ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1685 กดดันเกินไปแล้ว
เธอดีใจกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ หลิวหยิงค่อยๆเรียนรู้ แยกตัวออกมาจากซือถูมู่หรงอย่างสิ้นเชิงแล้วไม่ให้เขามีผลกระทบต่ออารมณ์ของตัวเอง
เวินลั่วฉิงคิดถึงการเปลี่ยนแปลงของหลิวหยิงในใจตลอดเวลา เธอไม่ได้ตั้งใจโฟกัสไปที่หลิวหยิง เพราะว่าเธอรู้ดีว่า เวลาที่หลิวหยิงต้องการความช่วยเหลือ จะมาพูดกับเธอเอง ส่วนตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ
หลายวันมานี้ การตัดสินของไป๋ยี่รุ่ยก็ออกมาแล้ว ถูกจำคุกห้าปี เวลาแบบนี้ถือว่าไม่ยาว และไม่สั้นเลยนะ เพียงแต่ว่าดีกว่าตอนนั้น ก่อนหน้านี้เธอยังคิดอยู่เลยว่า เรื่องนี้จะเกิดการถกเถียงขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ คิดไม่ถึงเลยว่าราบรื่นดี ในโลกออนไลน์ก็ไม่ค่อยมีการถกเถียงกันสักเท่าไหร่ ยังไงซะ ตั้งใจมองดูดีๆแล้ว ไป๋ยี่รุ่ยก็ถูกทำร้ายเลยไม่น้อยทีเดียว
ที่น่าแปลกใจก็คือตั้งแต่ต้นจนจบถังไป๋เชียนไม่เคยปรากฏตัวเลย ไม่ทำเรื่องชั่วอีกแล้ว ที่สำคัญปกปิดร่องรอย เหมือนกับหายตัวไปเลย ซึ่งหาไม่เจอเลย
เย่ซื้อเฉินให้คนแอบตามหามาโดยตลอด ยังไงซะเป็นระเบิดที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลา ใครก็ไม่สบายใจกันทั้งนั้น
เวินลั่วฉิงก็ไม่สบายใจ เธอไม่รู้ว่าถังไป๋เชียนไปไหนกันแน่ แต่เข้าใจดีว่า ถ้าเขาตั้งใจซ่อนตัว พวกเขาหายากจริงๆ ได้แต่พยายามอย่างสุดความสามารถ
เพียงแต่ว่า ตอนนี้เวินลั่วฉิงกังวลที่สุด กลับเป็นถังจื่อโม่ เขาตามมู่เฉิงไปที่องค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าถึงรึยัง
หลายวันมานี้ถัวจื่อซีก็แปลกๆ จ้องเธอตลอดเวลาแบบงุนงง และถามเธอหลายคำถาม วันนี้ถังจื่อซีไปที่ซ่างกวนหงทางโน้น เวินลั่วฉิงคิดในใจ นี่เป็นลูกตัวเองรึเปล่า?ทำไมแต่ละคนวิ่งหนีกันเร็วขนาดนี้?
เวินลั่วฉิงก็ไม่รู้ว่า ทำไมถังจื่อซีถึงชอบซ่างกวนหงขนาดนั้น แต่ว่าความรักที่ถังจื่อโม่มีต่อมู่เฉิง เธอสามารถเข้าใจได้ เลื่อมใสศรัทธาในใจ ถังจื่อโม่สนใจทำการวิจัย ต่อองค์กรโกสต์ซิตี้ ต่อซ่างกวนหง และต่อมู่เฉิง
เวินลั่วฉิงไม่ขัดขวาง นี่เป็นทางเลือกของถังจื่อโม่ ที่สำคัญ เขามีโอกาสเลือก ทำไมไม่ให้เขาไปหาล่ะ?
