ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1655 ให้ของกำนัลจากใจจริง
คุณแม่หลิวส่ายหัว เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดแบบนี้ของหลิวหยิง แต่มันก็ไม่มีอะไรที่โต้แย้งได้จริงๆ ตอนนี้เรื่องมันก็จบไปแล้ว ก็ช่างมันแล้วกัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน คุณแม่หลิวจะต้องรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ หลิวหยิงผ่านอะไรมามากมายขนาดนี้ แถมต่อให้วิธีการในการทำเรื่องอะไรต่างๆของหลิวหยิงจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงเป็นหลิวหยิงเหมือนในสมัยก่อนอยู่ ไม่ใช่ว่าอะไรก็ไม่สนใจทั้งนั้น หลิวหยิงก็แค่ปกป้องตัวเองด้วยวิธีการของตัวเองเท่านั้น แต่บางที……วิธีการอาจจะดูรุนแรงไม่ค่อยเหมาะไม่ค่อยควรเท่าไร แต่มันได้ผลก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง? ขอแค่หลิวหยิงไม่เป็นอะไรก็ได้แล้ว
ตลอดทั้งทางเงียบสงบมาก พอกลับไปถึงคุณแม่หลิวก็ถือของเข้าไปในห้องครัว ตั้งแต่ตอนบ่ายจนถึงตอนนี้ หลิวหยิงยังไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เกรงว่าหิวจนจะแย่อยู่แล้ว
หลิวหยิงนึกว่าคุณแม่หลิวโกรธ เลยเดินตรงเข้าไปหาแม่ ก่อนจะพูดขอโทษ แม่ แม่อย่างโกรธเลยนะ ครั้งหน้าหนูจะไม่ทำแบบนี้แล้ว
คุณแม่หลิวรู้ว่าหลิวหยิงเข้าใจผิด จึงหันตัวกลับมายิ้มให้กับเธอเล็กน้อย แม่ไม่ได้โกรธ ตราบใดที่ลูกคิดดีแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถือว่าดีหมดแหละ ลูกสาวที่แม่อบรมสั่งสอนมา แม่เข้าใจดี ไม่มีทางเชื่อสิ่งที่คนอื่นพูดง่ายๆแน่นอน
หลิวหยิงพิงกำแพง มองดูแม่ที่กำลังยุ่งวุ่นวายทำอาหารอยู่ เธอพบว่าตัวเองชอบบรรยากาศที่เงียบสงบแบบนี้เป็นพิเศษ เหมือนกับ……กำลังอยู่บ้านอย่างไรอย่างนั้น หลิวหยิงเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแบบนี้
……
เพราะว่าวันนี้เวินลั่วฉิงจะมารับถังจื่อซีกับถังจื่อโม่กลับไป จึงอยากที่จะอาศัยโอกาสนี้ขอโทษเวินลั่วฉิงสักหน่อย บวกกับเธอชอบถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ทั้งสองคน ก็เลยอยู่ที่นี่
ซ่างกวนหงตื่นเช้าขึ้นมาจิตใจก็เหม่อลอยอยู่เล็กน้อย เขากับเวินลั่วฉิงไม่เคยเจอกันจริงๆ วิดีโอก่อนหน้านี้ก็สั้นมากๆ เขายังไม่ได้แม้แต่จะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองด้วยซ้ำ เวินลั่วฉิงมาในครั้งนี้ ในใจลึกๆของเขารู้สึกตื่นตัวอย่างมาก ถึงขนาดที่รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย เขาไม่รู้ว่าเวินลั่วฉิงจะชอบเขาไหม จะรู้สึกว่าเขาจงใจใช้เด็กทั้งสองคนเพื่อที่จะได้เข้าใกล้เธอหรือเปล่า ที่เป็นกังวลใจที่สุดก็คือ หลังจากที่ผลทดสอบความเป็นพ่อลูกออกมาแล้ว เวินลั่วฉิงจะรู้สึกว่าตนเองคิดวางแผนเรื่องนี้เอาไว้เป็นอย่างดีแล้วหรือเปล่า
ความคิดของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ก็ผ่อนคลายไปเยอะ พวกเขาดีใจขึ้นมาก รู้สึกว่าแม่ของตัวเองกับคุณปู่ที่ตัวเองชอบจะได้เจอกันแล้ว ต่อไปพวกเขากลับมาเล่นอีกครั้งก็จะสบายขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะถังจื่อซี เธอรู้สึกตั้งหน้าตั้งตารอคอยเป็นพิเศษกับการมาพบกันของเวินลั่วฉิงและซ่างกวนหง
