ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1718 ฉันชอบเพียงแต่เธอ
มู่เฉิงอยากถามว่าหลังจากนั้นล่ะ? หลังจากนั้น เธอยอมความสัมพันธ์ของแม่ตนเองกับผู้ชายอื่นได้อย่างไร? ทว่า เขาไม่กล้าขัดจังหวะความคิดของหลินจื่อ เหมือนว่าตอนนี้ ตนเองเองเป็นผู้สอบปากคำ หากถามสิ่งที่ไม่ควรถามไป จะรับกลับมาอย่างไร?
หลังจากนั้น หลังจากที่ฉันโตแล้ว ถึงรู้ว่าระหว่างพวกเขาเกิดอะไรขึ้น เข้าใจกับเรื่องนี้อีกครั้ง จึงจะค่อยๆ เชื่อว่า พ่อและแม่ของฉัน รักกันจริง และการเสียชีวิตของคุณแม่ คือสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ หลินจื่อฝืนยิ้ม หากตอนนั้นคุณแม่รู้ว่า ช่วยซ่างกวนหงแล้ว จะต้องทดแทนด้วยชีวิต เธอจะเสียใจไหม? เธอจะทิ้งตัวเองไปไหม? มีคำพูดมากมาย เธอไม่มีโอกาสจะเอ่ยปากพูดอีก
เพราะว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น ฉันถึงนึกถึงตลอด ถึงแม้ว่าจะเข้าใจ คุณแม่ไม่ได้มีความรักกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ ก็ไม่สามารถยอมรับการที่เขาสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยคนอื่น แต่ว่า ฉันเองก็ไม่สามารถไปเกลียดใครได้ เพราะว่าเป็นการตัดสินใจคุณแม่ตนเอง หลินจื่อรู้สึกน่าตลก คน เป็นสัตว์ที่มีความขัดแย้งกันจริงๆ ความเกลียดของเขาไม่สามารถปลดปล่อยออกไป จึงอยู่กับเขามาโดยตลอด เธอไม่สามารถปล่อยวาง ได้แต่เก็บมันไว้ให้เธอ เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีความสัมพันธ์กับองค์กรโกสต์ซิตี้ขึ้นมา การเจอมู่เฉิงคือสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ หากไม่ใช่เพราะใบหน้าของมู่เฉิง หากไม่ใช่เพราะความไม่พอใจในตอนนั้น เอไม่มีทางใกล้ชิดมู่เฉิง การใกล้ชิดของเธอ จริงๆแล้วมีความแก้แค้นแฝงอยู่
หากไม่ใช่เพราะวันนี้มู่เฉิงได้ยินคำพูดพวกนี้ ความใกล้ชิดที่ยั่วยวนที่เขามีต่อมู่เฉิง จะไม่มีการปกปิด จะมีความวู่วามของการทำลาย และความวู่วามการแก้แค้นตลอดหลายปีมานี้ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว? ไม่แน่ อาจจะเป็นการหวังทำร้ายผู้อื่น ตัวเองเสียเปรียบยิ่งกว่า ทว่าหลินจื่อควบคุมตนเองไม่อยู่ เรื่องมองเรื่องของคุณแม่เธอสำคัญเกินไป ไม่สามารถปล่อยวางได้ ยอมรับแล้ว ไม่ได้แปลว่าจะปล่อยวาง ในตอนที่นึกขึ้นอีกครั้ง จะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