เทียบกับถังจื่อโม่ เวินลั่วฉิงเป็นห่วงถังจื่อซีมากกว่า เธอมีเรื่องปิดบังตัวเองแน่ๆ เวินลั่วฉิงมั่นใจ แต่ว่านึกไม่ถึงเลยว่าลูกสาวของตัวเองมีเรื่องปิดบังตัวเองอยู่?ตัวเองน่าจะเข้าใจเธอที่สุดแล้ว?กับเธอรู้ไส้รู้พุง ตอนนี้ ยายเด็กคนนี้ดันหลบหน้าตัวเอง
เวินลั่วฉิงนึกถึงก็โมโหขึ้นมา มีอะไรที่ไม่สามารถบอกกับตัวเอง?ต้องวิ่งออกไปให้ได้ เพียงแต่ว่าก็เข้าใจแหละ
ถังจื่อซีที่วิ่งไปหาซ่างกวนหงด้วยตัวเอง ถูกผู้ดูแลจ้งต้อนรับเข้าไป ครั้งนี้ ผู้ดูแลจ้งเรียกถังจื่อซี เปลี่ยนมาเป็นเรียกเจ้าหญิงน้อยแล้ว
ใช่แล้ว ผลการตรวจสายเลือดออกมาแล้ว เป็นญาติห่างๆ ซึ่งก็หมายความว่า คุณหนูเงินลั่วฉิวเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ ถ้างั้น ลูกสาวของเวินลั่วฉิง ถังจื่อซีก็เป็นเจ้าหญิงน้อยของพวกเขาเป็นเรื่องธรรมดา
ถังขื่อซีห้ามความดีใจไม่ได้ วิ่งเข้าไปโดยตรง เห็นซ่างกวนหงนั่งอยู่ที่โซฟา แล้วมองดูเธออย่างอบอุ่น ถังจื่อซีกระโจนเข้าไป คุณตาคะ ท่านเป็นคุณตาของหนูจริงๆด้วย
ถังจื่อซีซ่อนความดีใจไม่ได้ ตั้งแต่เธอเจอกับซ่างกวนหงครั้งแรก ก็รู้สึกว่าสนิทสนมกับคนคนนี้ ตอนนี้ ความสนิทสนมนี้ได้อธิบายเหตุผลของมันแล้ว ถังจื่อซีรู้สึกว่าตัวเองสามารถยอมรับซ่างกวนหงทำดีกับตัวเองอย่างสบายใจแล้ว ที่สำคัญ ซ่างกวนหงก็คือคุณตาของตัวเองช่างเป็นเรื่องที่น่าดีใจอย่างยิ่ง
ซ่างกวนหงจับผมของถังจื่อซี ที่แท้ เด็กคนนี้เป็นหลานสาวของเขาจริงๆ ที่แท้ เวินลั่วฉิงเป็นลูกสาวของเขาจริงๆด้วย ตอนที่รู้ข่าวนี้ เขาดีใจจนร้องไห้ บนโลกใบนี้ ในที่สุดก็มีคนที่มีสายเลือดเดียวกับเขา และในที่สุดเขาก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้ เขาได้ปรับตัวและปรับใจเรียบร้อยแล้ว สามารถพูดคุยกับถังจื่อซีอย่างเงียบสงบ เพียงแต่ว่าความสบายใจหลอกคนไม่ได้หรอก ก่อนหน้านี้เขาตามใจถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ ต่อให้เห็นพวกเขาเป็นหลานสาวกับหลานชายและตามใจพวกเขาก็ตาม ยังไงซะก็เหมือนมีอะไรมาปิดกั้น และก็กลัวว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเขา ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกแล้ว เขาสามารถตามใจพวกเขาโดยตรง ไม่สิ เขากลัวว่าเขาจะให้น้อยเกินไปด้วยซ้ำ
