ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1636 เสี่ยงไม่ได้
แต่พวกเขาได้ข่าวของเจ้าหญิง ถึงจะเป็นข่าวปลอมก็ตาม ซ่างกวนหงราวกับได้มีชีวิตกลับคืนมา ในที่สุดโลกใบนี้ก็มีคนที่เกี่ยวก้องอย่างแท้จริงกับเขาสักที
มู่เฉิงไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกแบบนั้น ในใจเขามีแค่ความศรัทธาเดียวว่าจะให้ซ่างกวนหงผิดหวังอีกไม่ได้เด็ดขาด จะให้เขาตัวคนเดียวไม่ได้อีก
ความรู้สึกบางอย่างแค่คนที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้นที่สามารถให้ได้ มู่เฉิงเข้าใจ เขาก็ไม่ได้ฝืน ในใจลึกๆของเขาก็หวังให้ซ่างกวนหงสามารถหาคนที่ให้ความอบอุ่นเจอโดยเร็ว สามารถทำให้เขาไม่อ้างว้างเหมือนเมื่อก่อนอีก อย่างน้อยสามารถมีความสุขขึ้นมาจริงๆ
เวินลั่วฉิงสงบสติอารมณ์ลงมาได้แล้ว เธอมองหน้ามู่เฉิงเอาไว้ คนๆนี้ แวบแรกจะต้องถูกหน้าตาเขาดึงดูดแน่นอน หล่อเหลาเกินไป แต่ตอนนี้ บนใบหน้าที่หล่อเหลานี้ ประดับด้วยความเคร่งขรึมที่ไม่ควรมี แววตาของคนๆนี้สงบนิ่งมาก แม้กระทั่งยังแฝงด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เวินลั่วฉิงใช้วิสัยทัศน์ที่เหมือนเดิมมองเขา พร้อมตอบอย่างเรียบเฉย: ไม่ทราบว่าหัวหน้าน้อยอยากพูดอะไรคะ
เวินลั่วฉิงแค่ไว้หน้าเขา หรือต้องบอกว่าไว้หน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่มีคนไปยั่วยุองค์กรโกสต์ซิตี้หรอก องค์กรที่ดำรงอยู่มานานหลายปีและอยู่ชั้นนำตลอด
เวินลั่วฉิงไม่ไปย่วยุอย่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อยู่ข้างกายเขา เธอยิ่งไม่อยากทำเรื่องที่เกินความจำเป็น หวังแค่พาถังจื่อซีกับถังจื่อโม่กลับโดยเร็ว ยิ่งไม่อยากฝังภัยพิบัติที่ซ่อนอยู่ใดๆไว้
เวินลั่วฉิงโทษตัวเอง เพราะความประมาทเลินเล่อของเธอ ได้สร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ให้กับตัวเอง ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ตอนนี้……ชดเชยยังทันอยู่
มู่เฉิงรู้สึกไม่ดี
เวินลั่วฉิงใจเย็น และยังมีความยืนหยัดของตัวเอง ตอนนี้เหมือนแค่เพื่อรักษาภาพลักษร์ที่มีการศึกษาของตัวเองไว้ ถึงได้ฟังเขาพูด ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ดีเลย ไม่สามารถสื่อสารได้อย่างปกติ
มู่เฉิงใคร่ครวญอย่างจริงจังครู่นึง ถึงค่อยๆสอบถามว่า: คุณถังจะรับจื่อซีกับจื่อโม่กลับไป เป็นเพราะว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเขาเหรอครับ?