ทว่าวันนี้มู่เฉิงได้ยินแล้ว ในใจของเธอมีความสบายใจเพิ่มขึ้น ไม่ได้มีความรู้สึกอัดอั้น การเปลี่ยนแปลงของมู่เฉิง เธอเห็นอยู่ในสายตา เธอกลัวว่ามู่เฉิงจะชอบเธอ กลัวว่าจะไม่สามารถให้ความรู้สึกเดียวกันกับมู่เฉิง กลัวว่ามู่เฉิงจะเป็นคนที่ไม่ปล่อยมือง่ายๆ พอถึงเวลาก็ทรมานกันเอง
ตอนนี้ ทั้งสองเปิดอกเปิดใจกันพูด ผ่อนคลายลงไม่น้อยเลย หลินจื่อได้พูดความคิดของตนเองออกมาอย่างสมบูรณ์ จริงๆ แล้วไม่ได้ใส่ในองค์กรโกสต์ซิตี้มากมาย อาจจะเพราะว่า ทั้งตระกูลโม่ก็ไม่ได้ใส่ใจเลย แค่อยากจะต่างคนต่างอยู่ ฉันชอบหน้าของนาย ตอนที่เจอครั้งแรก ยังไม่รู้ฐานะตัวตนของนายก็ชอบมากแล้ว หลังจากที่รู้แล้วก็รู้สึกว่าเสียใจ คืนนี้ตอนที่นายมาเชิญชวนฉัน สาเหตุที่ยอมรับ ด้านหนึ่งเพราะว่าชอบใบหน้าของนาย อีกด้านหนึ่งเพราะอยากใกล้ชิดนาย ดูว่าองค์กรโกสต์ซิตี้เป็นยังไง คนที่ทำให้คุณแม่ของฉันเสียชีวิต หน้าตาเป็นอย่างไร
ฉันไม่ได้ชอบนายมากเท่าไหร่ ตอนแรกที่นายเชิญชวนฉัน ฉันปฏิเสธ เรื่องหลังจากนั้นนายเองก็รู้ ถือว่านายมาหาเรื่องฉันก่อน ตอนที่ฉันยอมรับฉันเข้าใจดี ฉันไม่มีทางปล่อยนายไปง่ายๆ อื้ม ก็คือ ตอนที่ฉันยังชอบใบหน้าของนาย ก็จะไม่ปล่อยนายไป มีความลองใจนาย แก้แค้น ยั่วยวนอย่างไม่จริงใจ จึงทำตามใจชอบโดยไม่เกรงกลัวใคร เรื่องในคืนนี้ หากนายอยากคิดเป็นอุบัติเหตุ ได้ คำพูดก่อนหน้านี้ ฉันขอเก็บกลับมาทั้งหมด ถือว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลย หลินจื่อคิดแล้ว พูดอย่างจริงจัง มู่เฉิงเหมือนมีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่ว่า เขาไม่ได้เสียเปรียบอะไร
ที่แท้ มู่เฉิงรู้สึกว่าตนเองสามารถพูดคุยกับหลินจื่ออย่างเงียบสงบ ตอนนี้รู้สึกว่าในใจมีเปลวไฟกำลังลุกไหม้ หลินจื่อเห็นเขาเป็นอะไร เมื่อกี้ยั่วยวนอย่างจริงจัง ตอนนี้? บอกไม่เอาก็ไม่เอาแล้ว? อีกอย่าง เขาเผยสีหน้าที่เหมือนอยากให้เป็นอุบัติเหตุขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าใครจะหาเรื่องใครก่อน ตอนนี้ เขาไม่มีทางทำตามความหวังของหลินจื่อแล้ว
หากผมไม่อยากล่ะ? มู่เฉิงพูดอย่างไม่พอใจ ทำไมเรื่องราวมาถึงทางหลินจื่อ ก็กลายเป็นเกมแล้ว? เขาดังไม่อยากให้หลินจื่อสมปรารถนา
อะไรนะ? หลินจื่อไม่เข้าใจ
