ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1687 สนับสนุนนับญาติกัน
เพราะฉะนั้น คุณจะไม่แต่งงานกับเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้เด็ดขาด? เวินลั่วฉิงถาม เธอจะคอยดูสิว่า ตอนที่เย่ซือเฉินรู้ฐานะของเธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไง เรื่องแบบนี้ ทำไมเขาโง่จังเลย?
คุณว่าไงล่ะ? เย่ซือเฉินตอบด้วยความโมโห เขามีใจให้กับเธอ เวินลั่วฉิงยังไม่เข้าใจอีกหรือ?ถึงกับถามคำถามแบบนี้ น่าโมโหจริงๆ
ก่อนหน้านี้เข้าใจกันแล้วแท้ๆ ทำไมตอนนี้ถามคำถามพวกนี้อีกแล้ว?เจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ดี คนอื่นก็ดี สำหรับเขาแล้วเป็นคนประเภทเดียวกันหมดเลย คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา สำหรับในใจเขาแล้ว นอกจากเวินลั่วฉิงผู้หญิงคนอื่นต่างสามารถแยกเป็นประเภทเดียวกัน
เวินลั่วฉิงหัวเราะเบาๆ ฉันรู้สึกว่า คุณต้องแต่งงานกับเธอแน่นอน
เวินลั่วฉิง เย่ซือเฉินโมโหจะแย่อยู่แล้ว หรือว่า เธออยากให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น?
อย่าแม้แต่จะคิด นอกจากคุณแล้ว ฉันจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงหน้าไหน คุณก็อย่าคิดแต่งงานกับผู้ชายอื่นเชียวนะ เย่ซือเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เข้มขรึม พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน และเป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เวินลั่วฉิงอย่าคิดหนีเชียวนะ
เพียงแต่ว่า จื่อซีกลับมาพูดว่า เธอเป็นเจ้าหญิงน้อยองค์กรโกสต์ซิตี้นี่น่า เวินลั่วฉิงเอ่ยปากอย่างจนหนทาง และปัดความรับผิดชอบให้กับจื่อซี ก็ถูกนะ ถ้าไม่ใช่จื่อซี เธอก็ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้แน่นอนอยู่แล้ว
เย่ซือเฉินอึ้งไปเลย หมายความว่าไง?อะไรคือถังจื่อซีเป็นเจ้าหญิงน้อยองค์กรโกสต์ซิตี้?เดี๋ยวนะ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ เพราะฉะนั้น เจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ คือฉิงฉิง?เพราะฉะนั้น……นี่ถึงจะเป็นสาเหตุที่เวินลั่วฉิงถาม?
ตั้งแต่แรกนี่เป็นจุดสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าเย่ซือเฉินไม่ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ เขาไปบีบบังคับถามเวินลั่วฉิงกับคำถามอื่นซะงั้น เพราะฉะนั้น เมื่อกี้คุณหมายความว่า คุณเป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ คุณต้องแต่งงานกับฉันให้ได้ ใช่รึเปล่า? เย่ซือเฉินพูดอยู่มุมปากก็ยกขึ้นมา ความรักที่เวินลั่วฉิงมีต่อตัวเอง เธอได้สารพัดแล้ว แต่ว่า พูดว่าต้องแต่งงานกับเขาให้ได้ ซึ่งน้อยมาก ตอนนี้หรอ……เขาคิดได้หรือยังว่า เวินลั่วฉิงอยากแต่งงานกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นอยากบีบบังคับแต่งงานด้วย?เขาไม่สามารถร้องขอล่ะสิ
