ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1727 นอนด้วยกัน
อะหลิง ไม่ใช่เด็กหญิงธรรมดาทั่วไป ในใจถังจื่อโม่มีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้า เธอไม่ใช่เด็กที่เติบใหญ่ในหมู่บ้านอย่างอ่อนโยนเลย ที่เกาะซื่อหลี จะต้องผ่านการเข่นฆ่าโรมรัน ความอบอุ่นและรอยยิ้มบนใบหน้า เป็นเพียงการป้องกันตนเองเท่านั้น
หัวใจของถังจื่อจื่อโม่กลุ้มกังวลอย่างช้าๆอีกครั้ง ที่เกาะซื่อหลี เขาไม่อาจไว้ใจใครได้เลย แม้แต่อะหลิงก็เช่นกัน
ดังนั้น นายจะต้องมีชีวิตให้ดี ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ห้ามยอมแพ้ ฉันรับรอง ที่เกาะซื่อหลี ขอแค่ฉันยังมีชีวิตอยู่ นายก็มีชีวิตอยู่รอดได้ อะหลิงอยู่ข้างๆ พูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ถังจื่อโม่มองใบหน้านี้ ประณีตงดงาม เหมือนดอกไม้เปราะบางดอกหนึ่ง แต่ว่าคนคนนี้กลับเหมือนก้อนหินใหญ่มั่นคงแข็งแกร่ง
ฉันจะมีชีวิตอยู่อย่างดี ฉันยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ! ถังจื่อโม่พูดอย่างจริงจัง ขอแค่เขายังมีชีวิตรอด เขาก็จะไปจากที่นี่ได้ หนึ่งปีไม่ได้ ก็สองปี สองปีไม่ได้ ก็สามปี ถึงจะนานกว่านั้น เขาก็จะไม่ยอมแพ้!
อย่างนั้นก็ดี ขอแค่ฉันทำสิ่งที่ฉันต้องการสำเร็จ ฉันก็จะส่งนายออกไปจากที่นี่ อะหลิงยิ้มพลางพูด บนใบหน้าปรากฏลักยิ้มสองรอย หวานน่ารักนัก ทำให้คนละทิ้งการระมัดระวังได้อย่างง่ายดาย แต่ถังจื่อโม่ไม่ได้รู้สึกสบายใจ
เอาละ วันนี้ได้รับความตื่นตระหนกมา รีบพักผ่อนเถอะ อะหลิงลุกขึ้น ตบฝุ่นที่อยู่บนตัว ฉันจะพานายไปในห้อง
ถังจื่อโม่ตามเข้าไป เห็นภายในห้องของอะหลิง มีเตียงวางอยู่สองหลัง เขาไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย ที่นี่มีอะหลิงแค่คนเดียว ทำไมต้องมีเตียงสองหลัง แต่ดูจากความหมายของอะหลิงแล้ว เธอเองก็ต้องพักผ่อนในนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงตัดทิ้งความเก้อเขินไป
พักผ่อนดีๆ พรุ่งนี้ยังต้องออกไปข้างนอก ราตรีสวัสดิ์ ตอนที่เสียงของอะหลิงไม่ดัง ดูอ่อนนุ่มอย่างชัดเจน ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ถังจื่อซีออดอ้อนอยู่เล็กน้อย ถังจื่อโม่มีความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน เขาพยักหน้า แล้วนอนหลับไป
