิมพ์ลายสีสัน ด้านล่างห้อยพู่เอาไว้ ช่วงเอวรัดเข็มขัดสีเดียวกับสีผมเอาไว้ ด้านล่างห้อยเพชรสีม่วงไว้เม็ดนึง ด้านบนใส่สร้อยยาวไว้ ต่างหูขนนก อกเป็นอกเอวเป็นเอว ตัวสูงหุ่นเพรียว เด็ดเดี่ยวแต่สวยสะพรั่ง
น้อยมากที่มู่เฉิงจะเห็นการแต่งตัวที่ทำให้เป็นจุดสนใจอย่างนี้ เขาคอยสืบหาสถานะของเธอ
ฉันชื่อหลินฉือค่ะ เป็นเพื่อนของเจ้าของร้านๆนี้ ฉันชอบเด็กผู้หญิงคนนี้มาก ให้ฉันเข้าชุดให้เธอมั้ยคะ? หญิงสาวแนะนำตัวเอง ร้านนี้ถือเป็นสาขาย่อยของทางปารีส เธอไม่ได้กลับมาทางนี้นานมากแล้ว เลยตั้งใจมาดูโดยเฉพาะ ไม่นึกเลยว่าจะเจอสาวน้อยที่หน้าตาจิ้มลิ้มขนาดนี้ อยากให้เธอเป็นนางแบบของตัวเองจังเลย
หลินฉือเห็นมู่เฉิงไม่มีปฏิกิริยา เธอคิดในใจว่าเขาคงไม่ใช่คิดว่าตัวเองเป็นนักต้มตุ๋นมั้ง?
เธอคิดๆแล้วได้เปิดปากพูดว่า: ของที่พวกคุณซื้อในวันนี้ทางร้านลดให้50%ทุกชิ้นค่ะ
คำพูดที่หลินฉือพูดออกมาทำให้คนตะลึงมาก มู่เฉิงรู้จักร้านนี้อยู่ ไม่ว่าคุณจะซื้อของเยอะแค่ไหนก็ไม่มีส่วนลดเลย หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า พอเปิดปากพูดก็ลดครึ่งราคาเลย?
เขาเชื่อแล้ว!
โอเคครับ ปกติผมก็ไม่ค่อยได้เลือกเสื้อผ้าให้เด็กอยู่พอดีเลย ทีนี้มู่เฉิงไม่ปฏิเสธแล้ว หลินฉือมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบนึง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นพ่อจะขาดความรับผิดชอบขนาดนี้
…… มู่เฉิงอยากเปิดปากอธิบาย แต่ก็ทนเห็นเด็กสองคนถูกเข้าใจผิดไม่ได้ จึงได้แต่รับเอาไว้
ถังจื่อโม่เหลือบมองมู่เฉิงแวบนึงแล้วพูดหักล้างว่า: พวกเราไม่ใช่ลูกของเขาครับ เขาเป็นคุณอาของพวกเรา เป็นคนพาพวกเราออกมาเที่ยวครับ เขาไม่ยอมให้มู่เฉิงเอาเปรียบหรอก
แววตาที่ผู้หญิงมองมู่เฉิงเร่าร้อนขึ้นมาหลายส่วนทันที แต่ไม่นานก็ใจเย็นลงมา เธอพาถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เข้ามา ทางนี้เป็นเสื้อผ้าผู้หญิงหมด ถังจื่อโม่นั่งรออยู่ข้างๆ มู่เฉิงคอยเดินตาม
หลินฉือสำรวจถังจื่อซีไปครู่นึง จากนั้นได้เอาเสื้อผ้าลงมาหลายตัวติดต่อกัน และถามถังจื่อซีว่าต้องการให้เธอช่วยเปลี่ยนหรือเปล่า
ถังจื่อซีได้ปฏิเสธเธอไป จากนั้นได้หอบเสื้อผ้าเข้าไปลองที่ห้องลองเสื้อ
ชุดแรกที่ลองคือกระโปรงสั้นแขนกุดสีแดงสด ชายกระโปรงเป็นการปักเย็บด้วยกลีบดอกไม้ที่สวยงามปราณีต ถ้าไม่ดูดีๆจะดูไม่ออก แต่เวลาเดินอยู่ใต้แสงอาทิตย์จะมีแสงหักเหหลินฉือได้แมทช์รองเท้าบูทสีขาวให้กับเธอ ดูแล้วมีความเป็นผู้หญิงมาก
สายตาของถังจื่อโม่ถูกดึงดูดมา เสื้อผ้าของถังจื่อซีจะออกโทนสีอ่อนมาโดยตลอด ดูสวยสดใสมาก น้อยมากที่จะใส่สีแจ่มอย่างนี้ เด่นและเท่ห์มาก ถังจื่อโม่รู้สึกว่าจื่อซีในตอนนี้แค่ถือแซ่อันนึงก็สามารถเป็น
