ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1659 มู่เฉิงที่อยู่เฉยๆแต่กลับโดนซะอย่างนั้น
- Home
- ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
- บทที่ 1659 มู่เฉิงที่อยู่เฉยๆแต่กลับโดนซะอย่างนั้น
มู่เฉิงหมดหนทาง นี่อยู่เฉยๆก็โดนเฉยเลยใช่ไหม? เห็นๆอยู่ว่าไม่ได้พูดอะไรเลยสักนิด แต่กลับถูกคนอื่นพูดถึงซะอย่างนั้น เขาเปิดปากพูดขึ้นด้วยความไม่เป็นธรรม
พ่อเลี้ยง
ซ่างกวนหงสบถหึออกมาอย่างเย้ยหยัน จงใจทำเป็นออเซาะอ่อนแอเพื่อทำให้เขาใจอ่อนเหรอ? เขาไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากอีกมุมหนึ่งแล้ว มู่เฉิงก็จำเป็นต้องแต่งงานแล้วจริงๆ ถึงยังไง เวินลั่วฉิงที่อายุน้อยกว่าเขา ก็มีลูกอายุตั้งห้าขวบแล้ว!หลังจากที่ซางกวนหงนึกถึงถังจื่อซีและถังจื่อโม่ ใจก็อ่อนลงทันที
เขาเปิดปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ นายดูคุณชายสามเย่กับเวินลั่วฉิงสิ มีลูกอายุตั้งเท่าไรกันแล้ว นายยังไม่มีแม้กระทั่งแฟนสักคน
มู่เฉิงกุมหน้าผาก เขาไม่อยากหาแฟนจริงๆนี่นา รู้สึกว่าน่ารำคาญ มันพัวพันไม่เป็นอิสระขนาดนั้น สู้อยู่คนเดียวสบายใจกว่าตั้งเยอะ
พ่อเลี้ยง ก็มันไม่มีคนที่เหมาะสมเลยนี่ครับ? ถ้าเกิดมีผู้หญิงแบบเวินลั่วฉิง ป่านนี้ผมไปไล่ตามจีบตั้งนานแล้ว มู่เฉิงพูดขึ้น ไม่สนใจสีหน้าที่เยือกเย็นของเย่ซือเฉิน เวินลั่วฉิงยกคิ้วขึ้น ช่างกล้าเหลือเกิน พวกเขายังอยู่ที่นี่กันอยู่นะ!
เธอเปิดปากพูดอย่างมีความหมายนัยยะ คำพูดนี้ของหัวหน้าน้อยไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนะคะ?
มู่เฉิงพยักหน้า พูดขึ้นอย่างไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว ผมก็แค่ยกตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่น
รู้ว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน ในใจรู้สึกอึดอัดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เย่ซือเฉินไม่ชอบคำพูดของมู่เฉิง คิดๆแล้วก็ดันกล่องกล่องหนึ่งออกมา ก่อนหน้านี้หัวหน้าน้อยซื้อของให้จื่อซีกับจื่อโม่มาไม่น้อย ผมยังไม่ได้ขอบคุณเลย นี่ถือซะว่าเป็นของกำนัลก็แล้วกันนะครับ
มู่เฉิงรู้สึกว่ามันจะต้องไม่ใช่ของดีแน่ๆ แต่ก็รับเอาไว้ เปิดออก ข้างในคือไพลินหนึ่งเม็ด ประมาณ10กะรัต เป็นอัญมณีระดับเก็บสะสม ราคาแพงสุดๆ
ดูดี ราคาแพง แต่ว่า……เอามามอบให้กับเขามันไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า? มู่เฉิงเม้มปาก ผู้ชายไม่สนใจพวกของเครื่องประดับอยู่แล้ว เย่ซือเฉินมอบสิ่งนี้มาหมายความว่ายังไง? เห็นๆอยู่ว่ามีคนที่เหมาะสมมากกว่าอีกนะ? เขาครุ่นคิดพลางพูดถามออกมา คุณชายสามเย่แน่ใจนะครับว่าไม่ได้ให้ผิดคน? อัญมณีเม็ดนี้ มอบให้กับคุณเวินมันเหมาะสมมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยนะครับ
เย่ซือเฉินพูดอย่างนิ่งๆ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ก็ต้องดูที่คน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหัวหน้าน้อยไม่ชอบ ก็เอาไปมอบให้คนอื่นได้ ตอนที่ทางฝั่งของพวกคุณขายของ ก็มีคนมอบเครื่องประดับให้จื่อซีด้วยไม่ใช่เหรอครับ?
