ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1657 รักเขาแล้วก็ต้องรักทุกสิ่งที่เขาเป็น
ดังนั้น นักสะสมมากมายจึงมีความสนใจในงานประมูลนี้เป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่มีคนยอมทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจเพื่อที่จะไล่ตามหา
ก่อนหน้านี้มู่เฉิงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว เลยเกิดความสนใจอย่างมาก แต่สิบปีมีครั้ง ถึงไม่อยากรอแต่ก็ต้องรอ ในตอนแรกเขาเกือบจะลืมไปแล้ว ตอนนี้จู่ๆพอมาได้ยิน ก็เลยถูกดึงดูดความสนใจขึ้นอีกครั้ง จะต้องไปดูให้ได้ ถึงยังไง……เขาก็อยากจะรู้ ว่าสินค้าที่พิเศษขนาดไหน ถึงสามารถเข้าไปอยู่ในงานฉือเย่ฉางนี้ได้ สิบปีจัดหนึ่งครั้ง แถมยังมีคนมากมายต่างไล่ตามขวนขวายอีก
ไม่เลว เย่ซือเฉินพูดตอบ ผมก็ได้รับข้อความมากะทันหันเหมือนกัน แต่ ได้ยินมาว่าที่ฉือเย่ฉางในครั้งนี้มาจัดที่นี่เป็นเพราะว่ามีคนแนะนำ
มู่เฉิงอยากรู้อยากเห็น ถูกคนแนะนำอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าที่นี่มีของที่ฉือเย่ฉางสนใจอย่างนั้นเหรอ? ว่ากันว่าสถานที่ที่ฉือเย่ฉางตัดสินใจว่าจัดขึ้นในแต่ละครั้ง มีเพียงแค่เหตุผลเดียวนั่นก็คือที่นี่มีของที่พวกเขาสนใจอยู่นั่นเอง ฉือเย่ฉางนอกจากประมูลแล้ว ยังมีการซื้อขายอีกด้วย คนแบบไหนกันที่สามารถมีผลกระทบต่อฉือเย่ฉางได้? มู่เฉิงอยากรู้มากๆ มีความปรารถนาที่อยากรู้ให้แน่ชัดอยู่ไม่น้อย
ของสะสมของฉือเย่ฉางผมอาจจะไม่ได้สนใจเท่าไร แต่ว่า……คนที่แนะนำคนนั้น ผมรู้สึกสนใจสุดๆ! มู่เฉิงพูดขึ้นด้วยความสนใจอย่างมาก สนใจสุดๆ
ไม่คิดว่าจะมีคนพูดโน้มน้าว ฉือเย่ฉางได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยส่งคนไปตรวจสอบมาแล้ว องค์กรนี้แอบซ่อนเอาไว้อย่างดีมากๆ อยู่เป็นทั้งในสังคมมืดและไม่มืด ทุกครั้งที่ถูกจับได้ก็หายไปอย่างไร้ร้องรอยตลอด มู่เฉิงไม่อยากจะใช้อำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้กับเหตุผลส่วนตัวมากเกินไป สองสามปีมานี้ไม่คิดว่าจะหาไม่เจอเลย ตอนนี้พอมีโอกาสได้ทำความเข้าใจแล้ว แน่นอนว่าจะไม่พลาดอย่างเป็นแน่
เย่ซือเฉินพึมพำครุ่นคิด จริงๆแล้ว เขาก็มีความสนใจในคนคนนี้เช่นเดียวกัน เวลากับสถานที่ที่ฉือเย่ฉางจัด ไม่น่าจะออกมาเร็วขนาดนี้ ปกติแล้วจะประมาณสิบวันได้ นี่มันห่างจากวันที่จัดตั้งหนึ่งเดือน เขาก็ได้รับข่าวแล้วเหมือนกัน จะเรียกว่าไม่แปลกก็ไม่ได้ เย่ซือเฉินถึงขนาดที่แอบรู้สึกว่า มีคนจงใจแจ้งข่าวนี้กับเขา ส่วนเป้าหมายคืออะไรนั้น……เขายังคิดไม่ออก
