ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1668 จากกันอย่างมีสติ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาเย่อหยิ่งเกินไป หากในช่วงห้าปีนั้น เขาเคยคิดที่จะพูดคุยกับหลิวหยิงดีๆ กระทั่งเป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ระหว่างเขาและหลิวหยิงคงจะไม่มาถึงวันนี้จุดๆนี้
ถ้าตอนนั้นเขาบอกกับหลิวหยิง หลิวหยิงตอนนั้นอาจล้มทรุด อาจจะสิ้นหวัง แต่…จะไม่ไร้หัวใจขนาดนี้ ระหว่างพวกเขา จะมีความอบอุ่นและที่ว่าง ช่วงเวลานั้น ขอแค่เขาให้พื้นที่แก่หลิวหยิง ทำให้หลิวหยิงรู้สึกถึงความรัก ถึงแม้จะมีช่วงเวลาที่เย็นชาสักช่วง แต่ ก็ยังมีโอกาส ส่วนตอนนี้… ระหว่างพวกเขา นอกจากความรู้สึกที่แตกสลายแล้ว ยังเหลือร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้าอีกด้วย
ซือถูมู่หรงมองหลิวหยิง เธอก้มหน้าหลุบตาต่ำ มองสีหน้าไม่ออก แต่ว่า ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว และอ้างว้าง ความรู้สึกแบบนั้น รู้สึกไม่ดี อย่างน้อยก็ไม่ค่อยได้เห็นจากตัวหลิวหยิง เขาพอจะนึกถึงสีหน้าของหลิวอิงออก น่าจะขมวดคิ้วเล็กน้อย เม้มปากแน่น สายตาดื้อรั้นและแน่วแน่ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร เธอก็จะไม่พูดอะไรมาก ถ้าหากมองคุณ เธออาจจะเลือกมองตรงๆ มองคุณอย่างเย็นชา นี่คือความรู้สึกอย่างหนึ่งคล้ายกับเค้นถาม แล้วก็เป็นไปได้ว่า สายตาเพียงแค่เลื่อนลอยไปด้านข้าง ไม่มองคุณสักนิด ปล่อยให้คุณแสดงตามสบาย ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ คุณดูสิ ตัวเองเข้าใจเธอดีแค่ไหน อาจจะ ยังคงจนตรอกอยู่เหมือนเดิม
ซือถูมู่หรงอาลัยอาวรณ์ที่จะก้าวเดิน จากไปครั้งนี้ ระหว่างพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้วจริงๆ เขาตัดสินใจ จะทำตามการตัดสินใจนี้ ไม่มารบกวน ไม่มาพัวพัน เขาไม่รู้ว่าเขาจะสนใจหลิวหยิงหรือไม่ ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ตัวเองใจเต้น เขากลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนกับเธอ
หลิวหยิงก้มหน้าอย่างนิ่งเงียบ คนตรงหน้าไม่ได้ขยับ เธอยังคงมองเห็นรองเท้าหนังของเขาชัดเจน ยังคงวาววับ เช่นเดียวกับตัวของเขา ไม่ว่าเวลาไหน ก็สะอาดและมีสติ คนแบบนี้ เป็นเพื่อนกำลังดี เป็นคนรัก กลับรู้สึกน่ากลัว ซือถูมู่หรง เป็นคนอันตรายคนหนึ่ง ตอนนี้…นี่คือคำจำกัดความที่หลิวหยิงมีต่อเขา
หลิวหยิงเงยหน้าขึ้น แสงแดดส่องเข้ามาในดวงตา เวียนหัวไปครู่หนึ่ง คนตรงหน้าก็พร่ามัว ราวกับถูกเคลือบด้วยแสงอีกชั้น ขุ่นมัวและสวยงาม หลิวหยิงเหมือนจะเห็นรอยยิ้ม เห็นวัยรุ่นที่มีชีวิตชีวา น่าเสียดาย…พวกเขาพบกัน กลับเป็นความผิดพลาด
ประธานซือถูไม่ไปหรอ? หลิวหยิงถาม เมื่อกี้ พูดชัดเจนพอแล้ว ซือถูมู่หรงก็ตอบ ว่าจะเคารพการตัดสินใจของเธอ นี่ทำให้หลิวหยิงรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย เธอไม่ต้องการหลบๆซ่อนๆอีก ซือถูมู่หรงปล่อยเธอไปแล้ว แน่นอนว่าเธอก็จากไปได้แล้ว
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรตอนได้ยินประโยคนั้น โล่งใจ สงบ เศร้า น้อยใจ… ความรู้สึกมากมายล้นออกมาในทันที หลิวหยิงรู้สึกสับสนไปชั่วขณะ กระทั่งควบคุมสีหน้าไม่ได้แม้แต่น้อย เลยก้มหน้าก้มตา เธอต้องการเวลาเพื่อยอมรับเรื่องนี้
ส่วนซือถูมู่หรงยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ เธอไม่สามารถปล่อยตามความคิดตัวเองได้ ดังนั้น…เธอจึงทำได้แค่เตือนซือถูมู่หรง