อัญมณีเม็ดนี้ เป็นของที่คนอื่นมอบให้กับเย่ซือเฉิน ตอนที่เย่ซือเฉินรับเอาไว้ไม่ได้คิดว่าจะเอาไปทำอะไร แต่จิตใต้สำนึกก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมอบให้กับเวินลั่วฉิง ในใจของเขาคิดว่า ของทุกอย่างที่ให้กับเวินลั่วฉิง จะต้องเป็นของที่ตนเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ของที่คนอื่นให้มา เขาจะไม่ทางส่งต่อให้เวินลั่วฉิงอย่างแน่นอน
มู่เฉิงรู้สึกว่าอัญมณีเม็ดนี้ถือแล้วหนักมากๆ เขาไม่ได้กะที่จะให้หลินฉือ เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายต่างสมยอมกัน แถมของที่หลินฉือมอบให้ ก็เป็นของที่ให้กับถังจื่อซี แล้วถังจื่อซีก็รับมิตรภาพของหลินฉือแล้ว ต่อไปอาจจะได้คบค้าสมาคมกัน ไม่จำเป็นต้องให้เขาทำเรื่องอะไรมากมาย
แต่ว่า พอคิดถึงสถานภาพของหลินฉือ รู้สึกว่าของกำนัลนี้ดูเหมือนจะไม่เลวเลยเหมือนกัน เขาพยักหน้า ดูสักหน่อย ถ้าเกิดได้เจอกับหลินฉือ ผมก็ค่อยมอบต่อให้กับเธอก็แล้วกัน แต่ว่า……ไม่รู้ว่าจะได้เจอไหมนะ
มู่เฉิงรู้สึกสนใจในตัวของหลินฉืออยู่ไม่น้อย สู้บอกว่า ที่มู่เฉิงสนใจจริงๆก็คือตระกูลโม่จะดีกว่า ไหนจะมีเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอีก ทำไมการตายของหลินหว่าน ถึงถูกลืมไปได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
ถ้ามีโอกาสได้ตรวจสอบ มู่เฉิงก็จะไม่ปฏิเสธ เขาไม่สามารถให้ของกับหลินฉือได้ แต่ถ้าอ้างถึงสถานภาพของพ่อถังจื่อซี ก็น่าจะได้อยู่
เย่ซือเฉินไม่รู้ว่ามู่เฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ แค่เตือนเขาทางอ้อม ว่าเวินลั่วฉิงมีครอบครัวแล้ว มีลูกแล้วด้วย เขาห้ามลืมเด็ดขาด
ซ่างกวนหงรู้สึกผิดต่อหลินหว่านแต่ก็ไม่ได้ห้ามให้มู่เฉิงติดต่อกับครอบครัวของหลินหว่านปล่อยให้มู่เฉิงไปมาหาสู่ต่อไป ส่วนหลินฉือ ซ่างกวนหงไม่ได้สนใจ หลักๆแล้วความสนใจของเขาจะอยู่ที่เวินลั่วฉิงซะมากกว่า
ส่วนเวินลั่วฉิงก็นั่งอย่างนิ่งเงียบมาโดยตลอด สีหน้ายิ้มอย่างพอเหมาะพอควร ซ่างกวนหงรู้สึกว่า เวลาในตอนนี้ ผ่านไปช้ามากๆ ช้าถึงขั้นที่เขาสามารถดื่มด่ำได้ถึงความนิ่งสงบในแต่ละวินาที
ช่วงเวลาใกล้เที่ยง เวินลั่วฉิงขอตัวก่อน ซ่างกวนหงรั้งให้พวกเขากินอาหารเที่ยงกันสักมื้อ แต่เห็นได้ชัดว่ากระตือรือร้นจนเกินไป ความสัมพันธ์ของพวกไม่ได้ดีขนาดนั้น ก็เลยยอม ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่พาสัมพาระออกไปจากที่นี่