อะหลิงนอนลงบนเตียงอีกหลัง นี่เป็นคนที่หกที่มาของปีนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นเขาหรือไม่ จะมีชีวิตรอดต่อไปได้หรือเปล่า? เธอสามารถปกป้องเขาได้ แต่ถ้าปณิธานไม่แน่วแน่ ก็ไม่มีทางรอดชีวิตอยู่ที่นี่ได้ ตระกูลโม่ เขาไม่ใช่คนตระกูลโม่ สรุปว่าไม่ใช่คนที่ตนต้องรอหรือ? อะหลิงมองภาพด้านหลังของถังจื่อโม่ สับสนอยู่เล็กน้อย
ลมทะเลตอนกลางคืนเย็นเยียบ แต่ก็พัดพาความวุ่นวายใจตอนกลางวันไป ไม่นานทั้งสองก็หลับไป
แต่ในสถานที่ไม่คุ้นเคย ถังจื่อโม่หลับได้ไม่สนิท ประกอบกันวันนี้ได้รับความตื่นตระหนก ในฝันยังคงเป็นความหวาดกลัว
อะหลิงได้ยินเสียง มองถังจื่อโม่ขดตัวเป็นก้อน เธอเดินไปแตะหน้าผากเขา ยังดี ไม่ได้เป็นไข้ คงเป็นผลกระทบจากการได้รับความตกใจเมื่อตอนกลางคืน
ถังจื่อโม่นับว่าไม่เลวแล้ว ดีเลวอย่างไรตอนกลางคืนก็ยังหลับได้อยู่ ก่อนหน้ามีคนที่หมดอาลัยตายอยากไปเลย ล้วนไม่มีใครประคับประคองเธอให้ผ่านไป อะหลิงปลอบตัวเองในใจ แล้วปีนขึ้นเตียงถังจื่อโม่ กุมมือเขาหลับไป
ถังจื่อโม่ยังคงถูกความตกใจทำให้ตื่นอยู่ดี ในฝัน อาเฉาถือมีดที่บางราวกับปีกจักจั่นเล่มนั้น เดินมาทางตนทีละก้าวๆ แล้วเฉือนลงบนร่างเขาทีละมีด เขามองเห็นเนื้อที่ร่วงหล่นเป็นแผ่นๆจากบนร่างได้อย่างชัดเจน เลือดไหลราวกับสายน้ำ แผ่กระจายใต้ร่าง เสียงโซ่บนแขนขาทั้งสี่ลื่นไถลจากการดิ้นรนเบาลงเรื่อยๆ สุดท้ายเป็นเสียงมีดตกลงพื้นดังตุ้บ ยังมี เสียงหัวเราะชั่วร้ายของอาเฉา!
ถังจื่อโม่ตกใจตื่นในทันใด ความเจ็บปวดกับเสียงเช่นนั้น ราวกับเขาได้ประสบผ่านด้วยตนเอง เขาหลบหลีกไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้เขารุกรานตามใจ ความหวาดกลัวเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ถังจื่อโม่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และเป็นสิ่งที่เขาในตอนนี้ไร้กำลังจะต่อสู้ด้วยได้
ถังจื่อโม่รู้สึกได้ว่ามีเหงื่อเย็นหลั่งออกมาบนตัว เขายื่นมือไปหมายจะเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก แต่สัมผัสได้ถึงก้อนนุ่มๆที่มือ ถังจื่อโม่มองไปทางด้านข้าง มองเห็นว่ามีคนนอนหลับอยู่ข้างตนอย่างเลือนราง กุมมือของตนเอาไว้
เป็นอะหลิง! ถังจื่อโม่รู้สึกว่าหัวใจที่บีบรัดเมื่อครู่คลายออกในทันที เขาจดจำความอบอุ่นนี้กับความรู้สึกจากมือข้างนี้ที่กุมไว้ได้ ยังดีที่มีคนอยู่เป็นเพื่อนข้างกายตน ยังดีที่ตนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพัง
ถังจื่อโม่จับมืออะหลิงแน่น พูดช้าๆภายในใจ ขอร้องละ ในที่แห่งนี้ ให้ฉันได้เชื่อใจเธอสักหน่อยเถอะ ต่อให้ไม่อาจไว้ใจได้ ก็รอหลังจากที่ตนปรับตัวได้ ค่อยให้ตนเก็บความเชื่อใจนี้กลับมาช้าๆ ได้ไหม?