ฉันไม่อยากเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุ หากตอนแรกฉันเป็นคนหาเรื่องเธอก่อน งั้นตอนนี้ เธอมาหาเรื่องฉันแล้ว ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่อยากปล่อยเธอไป มู่เฉิงพูดตรงๆ หากทำตามสิ่งที่หลินจื่อพูด เสียหน้าแค่ไหนเนี่ย
ถึงแม้ ฉันจะชอบแค่ใบหน้าของนายก็ตาม หลินจื่อพูดดังขึ้น มู่เฉิงโง่ไปแล้วเหรอ? หรือว่า อยากกลับมาแก้กค้นตนเองแล้ว? เธอไม่ใช่คนที่จะหวั่นไหวง่ายๆ นะ
ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะชอบแค่ใบหน้าของฉัน ฉันคิดว่า ให้เธอตกหลุมรัก คงจะไม่ใช่เรื่องที่ยากหรอกมั้ง? มู่เฉิงพูดอย่างมั่นใจ หลินจื่อมองเขา เทวดาดันไปรักคนคนนี้ มองไม่ออกถึงอายุของเขาเลย ความกล้าหาญและปัญญาอ่อนของวัยรุ่น อยู่บนใบหน้าเขาแล้วสมบูรณ์แบบมาก ทำให้คนไม่อยากทำร้าย อดเข้าใกล้ไม่ไหว
จู่ๆ หลินจื่อก็หัวเราะขึ้นมา ใบหน้าที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์นี้ ทำให้คนไม่อยากตกหลุมรักยังยาก หากมู่เฉิงอยู่ข้างกายเขามาโดยตลอด ขอไม่ใช่ปัญหาด้านหลักการ ตกหลุมรักเขา เหมือนว่าจะไม่ยาก
ดังนั้น นายอยากคบกับฉันอย่างจริงจังเหรอ? หลินจื่อถามกลับ มู่เฉิง หวั่นไหวกับเธอขึ้นมาจริงๆ แล้วเหรอ? หรือว่าเพียงแต่สามารถรับได้กับการที่เธอยังไม่หวั่นไหว
ใช่ ไม่ว่ายังไงแล้ว คนที่ฉันชอบ จะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรล่ะ? มู่เฉิงจ้องมองหลินจื่อ เขาไม่ใช่คนที่ต้องการที่จะจับให้อยู่หมัดก็เลยแสร้งทำเป็นปล่อยไปก่อนเท่านั้น สิ่งที่เขาอยากได้ ถึงแม้ว่าจะมีการใช้กลอุบาย ก็ต้องได้มา นอกจากว่า……ไม่สามารถได้มาจริงๆ
หลินจื่อรู้สึกสบายใจแปลกๆ เธอพูดเองก่อน กับสิ่งที่เธอได้ยินคือความรู้สึกที่แตกต่างกัน จริงแล้ว เธอไม่ชอบการที่ต้องการที่จะจับให้อยู่หมัดก็เลยแสร้งทำเป็นปล่อยไปก่อนเท่านั้น เธอไม่ชอบไปคาดเดาจิตใจคนอื่น ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ หากมีคนมาแสร้งทำเป็นปล่อยไปก่อนต่อหน้าเธอ เธอก็หมดความอดทนไปเลย จะออกห่างไกลๆ ส่วนมู่เฉิง ก็บอกกับเธออย่างชัดเจนว่า เขาชอบตนเอง ให้หลินจื่รู้สึกว่า สามารถปล่อยวางการป้องกันตัว และลองคบกันดีๆ
ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนของตระกูลโม่ก็เหมือนกันเหรอ? หลินจื่อถาม เธอชอบมู่เฉิง ทางตระกูลโม่ยิ่งเคารพในการตัดสินใจของเธอ องค์กรโกสต์ซิตี้ล่ะ? ก็เป็นเช่นนี้เหรอ?