ระหว่างทางถังจื่อซีส่งเสียงจ๊อกแจ๊กๆ เอาแต่ถามความคิดที่เวินลั่วฉิงมีต่อซ่างกวนหงอย่างไม่หยุดไม่หย่อน เวินลั่วฉิงทนการรบเร้าของพวกเขาไม่ไหว ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ซ่างกวนหงล่ะก็ สำหรับหม่ามี๊แล้ว เป็นคนที่มีสติปัญญาหลักแหลม สุขุม แข็งแกร่ง ทำให้คนอดชื่นชมไม่ได้คนหนึ่งเลย
หม่ามี๊ ช่วยบอกความคิดของตัวเองได้ไหม!ว่าในใจรู้สึกยังไง! ถังจื่อซีไม่พอใจกับพวกคำพูดที่สุภาพเกรงใจเหล่านี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ช่วยพูดให้มันเป็นกันเองกว่านี้หน่อยได้ไหม? อย่างเช่น เธอมองว่าซ่างกวนหงคนนี้เป็นคนยังไง? รู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อหรือว่าเหินห่าง? มีความรู้สึกสนใจที่จะปฏิสัมพันธ์ด้วยไหม? ถังจื่อซีรู้สึกสนใจสุดๆ
เวินลั่วฉิงคิดอย่างจริงจัง จัดการกับอารมณ์เมื่อตะกี้ของตัวเองให้เรียบร้อย หม่ามี๊รู้สึกว่าเขาถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีความสนิทใกล้ชิดคนหนึ่งเลย ตอนที่ยิ้มก็อบอุ่นมากๆ ทำให้รู้สึกอยากที่จะเข้าใกล้อยู่ไม่น้อย
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า ความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อซ่างกวนหงกับคนอื่นๆไม่เหมือนกัน แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยเชื่อคนที่เพิ่งจะเจอกันแค่ครั้งแรกเลย ซ่างกวนหงเป็นคนแรก ความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจนี้มันมาจากเหตุผลบางอย่างที่อยู่ภายในใจของเธอ แต่เธอไม่รู้
เย่ซือเฉินมองเวินลั่วฉิงด้วยความแปลกประหลาด นี่มันไม่เหมือนตัวเธอเลย ถึงผิวเผินเธอจะดูใจกว้างอ่อนโยน จริงๆแล้ว ภายในใจจะไม่ยอมเชื่อคนง่ายๆ ทำไมซ่างกวนหงถึงเป็นข้อยกเว้นได้ล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซ่างกวนหงมีอายุรุ่นพ่อของเวินลั่วฉิง แถมยังมีผู้หญิงแล้วก็ลูกสาวที่รักมากแล้ว เย่ซือเฉินก็จะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึงแล้วนะ แน่นอนว่า ตอนนี้ก็มี แต่แค่ถูกเขาควบคุมเอาไว้เป็นอย่างดี ไม่ได้แสดงออกมา ถึงยังไง นี่ก็เป็นคนที่ไม่ต้องเอาเก็บไปคิดมากอะไรเท่าไรอยู่แล้ว
ถังจื่อซีพอใจกับคำตอบของเวินลั่งฉิงมาก ง่ายๆก็คือจัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อพ่อลูกที่ไม่เคยรู้จักกัน มีความรู้สึกที่สนิทชิดเชื้อ แต่ไม่คุ้นเคย รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ปลอดภัย อ่อนโยน น่าเข้าใกล้ ถ้าอย่างนั้นต่อไปพอได้มาอยู่ด้วยกันมีปฏิสัมพันธ์กันก็จะพอเหมาะพอเจาะเลยสินะ?