ช่วงเวลาสิบโมง เวินลั่วฉิงมาถึง เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ดูแลจงได้ส่งคนมารออยู่ข้างนอกแล้ว ก็เลยพาเวินลั่วฉิงเข้ามาข้างในได้ในทันที ในใจของผู้ดูแลจง เวินลั่วฉิงคือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ดังนั้นก็เลยตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาของเวินลั่วฉิงเป็นพิเศษ
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวแล้วก็เสียงพูดเบาๆของเวินลั่วฉิงดังมาจากข้างนอก สายตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที!แม้จะบอกว่าอยู่ที่นี่รู้สึกมีความสุขมากๆ ถึงขนาดที่ มีความสุขจนลืมบ้าน ไปเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้เวินลั่วฉิงมาแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
หม่ามี๊! ถังจื่อซีวิ่งตรงเข้าไปอย่างดีอกดีใจ หลังจากที่เห็นคนที่ตามมาข้างหลัง ก็เปิดปากพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ แด๊ดดี้?
เย่ซือเฉินเม้มปาก น้ำเสียงแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้น? เหมือนกับไม่อยากต้อนรับเขาอย่างไรอย่างนั้น? นาทีที่เวินลั่วฉิงเห็นถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มขึ้นมาทันที
เสื้อผ้าที่ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่สวมใส่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน น่าจะไปซื้อกันตอนที่พวกเขาออกไปก่อนหน้านี้ แต่ว่า มันดูเหมาะมากๆ
เวินลั่วฉิงจูงถังจื่อซี กะที่จะพาเขาเข้าไป มือกลับถูกเย่ซือเฉินมาคว้าจูงเอาไว้ เวินลั่วฉิงรู้สึกสงสัย นี่เขาเป็นบ้าอะไร มาถึงบ้านแล้ว ยังจะต้องมาจูงอะไรอีก? แต่ตอนที่เห็นมู่เฉิงที่อยู่บนโซฟาแล้วก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันที คนคนนี้กำลังประกาศความเป็นเจ้าของอยู่นั่นเอง
เวินลั่วฉิงหมดความอดทนกับความหน่อมแน้มของเย่ซือเฉิน แต่กลับไม่ได้สะบัดออก ปล่อยให้เขาจูงเข้าไปทั้งอย่างนั้น เย่ซือเฉินกวาดสายตามองไปในห้องรับแขก ก่อนจะพูดกับซ่างกวนหง หัวหน้า ผมคือเย่ซือเฉิน เป็นพ่อของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ แล้วก็เป็นสามีของเวินลั่วฉิงครับ
เย่ซือเฉินน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย ไม่ได้เยือกเย็นแบบจงใจ แต่ในน้ำเสียงปกติของเขานั้นดูเหินห่างอยู่ไม่น้อย เย่ซือเฉินรู้จักองค์กรโกสต์ซิตี้ แต่เขาจะไม่ลดสถานภาพของตัวเองลง ระหว่างพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางผลประโยชน์ และไม่รู้จักกัน มีเพียงแค่ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เท่านั้น
สายตาของซ่างกวนหงจับจ้องไปที่มือที่กุมกันไว้แน่นของเย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิง ขมวดคิ้ว เห็นแล้วเสียดแทงลูกกะตาสุดๆ ราวกับว่าสมบัติของตัวเองถูกคนอื่นแย่งชิงไป