เวินลั่วฉิงจ้องมองเย่ซือเฉิน จุดสนใจของคนคนนี้ ทำไมถึงต่างจากคนอื่น หรือไม่ได้ตกใจในฐานะที่เธอเป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้?ถึงกับคิดว่าตัวเองใจร้อนต้องการแต่งงานกับเขา เอาเถอะ นี่เป็นเรื่องที่เย่ซือเฉินทำจริงๆ ต่อให้จนหนทาง เวินลั่วฉิงก็ยังเข้าใจเย่ซือเฉินอยู่ดี รู้สึกแค่ว่าตัวเองผิดไปแล้ว
เสียดาย ครั้งนี้ เธอไม่ได้ตอบไปตรงๆ เอ่ยปากแบบล้อเล่นว่า: เพียงแต่ว่า ฉันยังไม่ได้กลับไปเลย ไม่แน่ฉันอาจไม่ได้เป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้
เย่ซือเฉินยังคลายความสงสัยไม่ได้ เพราะฉะนั้น วันนี้ฉิงฉิงรอเขา ก็เพราะเรื่องนี้หรอ องค์กรโกสต์ซิตี้ ทำให้คนไม่สามารถละเลยได้เลย เหตุการณ์ในตอนนี้ ยิ่งสะเพร่าไม่ได้ใหญ่เลย เย่ซือเฉินเข้าใจดีว่า ถ้าเวินลั่วฉิงเป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่ว่าเธอจะยอมหรือไม่ก็ตามก็ต้องกลับไปที่องค์กรโกสต์ซิตี้ ยังไงซะ ซ่างกวนหงมีลูกสาวแค่คนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจ
ถ้าเวินลั่วฉิงไม่ยอมกลับไปจริงๆ นอกจาก ซ่างกวนหงพูดว่า เวินลั่วฉิงไม่ใช่ลูกสาว เพียงแต่ว่า เป็นไปไม่ได้ ที่ซ่างกวนหงจะทำแบบนี้
เพราะฉะนั้น คุณกำลังลังเลอยู่ว่าจะนับญาติกับหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้หรือไม่ และจะกลับไปที่องค์กรโกสต์ซิตี้รึเปล่า? เย่ซือเฉินคิดทบทวนแป๊บนึง ถึงถามเวินลั่วฉิง
ใช่ เวินลั่วฉิงเอ่ยปากแบบไม่ปกปิด เย่ซือเฉินถามจุดที่เวินลั่ฉิงลังเล ความจริงเธอมีความรู้สึกดีๆกับซ่างกวนหง เจอกันครั้งแรกก็มีความรู้สึกที่สนิทสนม เหมือนกับว่าที่เขาทำทุกอย่าง เธอล้วนเข้าใจดี ยิ่งไปกว่านั้นรู้สึกว่าเข้าใจเขามากเลย นี่เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีต่อคนอื่นมาก่อน หลังจากเวินลั่วฉิงรู้ว่าซ่างกวนหงเป็นพ่อของเธอ อดคิดไม่ได้เลยว่า ความสัมพันธ์ทางสายเลือดเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ ความรู้สึกที่เธอมีต่อซ่างกวนหง ถือว่าเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น
คุณเกลียดเขามั๊ย? เย่ซือเฉินถาม ตอนนี้เขาเพิ่งประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าเวินลั่วฉิงถึงกับเป็นเจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ ฐานะของเธอทำให้คนประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ว่ายังดีนะ คนคนนี้เป็นคนที่เขารัก เป็นภรรยาของเขา ยังเป็นแม่ของลูกเขาอีกด้วย เย่ซือเฉินแค่คิดถึงเวินลั่วฉิงสามารถอยู่ข้างกายไปตลอดชีวิต หัวใจก็อบอุ่นทันที
ไม่เกลียด เวินลั่วฉิงตอบตามความจริง ถ้าไม่เคยเกิดความเกลียดมาก่อนเลย เธอรู้สึกสนิทสนมกับซ่างกวนหง แน่นอน จะเกลียดได้ไงล่ะ?