ราชินีได้แล้ว
ถังจื่อซีไปเปลี่ยนชุดต่อ ตอนที่ออกมาเหมือนอย่างกับดอกไม้เลย ชมพูระเรื่อ ยังคงเป็นกระโปรงอีกเช่นเคย กระโปรงค่อนข้างหลวม ความยาวของชายกระโปรงไม่เท่ากัน คล้ายกับแขนเสื้อที่ทำมาจากดอกตูม เสื้อผ้าชุดนี้เหมือนนอกจากสีหวานแหววแล้วไม่มีอะไรพิเศษ แต่ช่วงเอวได้ทำลูกเล่นไว้ เป็นจี้ทรงหยดน้ำ เหมือนนาทีต่อมาก็จะเต้นรำขึ้นมา เข้าชุดกับรองเท้าสีขาวผูกเชือกของหลินฉือแล้ว ถังจื่อซีเหมือนเจ้าหญิงที่เต้นรำคนนึงเลย
ชุดที่สามคือกระโปรงยาวสีขาวสไตล์เจ้าหญิง มีผ้าพันคอเล็กๆผืนนึงและติดเข็มกลัดคริสตัลสีเขียวรูปผีเสื้อไว้อันนึง หลินฉือได้เอารองเท้าสีสันเข้าชุดให้เธอ
สไตล์ของเสื้อผ้าทั้งหลายนี้ไม่เหมือนกัน แต่ถังจื่อซีกลับเผยสไตล์ของเสื้อผ้าออกมาได้เป็นอย่างดี ก็เหมือนกับหยกก้อนนึงที่ปล่อยให้คนแกะสลักได้ตามใจชอบ
ต่อมาก็ได้ลองอีกหลายสไตล์ ยีนส์ที่เข้าชุดในชีวิตประจำวัน กระโปรงที่เข้าชุดล้วนมีหมด ทุกครั้งที่ถังจื่อซีออกมาหลินฉือจะเอาพวกรองเท้า หมวกและเข็มขัดมาแมทช์ให้กับเธอ
มู่เฉิงมองสร้อยข้อมือและสร้อยคอของทางนี้แล้ว ได้ถามด้วยความสงสัยว่าทำไมไม่ใส่ของพวกนี้
หลินฉือตอบโดยที่ไม่หันไปมองเลย: ของพวกนี้ไม่ใช่ว่าไม่แมทช์กัน แต่ถ้าเด็กไม่ได้ชอบมากก็ไม่จำเป็น เดิมทีเด็กคนนี้ก็สวยมากอยู่แล้ว
มู่เฉิงพยักหน้า ถังจื่อซีหน้าตาสะสวย ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงก็มีแต่จะสวยหรือยิ่งสวยขึ้นไปอีก ไม่มีคำว่าไม่เหมาะสม
สุดท้ายถังจื่อซีได้ใส่กี่เพ้าสไตล์จีนออกมา ดอกไม้สี่ฤดูกาลสีเหลืองอ่อนพันรอบกิ่งไม้ กระโปรงแหวกขึ้นมาถึงหัวเข่า กระดุมจีนเป็นไข่มุกเม็ดกลม ขอบเสื้อปักเย็บด้วยด้ายสีทอง ที่ผ่านมามู่เฉิงรู้สึกว่าเด็กใส่กี่เพ้าจะเหมือนใส่ชุดของผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าดูแค่เหมาะสมหรือเปล่าก็พอ โดยทั่วไปกี่เพ้าจะให้ความรู้สึกว่าดูแก่ แต่สีเหลืองอ่อนชุดนี้ และการออกแบบที่เป็นตาข่ายนี้ ได้ถ่วงดุลจุดนี้เป็นอย่างดี ใส่ที่บนตัวถังจื่อซีแล้วไม่ขัดกันเลย……แค่ใหญ่ไปนิดหน่อยเท่านั้น
หลินฉือเหมือนไม่ได้รู้สึกถึงจุดนี้ เธอเอาสร้อยไข่มุกยาวเส้นนึงมาใส่ให้กับถังจื่อซี จากนั้นได้พยักหน้า สาวน้อยคนนี้มีหน้าตาต้นฉบับของสาวตะวันออก ถึงแม้เหมาะกับทุกสไตล์ แต่ถ้าจะให้เลือก สไตล์เรียบหรูแบบนี้เหมาะสมกว่า!
ทันใดนั้นหลินฉือนึกถึงไข่มุกเซตนึงของก่อนหน้านี้ ที่ออกแบบมาในคลอเลคชั่นดอกทานตะวัน เธอได้พามู่เฉิงกับถังจื่อซีเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่อยู่ข้างๆ