แต่พอมองเวินลั่วฉิง เธอไม่ได้รู้สึกว่ามันอึดอัดอะไรเลย แค่เก็บความรู้สึกอึดอัดไม่สบายนั้นเอาไว้ในใจ ตอบ อื้อ ออกมาหนึ่งที เหมือนเคยได้ยินถังจื่อซีกับถังจื่อโม่พูดถึงคุณมาอยู่บ้างนะคะ
วันนี้ที่พวกเขามาหลักๆแล้วก็คือเรื่องส่วนตัว ดังนั้นความเกรงกลัวจึงค่อนข้างน้อย เย่ซือเฉินกับซ่างกวนหงนั่งตรงกันข้ามกัน เวินลั่วฉิงนั่งข้างๆ ถังจื่อซีอยู่ถัดจากเวินลั่วฉิง นั่งยองลงข้างๆเวินลั่วฉิง ถังจื่อโม่นั่งอีกด้าน เหมือนกับว่าเรื่องราวรอบๆตัวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
ช่วงหลายวันมานี้ขอบคุณหัวหน้าที่คอยดูแลถังจื่อซีกับถังจื่อโม่มากๆนะคะ ตอนที่มา ฉันกับซือเฉินเอาใบชามาให้ด้วย หวังว่าหัวหน้าจะชอบนะคะ เวินลั่วฉิงค่อยๆเปิดปากพูดขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะไม่สนใจว่าอีกฝั่งคือใครเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ดี คนอื่นๆก็ดี ต่างก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ มันเกี่ยวข้องกับถังจื่อซีแล้วก็ถังจื่อโม่ พวกเขาก็ต้องปฏิบัติตัวดีๆสักหน่อย องค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ได้ขาดแคลนอะไร นอกจากสินน้ำใจเท่านั้น
ซ่างกวนหงมองเวินลั่วฉิง เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเล็กน้อย นี่กำลังส่งสัญญาณบอกว่า เวินลั่วฉิงยอมรับเขา สามารถเข้ากันกับเขาได้ดีแล้วใช่ไหม? ผู้ดูแลจงรับใบชามา ในใจคิดว่าองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ขาดแคลนอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าเจ้าหญิงจะมอบอะไรให้ หัวหน้าก็ชอบทั้งนั้น แต่พอเห็นบรรจุภัณฑ์ของใบชาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูอีกครั้ง
นี่มัน……ชาต้าหงเผาจากเขาอู๋อี๋ซานนี่ ชาที่โดดเด่นในบรรดาชาทั้งหลาย ? ผู้ดูแลจงอุทานให้กับความเอาใจใส่ของเวินลั่วฉิงและเย่ซือเฉิน องค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ได้ขาดแคลนอะไรทั้งนั้น แต่ของหายากขนาดนี้ในโลก มันก็คือสิ่งที่พบเจอได้แต่ไม่ใช่ว่าใครจะขอร้องอ้อนวอนมันมาได้ ต้นชาต้าหงเผาจากเขาอู๋อี๋ซานเป็นต้นชาเก่าแก่พันปี บนหน้าผาสูงชันจิ่วหลงเคอเหลือเพียงแค่6ต้นแล้วเท่านั้น ผลผลิตมีน้อย ถูกมองว่าเป็นสมบัติหายากเชียวนะ!ตอนนี้ต้าหงเผาล้วนแต่เป็นของสะสมไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะอามาได้ง่ายๆ ที่เวินลั่วฉิงกับเย่ซือเฉินเอามา ประมาณสองร้อยกรัม เห็นได้ถึงความจริงใจของพวกเขา
เขาเปิดปากพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม ของกำนัลที่คุณเวินมอบให้นี้ช่างพอเหมาะพอสมพอดีเลย ปกติหัวหน้าก็ชอบชาอยู่แล้วครับ แถมต้าหงเผานี้ ก็เป็นของหายากมากๆแล้วด้วย
เวินลั่วฉิงยิ้มไม่พูดอะไร ของหายากมักจะแพง ของกำนัลก็เช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสำหรับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว ความจริงใจสำคัญกว่าของกำนัลมากไหมล่ะ?