เพียงแต่ว่า ตอนนี้ถังจื่อซีออดอ้อนอยู่ข้างๆเขา เขาถึงรู้สึกว่าตัวเองใจอ่อนแค่ไหน สำหรับถังจื่อซีแล้ว เธอเป็นหัวแก้วหัวแหวน ที่กลัวจะสูญเสียไป อยากเอาสิ่งที่งดงามที่สุดในโลกนี้ทั้งหมดมอบให้กับเธอ
คุณตาคะ หนูช่างดีใจมากเลยจริงๆค่ะ หนูรู้สึกว่า นี่เป็นเวลาที่หนูดีใจที่สุดแล้ว หนูชอบท่านมากๆเลยนะคะ ส่วนท่านเป็นคุณตาของหนูพอดีเลย ถังจื่อซีคึกคักอย่างเต็มที่ กอดแขนของซ่างกวนหงได้ซักพัก ก็เงยหน้าขึ้นมา พูดกับซ่างกวนหงด้วยแววตาที่สดใส
ซ่างกวนหงหัวเราะอย่างอ่อนโยน นี่เป็นเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุด ฉันก็รักถังจื่อซีนะ ถังจื่อซีไม่เข้าใจหรอกว่า เธอเป็นหลานสาวของเขา เวินลั่วฉิงเป็นลูกสาวของเขา สำหรับเขาแล้วมันหมายถึงอะไร นี่ทำให้เขามีความหวังอีกครั้ง ความหวังใหม่ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
งั้น คุณตากะจะไปหาคุณแม่เมื่อไหร่คะ? ตอนที่ถังจื่อซีรู้ผล ดีใจสุดๆไปเลย เพียงแต่ว่าเธอไม่กล้าเปิดเผย กลัวเวินลั่วฉิงสังเกตุเห็น และกลัวว่าจะทำลายแผนการของซ่างกวนหง เพราะฉะนั้นหาเหตุผล เพื่อมาหาซ่างกวนหง
ฉันก็ไม่รู้ ฉันกลัวแม่หนูไม่ยอมรับฉัน ยี่สิบกว่าปีแล้วฉันไม่ได้อยู่ข้างกายเธอเลย ฉันกลัวเธอจะโกรธเกลียดฉัน ซ่างกวนหงพูดหัวข้อนี้ออกมา เสียใจอย่างมาก นิสัยของเวินลั่วฉิง เขาเข้าใจในประมาณหนึ่ง เป็นไปได้สูงมากเธอแค่บอกกับเขาว่า เธอรับรู้แล้ว กลับยากที่จะทำตัวสนิทสนมกัน
คุณตาอย่ากลัวเลยค่ะ มีจื่อซีอยู่ หนูสามารถทำให้แม่ยอมรับท่านแน่นอน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ถังจื่อซีจับมือของซ่างกวนหง และให้กำลังเขา
ซ่างกวนหงมองดูถังจื่อซี แล้วพยักหน้า ถังจื่อซีพูดว่า: งั้นจื่อซีกลับไปถามแม่ คืนนี้เลยนะคะ จากนั้นบอกกับคุณตาว่าควรทำยังไง
ซ่างกวนหงพยักหน้า เพราะฉะนั้นถังจื่อซีกลับไปถึงบ้านปุ๊บ ก็เจอกับเวินลั่วฉิงปั๊บเลย แล้วก็วิ่งเข้าไป ถูตัวเวินลั่วฉิง และพูดอย่างขี้อ้อนว่า: แม่คะ แม่ชอบคุณปู่ซ่างกวนมั๊ยคะ?