มู่เฉิงพูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม อยู่ในใจของผู้แม่คนนึง ไม่มีอะไรสำคัญกว่าความปลอดภัยของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ ก่อนหน้านี้ถังฉิ้นเอ๋ออนุญาตให้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อยู่ที่ซ่างกวนหงนานขนาดนั้น เป็นเพราะว่าเธอแน่ใจว่าถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ปลอดภัยดี ตอนนี้ การปรากฏตัวของเขาได้ทำลายความรู้สึกปลอดภัยของถังฉิ้นเอ๋อ เธอมีความเป็นศัตรูกับตัวเอง ไม่ได้เพราะอย่างอื่น อาจจะเพียงเพราะคำพูดหลายคำที่แฝงด้วยความกำกวมที่มากเกินไป มู่เฉิงเข้าใจ เพราะฉะนั้นก็เลยได้ชี้ความกังวลที่อยู่ในใจลึกๆของเวินลั่วฉิงออกมาโดยตรง
เวินลั่วฉิงมองมู่เฉิง หัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้พิเศษกว่าคนธรรมดาจริงๆด้วย การสื่อสารของนาทีนี้ เขาคิดแค่หัวใจสำคัญของปัญหาโดยตรง ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าจะให้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่กลับมาหรือเปล่าจริงๆ ที่จริงไม่สำคัญ ที่มากกว่าคือตามใจจื่อซีกับจื่อโม่ ถ้าพวกเขาไม่ยอม ก็ให้อยู่ต่ออีกสักสองสามวัน พวกเขารู้ดีแก่ใจ ตอนนี้การปรากฏตัวของมู่เฉิงทำให้เธอไม่สบายใจ เธอมักจะสงสัยอยู่เรื่อยเลยว่าเรื่องที่มู่เฉิงทำทั้งหมดคือมุ่งเป้ามาที่ตัวเอง เธอกลัวว่าถังจื่อซีกับถังจื่อโม่จะได้รับบาดเจ็บ มู่เฉิงเป็นผู้ชายที่อันตราย เธอไม่คิดว่าอยู่ดีๆหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้จะดีกับคนๆนึงโดยที่ไม่มีสาเหตุ
ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าหัวหน้าน้อยเองก็น่าจะเข้าใจ ฉันเป็นแม่คนนึง จะต้องรับประกันความปลอดภัยของลูกฉัน ถึงแม้หัวหน้าน้อยกับฉันไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน แต่หัวหน้าน้อยยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะดีกับจื่อซีและจื่อโม่ขนาดนี้
มู่เฉิงพยักหน้า ถือว่าได้เห็นด้วยกับวิธีการพูดของเวินลั่วฉิง ตอนนี้เขารู้ดีว่าจะพูดจาสวนกลับกับความคิดของเวินลั่วฉิงพูดไม่ได้เด็ดขาด จะต้องตามใจเธอ ให้เธอค่อยๆเชื่อใจตัวเอง ให้เธอเข้าใจว่าตัวเองไม่มีเจตนาร้าย เป็นคนที่ไว้ใจได้อยู่ ไม่ทำร้ายถังจื่อซีกับถังจื่อโม่แน่นอน มีแค่แบบนี้ ถึงมีความเป็นไปได้ว่าเวินลั่วฉิงจะให้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อยู่ต่อ แต่มู่เฉิงไม่แน่ใจว่าเธอจะให้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อยู่ต่อนานแค่ไหน