เขากับฉือเย่ฉางเรียกได้ว่าไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีแม้แต่ผลประโยชน์กันเลยด้วยซ้ำ แถมฉือเย่ฉาง ในอีกด้านหนึ่งก็ไม่มีความรู้สึกทางจริยธรรมเลยแม้แต่น้อย ของที่ประมูลออกไปก็ไม่รับผิดชอบ ต่อมาทำให้เกิดข้อพิพาทอะไรขึ้นภายหลัง แทบจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตการคิดพิจารณาของเขาเลยสักนิด ว่ากันว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ของที่ฉือเย่ฉางวางประมูลเป็นของที่คนอื่นมอบให้กับเขา ตอนแรกเจ้าของกะที่จะซื้อกลับมา แต่กลับถูกขายทิ้งไปซะดื้อๆ ทำให้เกิดการพิพาทอยู่ไม่น้อย ฉือเย่ฉางไม่ได้ออกมาพูดอะไรแม้แต่นิดเดียว
เย่ซือเฉินเสนอข้อเสนอแนะนี้ แล้วก็อยากจะดูเหมือนกันว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้หรือไม่ ถึงยังไงข่าวข้อมูลนี้ก็แปลกน่าสงสัยเกินไป แค่ภายในหนึ่งวัน ชนชั้นสูงที่อยู่ที่นี่ก็รู้กันหมดแล้ว แต่ที่รู้ก็มีแค่ ฉือเย่ฉางจัดขึ้นที่นี่ ส่วนสถานที่ที่แน่ชัดยังไม่แน่นอน เวลาที่แน่ชัดก็ยังไม่แน่นอน แตกต่างจากรูปแบบของฉือเย่ฉางก่อนหน้านี้มาก ตอนนี้อยู่ในจุดที่พีคที่สุดพอดี เย่ซือเฉินจำเป็นต้องคิดให้มากขึ้น
ถ้าบอกว่าช่วงนี้มีเรื่องพิเศษอะไรบ้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่รู้จักกับซ่างกวนหงและมู่เฉิง องค์กรโกสต์ซิตี้ก็ลึกลับ มีความสัมพันธ์กับฉือเย่ฉางหรือเปล่าก็ไม่แน่ แต่ท่าทีของมู่เฉิงบ่งบอกว่าทั้งสองนี้ไม่มีความสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น เย่ซือเฉินครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
ผมก็รู้สึกมีความสนใจในฉือเย่ฉางเป็นอย่างมากเหมือนกัน ไปด้วยกันดีไหมล่ะครับ? เย่ซือเฉินพูดเสนอ มู่เฉิงพูดออกมาแล้ว เขาไว้หน้าสักหน่อยดีไหม แถม ถ้าเกิดมีความสัมพันธ์อะไรกับองค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ ถึงตอนนั้นตอนที่อยู่ในงานประมูลก็อาจจะมองออกก็ได้
ได้ มู่เฉิงตอบรับ ยุยงให้ซ่างกวงหงไปด้วยกัน ซ่างกวนหงมองเขาอย่างนิ่งๆ มู่เฉิงก็เงียบปากลง ไม่เอาน่า นี่กำลังคิดเผื่อเขาอยู่นะ!อุส่าได้โอกาสมีปฏิสัมพันธ์กับเวินลั่วฉิงมากขึ้น ทำไมถึงละทิ้งไปซะล่ะ?
มู่เฉิงรู้สึกว่า ต่อให้ตอนนี้ผลตรวจDNAจะยังไม่ออกมาซ่างกวนหงก็ควรจะหาวิธีในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเวินลั่วฉิงเข้าไว้ อย่าให้จิตใจของเวินลั่วฉิงเกิดความกลัวต่อเขา หรือไม่ก็เพื่อที่จะได้เข้าใกล้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อย่างเดียวก็ได้ ไม่อย่างนั้นต่อจากนี้ไปจะยอมรับเรื่องที่ว่าเป็นลูกสาวของเขาได้อย่างง่ายดายได้ยังไง?