ซือถูมู่หรงสงสัยว่าตัวเองจะได้ยินผิดไปชั่วขณะ หลิวหยิงถาม: ทำไมตัวเองไม่ไป? นี่คือ…กำลังเร่งเขาออกไปงั้นหรอ? กำลังไล่เขา? อ่อ ใช่แล้ว หลิวหยิงกำลังเร่งให้ตัวเองจากไปจริงๆ ระหว่างพวกเขา ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ที่แท้ หลิวหยิงรอแทบไม่ไหวที่จะให้ตัวเองจากไป ซือถูมู่หรงได้ยินในใจของตัวเองพูดแบบนี้ แต่บนหน้ายังคงสงบนิ่ง เมื่อเทียบกับตวามไร้หัวใจเมื่อกี้ ประโยคนี้จะเป็นอะไรไปล่ะ? หรือว่าหลิวหยิงสุดท้ายยังต้องพูดห่วงใยตัวเองด้วย? ซือถูมู่หรงยิ้มเย้ยหยัน ก็ยังดี หลิวหยิงสุดท้ายพูดแบบนี้ออกมา ตัวเอง…จากไปได้จริงๆแล้ว
ซือถูมู่หรงคิด มองหลิวหยิงทีหนึ่ง เขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ ทุกอย่างระหว่างพวกเขาไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ถ้าอย่างนั้น…จะพูดอะไรได้อีก? เขาอยากจะพูดประโยคหนึ่งให้หลิวหยิงดูแลตัวเองดีๆ แต่…มีแม่ของเธออยู่ หลิวหยิงจะไม่ดีได้ยังไง เขาอยากจะบอกว่า เขาไปแล้ว แต่ว่า หรือจิตใต้สำนึกคือเขายังจะกลับมาอีกหรอ? เขาอยากจะบอกว่า อนาคตจะต้องมีชีวิตที่ดีนะ แต่ว่า เขาพูดไม่ออก เพราะว่าเขาไม่มีทางมีชีวิตที่ดีแน่ แล้วทำไมจะต้องอวยพรให้หลิวหยิงมีชีวิตที่ดีด้วยล่ะ? ดังนั้น…ซือถูมู่หรงไม่พูดอะไรสักคำ หันหลังกลับและจากไปจากที่นี่
หลิวหยิงมองซือถูมู่หรง แผ่นหลังของเขาสูงใหญ่ แต่ในขณะนี้กลับดูเหงามาก และครั้งนี้จากไปอย่างไร้ความรู้สึก ไม่พูดอะไรสักคำ หลิวหยิงคิด คงจะประมาณนี้แหละ พวกเขาควรจะเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยู่ร่วมกัน เขาเป็นประธานของเขา อยู่เหนือผู้อื่น เด็ดขาด รอบกายสาวงามมากมาย เธอเป็นตัวเธอเอง ใช้ชีวิตเรียบง่าย อยู่ด้วยกันกับแม่ อยากไปที่ไหนก็ไป ระหว่างพวกเขา เดิมทีก็ไม่เหมือนกัน ตอนนี้…ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว
คุณแม่หลิวเห็นอาการเหม่อลอยของหลิวหยิง เลยสกิดเธอเล็กน้อย หลิวหยิงไม่ขยับ คุณแม่หลิวก็ยืนอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนหลิวหยิง เมื่อก่อนเธอไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลิวหยิงกับซือถูมู่หรง แต่ตอนนี้เห็นแล้ว รู้สึกว่าประเมินความรักของซือถูมู่หรงที่มีต่อหลิวหยิงต่ำเกินไป ตั้งแต่หลังจากที่เธอออกมา การติดต่อระหว่างซือถูมู่หรงและหลิวหยิง ก็เหมือนจะเข้าสู่สภาวะหยุดชะงัก พวกเขาราวกับเป็นครั้งแรกที่ได้ระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา ส่วนซือถูมู่หรง ไม่ได้ตอแย แค่มองหลิวหยิง เธอมองออกถึงความดิ้นรนและความสิ้นหวังของซือถูมู่หรง ถึงสุดท้าย จะเหลือเพียงความสิ้นหวัง ท่าทางของเขานิ่งสงบ สำหรับก้นบึ้งของหัวใจ ไม่อาจรู้
คุณแม่หลิวตอนนี้เป็นห่วงหลิวหยิง ไม่รู้ว่าหลิวหยิงตระหนักถึงหรือไม่ ว่าเมื่อกี้คำพูดของเธอไร้หัวใจแค่ไหน ลบสถานะของคู่กรณีออกไป ถ้าเธอไม่ใช่แม่ของหลิวหยิง ไม่รู้เรื่องเมื่อตอนนั้น เธอก็คงคิดว่า นี่คือผู้หญิงที่ไม่มีหัวใจคนหนึ่ง
เวลาห้าปี บอกว่าจะทิ้งก็ทิ้ง แถมยังพูดโดยไม่เสียดายความรักเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าที่ไร้หัวใจที่สุด คือเธอมีความคิดต่ออนาคตของตัวเอง มีความหวัง แต่กลับตัดผู้ชายคนนั้นออกไป นี่คือพลังใจระดับไหน ถึงทำให้เธอละทิ้งคนที่อยู่ด้วยกันมาห้าปีได้?