ซ่างกวนหงอดไม่ได้ที่จะเหลือบตามอง ของกำนัลชิ้นแรกที่เวินลั่วฉิงมอบให้ ช่างตรงใจของเขาขนาดนี้ เป็นเพราะ……พ่อลูกใจตรงกันใช่ไหม? เขาแทบอยากที่จะไปรับผลตรวจการเป็นพ่อลูกกันที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ซะตั้งแต่ตอนนี้เลย
ถังจื่อซีนั่งลงข้างๆ มองสำรวจเวินลั่วฉิงกับซ่างกวนหง ให้ความรู้สึกเหมือนกัน……จริงๆ!รูปร่างหน้าตาอาจจะดูไม่ออก แต่บางครั้งตอนที่เอนหัวและเหลือบตามอง บางมุมดูแล้วก็เหมือนกันมากๆ ถังจื่อซีเชื่อว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ซ่างกวนหงเป็นตาของเขาจริงๆ
คุณเวิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ! มู่เฉิงเห็นว่าไม่มีสนใจเขา ก็เลยเปิดปากพูดทักทายขึ้น
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเคยเจอกันจริงๆเหรอ? น้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้ ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมานานมากแล้วอย่างไรอย่างนั้น เย่ซือเฉินยังอยู่ข้างๆด้วย น้ำเสียงนี้มันน่ารังเกียจจริงๆ
แต่ตอนนี้อยู่ในถิ่นของเขา แถมยังมีซ่างกวนหงอยู่ด้วย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ก็อยู่ เวินลั่วฉิงพูดยับยั้งเอาไว้เล็กน้อย ฉันคิดว่า ฉันกับหัวหน้าน้อยไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนะคะ?
น้ำเสียงที่เย็นชาพูดคำพูดที่แสนเยือกเย็น ทำให้มู่เฉิงนิ่งชะงักไป คนคนนี้……แค่แซวเล่นนิดหน่อยก็ไม่ได้เลยหรือไง? สีหน้าอารมณ์ที่เย่ซือเฉินมองเขาเหมือนกับจะฆ่ากันอย่างไรอย่างนั้น ตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับเวินลั่วฉิงจริงๆนะ!มากสุดก็แค่รู้สึกชื่นชมเท่านั้น ไม่ใช่ความรักเชิงหนุ่มสาวสักหน่อย!มู่เฉิงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
อาจจะเป็นเพราะว่าคุณผู้หญิงไม่รู้จักผมก็ได้ครับ แต่ว่า ผมรู้จักคุณเวินมานานมากแล้ว มู่เฉิงเหมือนกับฟังไม่ออกว่าเวินลั่วฉิงกำลังปฏิเสธ ยิ้มแย้มหรี่ตาพร้อมกับเปิดปากพูดขึ้น จื่อซีกับจื่อโม่มักจะพูดให้ผมฟังบ่อยๆ ตอนที่วีดิโอกันในตอนนั้น พวกเราก็เคยเจอกันแล้วไม่ใช่เหรอ?
คำพูดเหล่านี้ของมู่เฉิงจริงๆแล้วไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย แค่ลองเชิงเย่ซือเฉินดูเท่านั้น แถมเพื่อที่จะให้ซ่างกวนหงมองสังเกตเย่ซือเฉินด้วย นี่เป็นการเจอกันครั้งแรก พวกเขาไม่มีการผูกมัดกันทางสถานภาพอะไรกัน ถ้าเกิดภายหลังพิสูจน์ได้แล้วว่าซ่างกวนหงกับเวินลั่วฉิงมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกัน เนื่องจากความสัมพันธ์ของเวินลั่วฉิง เย่ซือเฉินจะต้องยับยั้งสกัดกั้นเอาไว้แน่นอน สู้ลองเชิงก่อนซะตั้งแต่ตอนนี้ ให้ซ่างกวนหงได้ประเมินเย่ซือเฉินไว้ล่วงหน้า ต่อไปจะได้รู้สึกสะดวกสบายลงหน่อย
เย่ซือเฉินมองไปยังเวินลั่วฉิง เรื่องพวกนี้เขาไม่รู้ได้ยังไง? ไม่ถูกสิ เขารู้ เมื่อก่อนเวินลั่วฉิงเคยพูดถึงมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่พออกมาจากปากของมู่เฉิงแล้ว ทำไมมันถึงอึดอัดขนาดนี้? เหมือนกับว่ากำลังโอ้อวดอยู่อย่างไรอย่างนั้น เย่ซือเฉินมองเวินลั่วฉิงด้วยสีหน้านิ่งขรึม เธอจะพูดอธิบายสักหน่อยไหม?