ไม่รู้ว่าทำไม มู่เฉิงรู้สึกว่า เวินลั่วฉิงยอมรับความจริงนี้ แต่ว่า……แก่นแท้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอน ถ้าเกิดเป็นสถานการณ์แบบนี้ เกรงว่าซ่างกวนหงจะเศร้าเสียใจยิ่งกว่า แต่ นี่มันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาของเขาเท่านั้น อาจจะไม่จริงก็ได้ แน่นอนว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ แค่บอกเป็นนัยกับซ่างกวนหงว่าให้ตรงไปตรงมากับเวินลั่วฉิงหน่อย
เวินลั่วฉิงเห็นซ่างกวนหงกับมู่เฉิงเข้าขากันแล้วรู้สึกน่าสนุก ตอนแรกนึกว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้สูญเสียลูกสาวไปแล้ว จะต้องบ้าคลั่ง เฉยๆกับเรื่องอื่นๆ ไม่สนใจเรื่องอะไรอีก แต่คิดไม่ถึงว่าจะดีกับมู่เฉิงมากๆ พูดไปดูเหมือนแปลก เวินลั่วฉิงไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมายกับมู่เฉิง แต่พอเห็นความกลมเกลียวกันของซ่างกวนหงกับมู่เฉิงแล้ว ก็รู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้นมา เหมือนกับ เรื่องกังวลใจของตัวเองจู่ๆก็ได้ผลลัพธ์ทันที แถมเธอพบว่า ตอนที่เธอเห็นซ่างกวนหง อารมณ์ก็จะดีขึ้นมา มันแปลกมากๆ
มู่เฉิงรู้สึกว่า ความสัมพันธ์กับเย่ซือเฉินเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย ถ้าอย่างนั้น เขาก็สามารถขอโทษเวินลั่วฉิงได้อย่างสบายใจแล้ว จึงเปิดปากพูดขึ้น คุณเวิน เรื่องก่อนหน้านี้ ผมคิดไม่รอบคอบเอง แต่จริงๆแล้วอยากจะเจอคุณสักครั้งจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเลย ได้โปรดอย่าใส่ใจเลยนะครับ
เรื่องของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เมื่อครั้งที่แล้ว ผมทำเกินไป ไม่ควรจะให้พวกเขาสองคนไปทำให้คุณตกใจ ทำให้คุณรู้สึกช็อก ต้องขอโทษด้วยนะครับ มู่เฉิงน้ำเสียงจริงใจ เวินลั่วฉิงกลับอารมณ์ไม่ดี เดิมที คำขอโทษของมู่เฉิงเธอเต็มใจยอมรับ แล้วก็รู้สึกว่าเขาจริงใจอยู่เหมือนกัน แต่นั่งอยู่ข้างๆเย่ซือเฉิน เธอก็รู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน ตอนที่วีดิโอก่อนหน้านี้ ก็บอกไปหมดแล้ว จริงๆแล้วเวินลั่วฉิงยกโทษให้มู่เฉิงเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้แค่เคร่งขรึมขึ้นนิดหน่อย ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลย แต่สายตาที่เย็นชาของเย่ซือเฉินทำให้เธอกระวนกระวายอยู่ไม่สุข ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เย่ซือเฉินก็มองเธอ กล่าวโทษเธอด้วยการแสดงออกแบบเดิมๆ
แต่ว่า ความกดดันแบบนี้ เวินลั่วฉิงยังพอรับไหว เธอมองต่ำลง หัวหน้าน้อย ก่อนหน้านี้คุณก็ขอโทษไปแล้ว สถานการณ์ในตอนนั้น จื่อซีกับจื่อโม่ก็อธิบายแล้ว คุณไม่ได้เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แค่ต่อไปอย่าล้อเล่นแบบนี้อีก ฉันก็ยอมรับคำขอโทษของหัวหน้าน้อยแล้ว
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่วางใจลง มู่เฉิงยิ้มเบาๆ ครับ ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน
ถังจื่อซีค่อนข้างดีใจ เข้าไปซบที่ตัวของเวินลั่วฉิง หัวเราะคิกๆพร้อมกับพูดขึ้น หม่ามี๊ไม่ต้องเป็นห่วง ลุงมู่เฉิงดีกับพวกเรามากๆ!พวกเราก็ชอบลุงมู่เฉิงมากเหมือนกัน แล้วก็คุณปู่ซ่างกวนด้วย หนูชอบคุณปู่ช่างกวนมากๆเลย!หม่ามี๊ก็ชอบคุณปู่ซ่างกวนเหมือนกันใช่ไหม! ถังจื่อซีรู้ว่าDNAของเธอกับซ่างกวนหงกำลังตรวจสอบอยู่ เร็วที่สุดสามวันผลก็ออกมาแล้ว
จริงๆแล้ว ในใจของถังจื่อซี เธอมองว่าซ่างกวนหงเป็นปู่ของเธอไปเรียบร้อยแล้ว แน่นอนต้องคาดหวังว่าเวินลั่วฉิงก็จะชอบซ่างกวนหงเหมือนกัน แบบนี้ พวกเขาก็จะสามารถเข้ากันได้
เวินลั่วฉิงลูบหัวของถังจื่อซี ถังจื่อซีเวลาทำอะไร ก็มักจะเอาตามความรู้สึกของตัวเอง ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จะไม่เอาเปรียบตัวเอง ตอนนี้เธอชอบซ่างกวนหง เธอก็จะหวังว่าคนในครอบครัวก็จะชอบด้วยเหมือนกัน เวินลั่วฉิงเข้าใจ ก็เลยพยักหน้าอย่างยิ้มๆ ใช่สิ แม่ก็ชอบคุณปู่ซ่างกวนเหมือนกัน คนที่จื่อซีชอบ แม่ก็ชอบเหมือนกัน
เดิมทีซ่างกวนหงได้ยินเวินลั่วฉิงบอกว่าชอบ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก แต่ พอได้ยินเวินลั่วฉิงบอกว่าเป็นเพราะถังจื่อซีชอบ ก็เลยชอบตาม เขาก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย เขาไม่อยากให้เวินลั่วฉิงมาชอบเขาเพราะว่าคนอื่น ความรู้สึกแบบนี้มันอยู่ไม่นาน รักใครแล้วก็ต้องรักทุกสิ่งที่เป็นเขา ถ้าเกิดมีวันหนึ่ง ถังจื่อซีไม่ชอบเขาแล้วล่ะ? ไม่ยอมเช้าใกล้เขาแล้วล่ะ? ถ้าอย่างนั้น เวินลั่งฉิงก็จะไม่เข้าใกล้เขาตามถังจื่อซีเหรอ? ซ่างกวนหงไม่สามารถรับเรื่องแบบนี้ได้ แต่จากจุดยืนของเขา ไม่สามารถพูดเรื่องนี้ได้เลยด้วยซ้ำ ทำได้แค่อยู่นิ่งเงียบเท่านั้น
เวินลั่วฉิงสังเกตเห็นความผิดปกติของซ่างกวนหง เมื่อตะกี้ยังอ่อนโยนเป็นมิตรอยู่เลย ใบหน้าดูยิ้มแย้มไม่น้อย เหมือนกับกองหิมะภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้าในช่วงฤดูหนาว แสงแดดอ่อนๆที่สาดส่องลงมา ทำให้รู้สึกอบอุ่นไม่น้อย แต่ตอนนี้ รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นได้ง่ายๆนั้นกลับหายไปแล้ว แทนที่ด้วยความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง แถมยังดูเหินห่าง ถึงขนาดที่ ดูสิ้นหวังอยู่ไม่น้อย
เวินลั่วฉิงไม่เข้าใจ ว่าทำไมจู่ๆซ่างกวนหงถึงเจ็บปวดใจ พวกเขาต่างก็อยู่ในห้องรับแขก เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย ความรู้สึกนี้มาอย่างรวดเร็ว ตอนที่เวินลั่วฉิงรับรู้ได้นั้น ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด เธอขมวดคิ้ว นี่มัน……เกิดอะไรขึ้น? ไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกเสียใจให้กับคนแปลกหน้าคนหนึ่งแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง แต่เพราะว่าเขาดูเศร้าโศกเสียใจ
เวินลั่วฉิงไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปได้ยังไง เธอมีความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง? แต่ความเจ็บปวดที่หัวใจ คอยเตือนเธออยู่ตลอดเวลา ว่าความรู้สึกของเธอมันไม่ได้ผิดเพี้ยน