คนที่ฉันชอบคือเธอ เธอจะเป็นหลินจื่อก็ดี โม่ฉือก็ดี ฉันล้วนชอบทั้งนั้น หากเธอตกลงตบกับฉัน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถห้ามได้ มู่เฉิงมีความดื้อดึงต้องได้แฝงอยู่ การที่เขาชอบคนคนหนึ่ง ฐานะตัวตน ตำแหน่ง สำหรับเขาแล้วไม่สำคัญเลย ตระกูลโม่ไม่ได้สนใจมานานหลายปี ตอนนี้ตนเองก็จะไม่พูดถึงเรื่องในตอนนั้นอีกแน่นอน มากสุดก็แค่หารหักห้าม ทว่า เธอมีวิธีสามารถจัดการกับความขัดแย้งพวกนี้
แล้วเธอล่ะ? จะเพราะว่าผมเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ จึงไม่ชอบผมหรือเปล่า? มู่เฉิงถามตรงๆ ในใจกลับมีความกังวล แล้วหลินจื่อล่ะ? จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า? จะใส่ใจฐานะตัวตนของเขา แล้วชอบแค่ตัวเขาเองไหม
หากฉันชอบ ฉันจะชอบนายมากๆ ทุกอย่างของนาย ฉันจะยอมรับ ถึงแม้ว่านายจะเป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็เช่นกัน หลินจื่อคิดว่า ยังดี ตระกูลโม่และองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ได้มีความแค้นอะไรมากมาย ยังดีที่ ตลอดหลายปีมานี้ คุณพ่อของเธอไม่ได้ปลูกฝังความแค้นไว้ให้เธอ สิ่งที่โชคดีไปกว่านี้คือ ครอบครัวของเธอ ไม่เคยไม่ยอมรับคนขององค์กรโกสต์ซิตี้
ในตอนเด็กๆ หลินจื่อไม่รู้เรื่อง โตขึ้นมาแล้วจึงเข้าใจว่า บางคน ไม่ใช่ว่าจะสามารถปล่อยไปได้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าชอบ ก็จะอยู่ในตำแหน่งหนึ่งของพื้นที่หัวใจ แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ ตำแหน่งนั้นไม่มีคนสามารถทดแทนได้ ปกติจะไม่ไปคิด ทว่าพอคิดขึ้นมาแล้ว ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นใจ คนแบบนั้น ไม่สามารถปล่อยวางได้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของตนเอง ปล่อยให้มันมีอยู่อย่างนั้นไป
สำหรับคุณแม่แล้ว คนที่ช่วยเหลือเธอในช่วงวัยเด็ก มีความพิเศษในใจของเธอ เธอให้ความรักกับคุณพ่อ รักคุณพ่อย่าลึกล้ำ รักชีวิตนตอนนี้ ทว่า เธอยังคงไม่สามารถรู้สึกขอบคุณกับเรื่องที่ผ่านมา คนคนนั้นสำหรับเธอแล้ว คือการช่วยเหลือในระดับหนึ่ง คุณแม่ปล่อยวางไม่ลง และไม่สามารถปล่อยวางได้
หลินจื่อไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดในตอนนั้น ทว่าเธอรู้ เรื่องในตอนนั้น คุณแม่ไม่เคยรู้สึกเสียใจ ในใจของคุณพ่อก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายขนาดนั้น เขาบอกว่า เขาได้รับความรักทั้งหมดจากคุณแม่ ความรู้สึกที่คุณแม่มีต่อเขา คือทั้งหมด ไม่มีการปกปิด พวกเขาไม่เคยเสียใจที่ตบกัน สิ่งที่ผิดหวังสิ่งเดียว คงจะเป็นการที่ไม่สามารถจูงมือเดินไปถึงตอนสุดท้ายได้สินะ? การมีอยู่ของเธอ คือหลักฐานยืนยันความรักของพวกเขา
ดังนั้น เธอใช้เวลานามาก ยอมรับองค์กรโกสต์ซิตี้ ให้ตนเองสามารถเผชิญกับองค์กรโกสต์ซิตี้ได้อย่างเงียบสงบ ถึงแม้ว่าจะเจอมู่เฉิงอีกครั้ง ก็สามารถรักษาความสงบได้