งั้นก็นับญาติกันเลย เย่ซือเฉินใจเย็นมาก ต่อให้ตอนนี้เป็นการให้เวินลั่วฉิงวิเคราะห์ก็ตาม ความจริง นี่แทบจะเป็นการตัดสินใจแล้ว
เพราะอะไร? เวินลั่วฉิงประหลาดใจ เย่ซือเฉินไม่สนใจฐานะของเธอ เขาก็เข้าใจว่าตัวเองได้พิจารณาแล้ว จะไม่พูดแบบมั่นใจขนาดนั้น แต่ว่าครั้งนี้ เย่ซือเฉินมีความรู้สึกว่าคำพูดเดียวก็สามารถตัดสินใจได้เลย
หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มีลูกสาวแค่คุณคนเดียว ต่อให้เขาเคารพในการตัดสินใจของคุณ และไม่ให้คุณกลับไป เพียงแต่ว่า องค์กรโกสต์ซิตี้คนเยอะขนาดนั้น จะไม่แคร์หรือ?คุณเป็นลูกสาวขององค์กรโกสต์ซิตี้ กลับไม่อยู่ที่องค์กรโกสต์ซิตี้ สำหรับคนที่คิดร้ายเหล่านั้น เป็นการข่มขู่อย่างนึง พวกเขาไม่ปล่อยคุณแน่ๆ กลัวแต่แผนการร้ายกาจที่มาอย่างไม่หยุดหย่อน หากเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่กลับไปโดยตรง?ในสายเลือด คุณถึงจะเป็นเจ้านายองค์กรโกสต์ซิตี้ตัวจริง ความจริงเย่ซือเฉินไม่แคร์ฐานะของเวินลั่วฉิง ยกเว้นองค์กรโกสต์ซิตี้ สนามและพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกว้างขวางเกินไปแล้ว หากไปถึงสถานที่ที่หนึ่ง ก็มีคนจ้องทำร้ายเวินลั่วฉิงทำไง ต้องรับมืออย่างไม่หยุดไม่หย่อน ต้องประมาทบ้างแหละ นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่เย่ซือเฉินรับไม่ได้ เขาไม่อยากเอา อันตรายที่ซ่อนอยู่ใดๆ ทำให้เวินลั่วฉิงได้รับบาดเจ็บ
เวินลั่วฉิงก็ฟังความหมายของเย่ซือเฉินออก เขาไม่แคร์ว่าเธอจะกลับไปหรือไม่ แค่สนใจการตัดสินใจครั้งนี้ว่าจะมีผลลัพธ์อะไรต่อเธอ จริงๆแล้ว ขอแค่เธอเอาชื่อเสียงนี้ ก็มีคนไม่พอใจแล้ว อีกอย่าง ตัวเธอเองก็ไม่ได้เกลียดซ่างกวนหง ถ้างั้น ก็นับญาติกันเลยเถอะ เธอก็อยากรู้ว่า ซ่างกวนหงจะทำยังไง กับเธอ
คุณไม่เคยคิดเลยหรือว่า เรื่องนี้ฉันแค่พูดเล่นเฉยๆ?องค์กรโกสต์ซิตี้ตามหาเจ้าหญิงของพวกเขามาตั้งหลายปีแล้ว ไม่มีข่าวคราวมาโดยตลอด ตอนนี้ฉันพูดว่าเป็นฉัน คุณก็เชื่อทันทีเลยหรอ? จู่ๆเวินลั่วฉิงเกิดนึกขึ้นได้ว่า เย่ซือเฉินไม่ใช่คนไม่ระมัดระวัง ทำไมถึงไม่ถามเธอเลย?
เรื่องที่คุณพูดออกมา ต้องเป็นความจริงอยู่แล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องคิดทบทวนความจริงเลย จำเป็นคิดแค่วิธีแก้ไข เย่ซือเฉินยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน สำหรับเวินลั่วฉิง เขาเชื่อมั่นอยู่แล้ว
มุมปากของเวินลั่วฉิงยกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ เธอยิ่งอยู่ยิ่งชอบใหญ่เลย ปล่อยวางไม่ได้ตั้งนานแล้ว ซึ่งเป็นความรักที่ประทับตราอยู่ในหัวใจ
ถ้างั้น เราไปกันพรุ่งนี้เลยมั๊ย? เย่ซือเฉินถาม จำเป็นต้องเตรียมอะไรรึเปล่า?