ถังจื่อซีวางใจลงแล้ว ในใจของเธอแฝงไปด้วยความลับมากมาย เช่น มีแค่เธอเท่านั้น ที่รู้ว่าตนเองกับซ่างกวนหงได้ทำการตรวจยืนยันความสัมพันธ์กัน เธอแอบพูดเอาไว้กับซ่างกวนหงแล้วว่า ถ้าผลออกมาให้บอกเธอด้วย ถ้ายืนยันแล้วว่าซ่างกวนหงกับเวินลั่วฉิงมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกัน ถ้าอย่างนั้น เธอก็จะช่วยให้เวินลั่วฉิงยอมรับซ่างกวนหง ยอมรับความจริงนี้ให้โดยเร็วที่สุด ถึงตอนนั้นซ่างกวนหงก็จะเป็นตาของเธอแล้ว ถ้าไม่ใช่……นี่ก็จะกลายเป็นความลับตลอดไป จะไม่มีใครพูดออกมาทั้งนั้น แต่ว่า ซ่างกวนหงยังจะปฏิบัติต่อจื่อซีและจื่อโม่เหมือนกับเมื่อก่อน ยังสนิทใกล้ชิดกันเหมือนเดิม
ถังจื่อซีรู้สึกแอบคาดหวังอยู่ภายในใจ อารมณ์ดีสุดๆ เธอถือโอกาสพูดถึงเรื่องอื่นด้วยเลย หม่ามี๊ ชอบนางแบบไหม?
ถังจื่อโม่พอได้ฟังก็รู้ทันทีว่าถังจื่อซีกะที่จะพูดอะไร หันความสนใจไปที่เวินลั่วฉิงและถังจื่อซี
เวินลั่วฉิงรู้สึกประหลาดใจ ทำไมจู่ๆถังจื่อซีถึงพูดถกเรื่องนี้ขึ้นมา เธอพูดออกมาโดยไม่คิด ก็ถือว่าชอบอยู่นะ ปกติแล้วนางแบบจะหุ่นแล้วก็บุคลิกดีมากๆ
ถ้าอย่างนั้น……หม่ามี๊ยอมให้หนูเป็นนางแบบไหม? ถังจื่อซีกระพริบตา มองเวินลั่วฉิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง เวินลั่วฉิงรู้สึกสงสัย ทำไมจู่ๆถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา? แถมเป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดพิจารณามาก่อนด้วย
นี่เป็นความคิดที่ลูกเพิ่งจะคิดได้กะทันหัน หรือว่าคิดพิจารณามาก่อนแล้วถึงมาปรึกษาหม่ามี๊? เวินลั่วฉิงครุ่นคิดพิจารณา ก่อนจะถามขึ้นอย่างจริงจัง สีหน้าของเธอเข้มงวด แต่ไหนแต่ไรถังจื่อซีไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อน เธอไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าไม่ใช่ว่ามีใครมาพูดอะไรกับเธอ เธอไม่มีทางพูดถึงแน่นอน
เย่ซือเฉินงุนงง ชาติวงศ์ตระกูลแบบพวกเขา เข้าร่วมแวดวงไฮโซกับวงการบันเทิงน้อยมากๆ ที่ไปก็ไปเล่นๆไม่จริงจังทั้งนั้น ไม่มีทางเข้าไปในสายงานแบบนี้แบบจริงๆจังๆแน่นอน หรือว่า ฉิงฉิงคิดพิจารณาถึงเรื่องนี้แล้วอย่างนั้นเหรอ?
แต่ว่า จิตใจของเขาไม่ค่อยอยากจะยอมให้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เข้าไปในแวดวงไอโซหรือไม่ก็วงการบันเทิงเท่าไร ก็เลยเพ่งความสนใจไปที่บทสนทนาของถังจื่อซีและเวินลั่วฉิง
ถังจื่อซีก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเหมือนกัน พี่หลินฉือค่ะ เธอบอกว่าหนูสามารถเป็นนางแบบได้ ให้ไปเซ็นกับทางVG ถ้าไม่ได้ล่ะก็ ไปเป็นนางแบบให้กับพี่หลินฉือแทน
เวินลั่วฉิงอึ้งตะลึงไป VGจะรับถังจื่อซี? พูดยังไงดีล่ะ? คนที่ได้เซ็นกับVG ล้วนแต่เป็นคนที่มีอิทธิพลในแวดวงไฮโซ วงการบันเทิงกันทั้งนั้น คนมากมายยอมทุ่มสุดกายสุดใจเพื่อที่เบียดเข้าไปVG นี่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน ตอนนี้……VGเป็นฝ่ายมาหาถึงที่เองเลย? หรือว่าไม่รู้ถึงสถานภาพของถังจื่อซี แค่เห็นจากข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น? ว่ากันตามตรง เวินลั่วฉิงรู้สึกไม่เชื่ออยู่นิดหน่อย