เหมือนที่คุณถังพูดครับ ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เป็นแค่เด็ก ผมมีอะไรที่ต้องมุ่งหมายจากพวกเขา?ผมแค่ชอบเด็กสองคนนี้ ถึงได้พาพวกเขาออกมาเที่ยว เรื่องของวันนี้ ก็เป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น มู่เฉิงพูดอย่างจริงใจ นาทีนี้ เขามองเวินลั่วฉิงย่างไร้ซึ่งความกลัว แค่อยากให้ความรู้สึกที่แน่วแน่อย่างนึงกับเธอ
เพราะฉะนั้น ตอนนี้หัวหน้าน้อยคือไม่คิดจะให้ฉันพาจื่อซีกับจื่อโม่กลับมาเหรอคะ? เวินลั่วฉิงไม่ได้ปรึกษาหารือคำถามนี้กับเขา ได้พูดวัตถุประสงค์ของมู่เฉิงออกมาโดยตรง เธอขมวดคิ้ว
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ยืนอยู่ข้างๆอย่างค่อนข้างละอายใจ และค่อนข้างกังวล พวกเขาไม่ได้พูดจาสักคำ ได้ยอมรับวิธีการพูดของมู่เฉิงทางอ้อม เวินลั่วฉิงรู้สึกได้ว่าถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ชอบมู่เฉิงมาก และแฝงด้วยความไว้ใจเหมือนกัน
เธอแปลกใจมาก ทำไมถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ถึงได้สนิทสนมกับคนที่ตัวเองไม่คุ้นเคยขนาดนี้?เวินลั่วฉิงสงสัยมาก แต่แค่ไม่ได้ถามออกมา เธอตัดสินใจว่าหลังจากถังจื่อซีกับถังจื่อโม่กลับมา จะต้องซักถามดูหน่อย
ใช่ ผมไม่อยากให้คุณพาจื่อซีกับจื่อโม่กลับไป อย่างน้อยไม่ใช่ตอนนี้ มู่เฉิงก็ไม่ได้หาข้ออ้างใดๆ วัตถุประสงค์ของเขาก็คืออันนี้ ไม่จำเป็นต้องปกปิด อีกอย่างเปิดใจคุยกับถังฉิ้นเอ๋อ ยังไงก็ดีกว่าพูดเยอะแค่ไหนก็ต้องวนกลับมาที่เรื่องนี้
เวินลั่วฉิงไม่คิดว่ามู่เฉิงจะตรงไปตรงมาอย่างนี้ อย่างน้อยก็จะเปลี่ยนประเด็น แต่ท่าทีที่จริงใจของมู่เฉิง ทำให้เธอสับสน แต่เธอพึงพอใจกับท่าทีของมู่เฉิงมาก นี่เป็นท่าทีของการปรึกษาหารือกัน ไม่ได้บีบบังคับเลย เพราะฉะนั้น นาทีนี้เวินลั่วฉิงก็มีความอดทนที่จะคุยกับเขาต่อ
ไม่ทราบว่าทำไมหัวหน้าน้อยต้องขัดขวางฉันคะ? เวินลั่วฉิงพูดจาเรียบเฉย
มู่เฉิงมีความจริงใจ เวินลั่วฉิงก็ย่อมยอมค่อยๆคุยกับเขา
เวินลั่วฉิงไม่ค่อยเชื่อมู่เฉิงสักเท่าไหร่ แต่เธอเชื่อถังจื่อซีกับถังจื่อโม่
นี่ไม่ใช่การขัดขวาง แต่เป็นการอ้อนวอน มู่เฉิงพูด สีหน้าแววตาของเขาไม่แยแส ไม่มีความรู้สึกที่อ้อนวอนสักนิดเลย เพราะเขารู้ว่าถังฉิ้นเอ๋อก็ไม่ต้องการ แค่ท่าทีอย่างเดียวก็พอแล้ว
เวินลั่วฉิงมองหน้ามู่เฉิง ถ้าเขาอ่อนน้อมถ่อมตนเกินไป กลับทำให้คนเกิดความสงสัย แน่นอนว่าหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่ทำเรื่องพวกนี้หรอก แต่นาทีนี้ท่าทีของมู่เฉิงสอดคล้องกับสถานะของเขามาก เวินลั่วฉิงรู้สึกประทับใจมู่เฉิงขึ้นมาหลายส่วน เธอถามอย่างค่อนข้างเกิดความสนใจ: ไม่ทราบว่าหัวหน้าน้อยเจอจื่อซีกับจื่อโม่ได้ยังไงคะ?