ถังจื่อโม่นอนลง ตะแคงตัวมาเผชิญหน้ากับอะหลิง เขาแทบไม่ได้นอนด้วยกันกับคนอื่นเลย ตอนนี้ความรู้สึกที่ข้างกายมีใครสักคน กลับทำให้ตนรู้สึกจิตใจสงบ ถังจื่อโม่กุมมือนี้ไว้ แล้วผล็อยหลับไปช้าๆ
ทั้งคืนไม่ฝันอะไร เช้าวันที่สอง ถังจื่อโม่ถูกแสงแดดปลุกให้ตื่น แสงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าทะลุหน้าต่าง อาบไล้ลงบนร่างอย่างอบอุ่น ถังจื่อโม่ลืมตา ก็มองเห็นใบหน้าที่อยู่ใกล้กันมากของอะหลิง มือของเธอยังถูกตนกุมไว้ในมือ เมื่อวานเพียงรู้สึกถึงความอบอุ่น ตอนนี้หลังจากสัมผัสดู รู้สึกได้ถึงผิวกระด้างหนาข้างบน มือคู่นี้ ต้องเคยถูกเคี่ยวกรำมาก่อนแน่นอน
ถังจื่อโม่พลันรู้สึกปวดใจ อะหลิงโตกว่าถังจื่อซีไม่เท่าไหร่ จื่อซีเป็นเจ้าหญิงคนหนึ่ง ถูกคนโอบอุ้มให้เติบโต ไม่ให้โดนกระทบกระแทกแม้แต่น้อย บนมืออย่าว่าแต่ผิวกระด้าง แม้แต่รอยแผลก็ไม่อาจทำใจให้มีอยู่ได้ ส่วนอะหลิง เกรงว่าทุกที่บนตัวจะมีแต่บาดแผล
โฉมหน้าของเด็กหญิงโดดเด่นมาก ขนอ่อนบางบนใบหน้าภายใต้แสงแดดยามเช้าคล้ายจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน เพียงแต่มุ่นหัวคิ้วอยู่ท่ามกลางการหลับฝัน คล้ายกำลังถูกอะไรทำให้กลัดกลุ้ม ถังจื่อโม่ยื่นมือออกไป คิดจะช่วยเธอลูบคลาย
แต่เพิ่งจะแตะโดน อะหลิงก็ตื่นแล้ว เธองึมงำเล็กน้อย คลายมือที่จับถังจื่อโม่ไว้ออก ถังจื่อโม่รู้สึกสูญเสียอย่างฉับพลัน แต่ก็รีบปิดตาลง แสร้งทำเป็นพักผ่อน
อะหลิงลืมตาขึ้น จิตใจหงุดหงิดไม่หยุด เธอถึงกับหลับจนถึงเวลานี้ ถ้าหากท่านยายรู้เข้า เกรงว่าต้องโมโหแล้ว! ยังดีที่วันนี้ไม่ต้องไปหาท่านยาย เมื่อคืนวาน เธอดันหลับสนิทไป คิดว่าคนที่อยู่ข้างหน้าพึ่งพาได้งั้นเหรอ?
อะหลิงไต่ตัวขึ้น ยืนอยู่ข้างเตียง แล้วผลักถังจื่อโม่ ถังจื่อโม่ ตื่นได้แล้ว
เป็นเสียงที่อบอุ่น ดูท่าสภาพจิตใจไม่เลว ถังจื่อโม่จำกัดความอยู่ในใจ เขาขยี้ตา แสร้งทำว่าเพิ่งตื่น
ไป พานายออกไปกินข้าว ซื้อเสื้อผ้ากัน อะหลิงกำลังสวมเสื้อผ้าแล้ว ยังคงเป็นชุดสีดำ ไม่มีลวดลายใดๆ ล้าสมัยมาก ถังจื่อโม่รู้สึกว่านี่ไม่ใช่สีที่เด็กหญิงคนหนึ่งควรจะใส่ เสื้อผ้าของเด็กผู้หญิง ควรจะสีสันหลากหลาย ดูมีชีวิตชีวา สีดำเช่นนี้ดูเคร่งขรึมเกินไป
ถังจื่อโม่ไม่ชอบที่อะหลิงสวมชุดสีดำ แต่รอจนสวมเสร็จแล้ว ก็รู้สึกว่าสีดำก็ไม่เลว ขับให้อะหลิงดูขาวมาก ราวกับหยกขาวอย่างไรอย่างนั้น
ที่นี่? ถังจื่อโม่ตามอยู่ข้างหลังอะหลิง ความรู้สึกต่างจากตอนที่มาเมื่อวาน อีกทั้งบนทางเดิน ทั้งสองฟากฝั่งไม่มีสิ่งกำบังอยู่เลย ไม่กดดันอึดอัดเหมือนอย่างเมื่อวาน