ถ้าแม่ไม่ชอบเขา จะไม่ให้แม่สัมผัสกับเขาเลยค่ะ เวินลั่วฉิงไม่ตอบตรงๆ ส่งแววตาที่เข้าใจด้วยตัวเองให้กับถังจื่อซี เป็นจริงซะด้วย กลับมาก็เปลี่ยนไปแบบแปลกๆ
ถังขื่อซีคิดว่า ถามยังไงถึงจะไม่แปลก ก็เลยเงียบไปสักพัก เวินลั่วฉิงรอด้วยความอดทน ก็ได้ยินถังจื่อซีถามว่า แม่คะ แม่เคยคิดมั้ยคะว่า?คุณปู่ซ่างกวนเป็นพ่อของแม่ เป็นพ่อแท้ๆเลยนะ ไม่รู้ว่าหัวข้อนี้ควรอ้อมค้อมยังไงดีจึงถามออกมาเลยตรงๆ
เวินลั่วฉิงประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมจู่ๆถังจื่อซีก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา หรือว่าซ่างกวนหงพูดอะไรกับถังจื่อซี?เรื่องที่ไม่แน่ใจแบบนี้ ก็อย่าบอกกับเด็กสิ? เวินลั่วฉิงไม่ค่อยเห็นด้วย
แม่คะ หนูกับคุณตาซ่างกวนหงตรวจดีเอ็นเอ ปรากฏว่าเป็นญาติกัน79%เปอร์เซ็นต์ เป็นญาติห่างๆอ่ะค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่พ่อจะเป็นลูกของเขา งั้นก็เป็นแม่นี่แหละ แม่เป็นลูกสาวของคุณตาซ่างกวนหง เพราะฉะนั้น ซ่างกวนหงก็คือคุณตาของหนู ถังจื่อซีพูดแบบง่ายๆ กลับทำให้เวินลั่วฉิงโมโห ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับอนุญาตจากเธอ คิดวิธีเอาเส้นผมของเธอมาตรวจดีเอ็นเอ ถูกเธอทำให้สับสนแล้วยังไม่ตายใจอีก ถึงกับรังแกจื่อซีเชียวหรือ หลอกใช้ความเชื่อถือของจื่อซี เพื่อตรวจดีเอ็นเอโดยตรง พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้
อย่าว่าเลยว่าผลการตรวจเป็นสายเลือดเดียวกัน ต่อให้ไม่ใช่ก็ตาม พวกเขาก็ไม่ควรทำแบบนี้
จื่อซี ใครเป็นคนไปตรวจดีเอ็นเอ? เวินลั่วฉิงเก็บความโมโหแล้วถามขึ้นมา
ถังจื่อซีสงสัย แม่น่าจะดีใจไม่ใช่หรือคะ?ทำไมสีหน้าเข้มงวดขนาดนี้ล่ะ แต่ว่าเธอตอบอย่างเชื่อฟังว่า: นี่เป็นข้อเสนอของคุณอามู่เฉิงค่ะ คุณตา钟爷爷เอาเส้นผมของหนูกับคุณตามาตรวจค่ะ
หนูรู้หรอ? เวินลั่วฉิงมองดูถังจื่อซี สำหรับเรื่องนี้เธอเหมือนรู้ดีมากเลยทีเดียว เธออดที่จะยืนยันอีกครั้งไม่ได้ หนูอนุญาตพวกเขาหรือ?
ใช่ค่ะ หนูรับรู้เรื่องนี้ค่ะ เพื่อเล่าเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้งกว่านี้อีกหน่อย เธอเอ่ยปากต่ออีกว่า : เรื่องนี้มีแค่หนูคนเดียวที่รับรู้ ก่อนหน้านี้ หนูกับคุณอามู่เฉิงไปนั่งชิงช้าสวรรค์ คุณอามู่เฉิงถามหนูว่าเห็นด้วยรึเปล่า หนูพูดว่าเห็นด้วย ยังสัญญากับคุณอามู่เฉิงอีกด้วยว่า ก่อนผลตรวจออกมาไม่บอกใครทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เรื่องนี้พี่ชายก็ไม่รู้เรื่องค่ะ
เวินลั่วฉิงอึ้ง ทีแรกเธอคิดว่า ถังจื่อซีเข้าใกล้ง่ายกว่า ไม่ค่อยระวังตัวมากนัก พวกเขาถึงได้มีโอกาสเอาเส้นผมของเธอมาตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ คิดไม่ถึงเลยว่ายายเด็กคนนี้ถึงกับเข้าใจทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นยังเร่งการตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ให้เร็วขึ้นด้วย เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าสับสน ลูกฉลาดเป็นเรื่องดี เพียงแต่ว่า ฉลาดแบบนี้ ทำให้คนอื่นกดดันมากเลยทีเดียว