มู่เฉิงหัวเราะ เหมือนสายลมอุ่นของฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านส่วนลึกของหัวใจ นำพามาซึ่งความอบอุ่น เหมือนนาทีนี้เวินลั่วฉิงถึงสังเกตเห็นความหล่อเหลาและเสน่ห์ของมู่เฉิงอย่างแท้จริง นี่เป็นใบหน้าที่ทำให้ผู้คนต่างก็อิจฉาจริงๆ เหมือนความหล่อความดูดีต่างก็มาอยู่ในตัวเขาหมด ใบหน้าของมู่เฉิงงดงามมาก งดงามกว่าใบหน้าของผู้หญฺงเสียอีก เสียงมีแรงดึงดูด เสียงหัวเราะเหมือนหล่นเข้าไปอยู่ในใจคนในชั่วพริบตา ยากที่เวินลั่วฉิงจะอึ้งไปครู่นึง นี่เป็นเสน่ห์ที่ต่างกับเย่ซือเฉินโดยสิ้นเชิง
หลังจากเวินลั่วฉิงอึ้งไปเสี้ยววินาทีก็ได้สงบสติอารมณ์ลง คนๆนี้คือหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่ใช่คนที่จะสามารถเชื่อใจได้เรื่อยเปื่อย
มู่เฉิงไม่ได้สังเกตเห็นว่าเวินลั่วฉิงเหม่อลอย เขาไม่ได้อยากปกปิดสถานะและตัวตนของซ่างกวนหง เลยเปิดปากพูดโดยตรงว่า: หลายวันก่อน คุณปู่ที่จื่อซีกับจื่อโม่ไปหา คุณน่าจะรู้ว่าแซ่ซ่างกวนใช่มั้ย?ชื่อเต็มของเขาคือซ่างกวนหง เป็นหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ และเป็นพ่อบุญธรรมของผม
มู่เฉิงไม่อยากมี่ปัญหาใหม่สอดแทรกเข้ามา เขาดูออกว่าเวินลั่วฉิงไม่ใช่คนที่ชอบถูกรังแก ถ้าก่อนหน้านี้เวินลั่วฉิงไม่ได้เอ่ยถึง เขาก็จะไม่เผยออกมาเลยสักนิด แต่เวินลั่วฉิงเอ่ยถึง เขาก็จะไม่ปกปิดการดำรงอยู่ของซ่างกวนหง ความจริงที่เป็นกลาง แต่ตอนนี้ ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ชอบซ่างกวนหงมาก นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก สามารถสานสัมพันธ์ของเวินลั่วฉิงกับซ่างกวนหงให้ใกล้ชิดมากขึ้น ต่อไปทั้งสองนับเป็นพ่อลูกกัน อย่างน้อยสามารถมีความรู้สึกขั้นพื้นฐาน
เวินลั่วฉิงคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เจอก่อนหน้านี้ ดูแล้วเพิ่งจะอายุสามสิบกว่านิดๆ จะเป็นหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ เหมือนเวินลั่วฉิงยังสามารถนึกสีหน้าท่าทางวันนั้นของเขาได้ ผู้ชายคนนั้นรักและเอ็นดูถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อย่างไม่ปกปิดเลย ทำให้เวินลั่วฉิงตื้นตันใจมาก นี่ก็เป็นสาเหตุที่เธอยอมให้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อยู่ต่อ บุคลิกทั้งตัวนั้นทำให้เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าไม่ใช่คนธรรมดา เพียงแต่……เวินลั่วฉิงคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้!คนที่……ไม่เคยปรากฎตัวต่อสาธารณชน
มู่เฉิงไม่ได้อธิบายต่อ ถังฉิ้นเอ๋อคิดได้แน่นอนว่าเขารู้จักถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ยังไง นี่ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ
เขามองหน้าถังฉิ้นเอ๋ออย่างเงียบๆ รอเธอตอบ
เพราะฉะนั้น คุณเจอจื่อซีกับจื่อโม่ที่หัวหน้า?ตอนนั้นคุณไม่รู้สถานะของพวกเขา? เวินลั่วฉิงถามด้วยความข้องใจ ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นเธอก็สามารถวางใจลงหน่อย อย่างน้อยมู่เฉิงมีความผูกพันกับถังจื่อซีและถังจื่อโม่จริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะเธอ
เวินลั่วฉิงไม่เคยคิดว่ามู่เฉิงจะทำอะไรเพื่อเธอ แต่เธอเชื่อว่ามู่เฉิงจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เธอเสี่ยงไม่ได้