ไม่รีบร้อน เวินลั่วฉิงพูด จื่อซีเพิ่งกลับมาวันนี้เอง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น อีกอย่าง ต้องไปด้วยตัวเองรึเปล่า ยังเป็นปัญหาเลย
ถังจื่อซีของอีกห้อง แอบส่งข่าวให้กับซ่างกวนหงเรียบร้อยแล้ว คุณตาคะ หนูบอกกับแม่แล้วค่ะ แม่ไม่ได้ปฏิเสธ หนูรู้สึกว่า แม่ต้องนับญาติกับคุณตาอยู่แล้ว
ซ่างกวนหงได้รับข่าวสาร ดีใจจนแทบจะร้องไห้ คิดไม่ถึงเลยว่าเวินลั่วฉิงรู้ข่าวนี้ ถึงกับไม่ปฏิเสธ ยังกะจะนับญาติกับเขาด้วย เขาคิดมาเสมอว่า ต่อให้เวินลั่วฉิงรู้ข่าวนี้ก็ตาม ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองหรอก หลายปีมานี้ เขาไม่ได้อยู่ข้างกายเธอและไม่เคยปลอบโยนเธอเลย ส่วนเวินลั่วฉิงแทบจะ ไม่ต้องการความผูกพันนี้แล้ว ตอนนี้ เวินลั่วฉิงถึงกับสามารถยอมรับได้แล้ว
ดี ดี ซ่างกวนหงพูดสองครั้งติดกัน ในเมื่อเวินลั่วฉิงไม่ปฏิเสธ ถ้างั้น พรุ่งนี้ เขาก็จะเชิญเวินลั่วฉิงกับเย่ซือเฉินมา เขาอยากเห็นเวินลั่วฉิงจนรอไม่ไหวแล้ว และอยากนับญาติกับเวินลั่วฉิงเร็วๆ
คุณตาอย่าใจร้อนไปเลยคะ มีจื่อซีอยู่ ถึงเวลานั้นหนูจะไปพร้อมกับคุณแม่ ถังจื่อซีพูดต่อ ความจริงเธอคิดไว้แล้ว ขอแค่แม่ยอมไป งั้นก็ถือว่า แม่ต้องยอมรับคุณตาแน่นอน
ดี พรุ่งนี้เราให้คนส่งบัตรเชิญให้กับพวกเขานะ พวกเธอจะได้มาพร้อมกัน ซ่างกวนหงพูดว่า ครั้งนี้ เขาให้เวินลั่วฉิงกับเย่ซือเฉินมาที่บ้านด้วยตัวเองไม่ได้แล้วครั้งนี้เขาจำเป็นต้องเชิญพวกเขาด้วยตัวเอง
ค่ะ~ ถังจื่อซีตอบเร็วมาก เธอมีลางสังหรณ์ แม่ต้องนับญาติกับคุณตาแน่นอน ที่สำคัญ คุณตาต้องดีกับแม่สุดๆ และแม่ต้องได้รับความรักจากคุณตาแน่นอน
ถังจื่อซีคาดหวังมาโดยตลอด เธอสามารถใช้ฐานะหลานสาวของซ่างกวนหงเพื่ออยู่ร่วมกัน ถึงตอนนั้น ต้องสนิทมากกว่าก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน ยังมีพี่ชายด้วยถึงแม้ปากจะไม่พูด แต่ว่าถ้าซ่างกวนหงเป็นคุณตาของพวกเขาแล้วละก็ ต้องดีใจสุดๆไปเลยอย่างแน่นอน