แต่ว่า คุณแม่หลิวเข้าใจหลิวหยิง ความรู้สึกระหว่างเธอและซือถูมู่หรง ตั้งแต่แรกคือความว่างเปล่า ก็เหมือนกับสะพาน พื้นฐานในตอนแรกก็คือผุพัง ใช้เวลาห้าปีสร้างอย่างยากลำบากแล้วยังไง แค่เพียงแตกแยก ก็พังทลายหมดสิ้น
ต้องบอกว่า คุณแม่หลิวรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ซือถูมู่หรงพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วยังไง สิ่งที่ไม่ควรได้รับ ยังไงก็ไม่ได้มา ความตาย เป็นเพียงแค่เรื่องชั่วครู่ แต่ความทรมาน โดยเฉพาะความทรมานในหัวใจ ถึงจะคอยตามติดไม่ห่าง ทั้งชีวิต ไม่ ไม่มีทางนานขนาดนั้น สองสามปีนี้ ซือถูมู่หรงก็อย่าได้คิดจะเดินออกมาได้ คุณแม่หลิวรู้สึกสะใจ เรื่องซือถูมู่หรงกับตระกูลหลิวตอนนั้น ในที่สุดก็ย้อนกลับไปด้วยวิธีที่แตกต่าง พวกเขายังมีคนในครอบครัวอยู่ด้วย แต่ซือถูมู่หรง ได้แต่อยู่คนเดียวแล้ว ระหว่างแม่ของเขากับเขา เพราะคุณนายซือถูบอกเรื่องเมื่อตอนนั้นแก่หลิวหยิง เลยเกิดช่องว่างไปแล้ว และช่องว่างนี้ ในแง่หนึ่ง ไม่สามารถชดเชยได้ง่ายๆ ดังนั้น…ซือถูมู่หรงทำได้แค่ปลอบใจตัวเอง ความเจ็บปวดที่เชื่องช้าและเป็นความลับ เป็นความทรมานอย่างแท้จริง
คุณแม่หลิวอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ แต่เมื่อมองหลิวหยิง เธอก็ยิ้มไม่ออกแม้แต่น้อย นี่คือการทำร้ายกันทั้งสองฝ่าย หัวใจของหลิวหยิง แน่นอนว่าก็อึดอัดเหมือนกัน กระทั่ง…อาจจะอึดอัดมากกว่า…ซือถูมู่หรงด้วยซ้ำ นอกเสียจาก…ตั้งแต่แรก หลิวหยิงก็ไม่เคยสนใจซือถูมู่หรงเลย
แต่ว่า…นั่นเป็นไปไม่ได้ คุณแม่หลิวพูดในใจ ลูกสาวของเธอ เป็นคนอ่อนโยนและมีความรู้สึกยืนยาว เมื่อกี้เธอพูดอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกพวกนั้นถูกเก็บไว้ในใจตลอด ไม่ได้ปล่อยออกมา ดังนั้นหลิวหยิงถึงสงบนิ่งขนาดนี้ได้ หน้าตาไม่ปกติ แต่ว่า พอความรู้สึกห้าปีระเบิดออกมา หลิวหยิงก็ควบคุมไม่ได้เลย!
คุณแม่หลิวไม่ได้รู้สึกว่าระหว่างหลิวหยิงกับซือถูมู่หรงไม่มีความรู้สึกต่อกัน อย่างไร เวลาห้าปี ทั้งๆที่เป็นเพชฌฆาต นักออกแบบ กลับใจเต้นต่อเป้าหมายแก้แค้นของตัวเอง นับประสาอะไรกับหลิวหยิง? ระยะเวลาห้าปี หลิวหยิงเห็นซือถูมู่หรงเป็นผู้มีพระคุณมาตลอด จะไม่เชื่อฟังหรือไง? ยิ่งไปกว่านั้น ซือถูมู่หรงผู้ชายแบบนั้น ถ้าหากมีใจอยากจะจีบหลิวหยิง หลิวหยิงทำไมจะไม่หวั่นไหวล่ะ? ตอนนี้หลิวหยิงนิ่งสงบลงแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะ เธอไม่เชื่อว่าระหว่างเธอกับซือถูมู่หรงมีความรู้สึกต่อกันจริงๆ เธอถือว่าเวลาห้าปี แค่อยู่ในการแก้แค้นเท่านั้น ดังนั้น ถึงไม่อนุญาตให้ตัวเองหวั่นไหว ไม่อนุญาตให้ตัวเองใจอ่อน เพราะงั้นถึงได้พูดคำพูดที่ไร้หัวใจมากพออย่างไม่สนใจแบบนั้น ถ้าหาก…หลิวหยิงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของซือถูมู่หรง และซือถูมู่หรงยังไม่บอกยอมแพ้ต่อหลิวหยิง…คุณแม่หลิวไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ยิ่งกลัว กลัวว่าในใจหลิวหยิงจะเอาแต่คิดถึงซือถูมู่หรงตลอด ความรู้สึกพวกนั้นจะค่อยๆซึมออกมา