พวกเราเปลี่ยนทางเดินแล้ว อะหลิงอธิบาย เมื่อวานสถานที่ที่ถังจื่อโม่อยู่ คือฝั่งตะวันออกของเกาะซื่อหลี เป็นสถานที่พำนักของเหล่าผู้อาวุโส ไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วไปจะอาศัยอยู่ ตอนนี้ พวกเขาจะไปเขตผู้อยู่อาศัย
อย่างนี้นี่เอง ถังจื่อโม่พูดตอบไปเรื่อย ดูแล้ว เส้นทางที่มา ไม่มีผู้คนย่างกรายไปมา เหมือนกับว่าไม่มีคนอาศัยอยู่ที่นี่เลย แต่สภาพแวดล้อมรอบๆไม่เลวเลยทีเดียว ทุกที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่ม เป็นที่ที่เหมาะกับการเที่ยวพักผ่อน หากไม่ใช่ว่าการอยู่ที่นี่ ชีวิตอาจโดนคุกคามได้ทุกเวลา เขาก็อยากจะเที่ยวเล่นดูสักครั้ง
บริเวณรอบๆค่อยๆคึกคักขึ้นมา คนที่อยู่ข้างๆก็มากขึ้น บางครั้งยังมีเด็กวิ่งผ่านไป บนใบหน้าอะหลิงประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม เธอพูดเตือน ใกล้ถึงแล้ว นายต้องการอะไรก็บอกได้เลย พวกเราไม่ได้มาที่นี่กันทุกวัน
ถังจื่อโม่พยักหน้า ที่นี่มีความรู้สึกอย่างตลาดที่คึกคัก เหมือนตำบลเล็กๆทั่วๆไป ผู้คนขวักไขว่ไปมา บ้างก็ซื้อของ บ้างก็กินอาหาร บ้างก็เล่นเกม ล้วนมีทั้งสิ้น
ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อวานเพิ่งผ่านการคุกคามเอาชีวิตมา ถังจื่อโม่คิดว่า ตนจะต้องถูกสภาพข้างหน้าทำให้งงงงวยเป็นแน่ นี่เป็นช่วงเช้าที่ธรรมดา ผู้คนธรรมดาๆ ชีวิตสามัญทั่วๆไป ความกลัวที่ไหน น่ากลัวอะไรกัน
ความปรองดองในเวลานี้กับความไม่สบายใจของเมื่อวานกำลังเปรียบเทียบกันในหัวของถังจื่อโม่ตลอดเวลา ความสงสัยทั้งยังความหวาดกลัวที่เขามีต่อเกาะซื่อหลีพัวพันอยู่ในใจเขาเรื่อยมา
ถังจื่อโม่คิดว่า การมาของเขากับอะหลิงจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม ถ้าอะหลิงเหมือนกับอาลั่ว อาเฉา คนธรรมดาเหล่านี้ คงจะรู้สึกหวาดกลัวกันทั้งนั้น?
แต่ไม่มี พวกเขาควรทำอะไรก็ยังคงทำสิ่งนั้น ตอนอะหลิงซื้อของ ล้วนทักทายเป็นปกติ ไม่มีความพิเศษอะไรเลย พวกเขาไม่หวาดกลัวอะหลิง และไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าใกล้อะหลิง ประหนึ่งว่าอะหลิงเหมือนกันกับพวกเขา ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เหมือนๆกัน
มาเร็ว มาซื้อเสื้อผ้าที่นี่! ตอนที่ถึงจื่อโม่คิดใคร่ครวญ อะหลิงก็ได้ตะโกนเรียกเขาแล้ว เธอไม่ได้ปิดบังรอยยิ้มบนใบหน้า ราวกับว่าเป็นเด็กคนหนึ่งจริงๆ ถังจื่อโม่เกือบจะเชื่อไปแล้ว แต่ว่าเมื่อคืน การกระทำที่อะหลิงถือมีดกรีดแขนอาลั่วอย่างคล่องแคล่ว วนเวียนอยู่ในหัวถังจื่อโม่ตลอดเวลา..