ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1728 พิธีเซ่นไหว้ (1)
ถังจื่อโม่รู้สึกหวาดกลัวจากเบื้องลึกของหัวใจ ความแคล่วคล่องฉับไวและความตัดเยื่อใยไมตรี เป็นสิ่งที่เข้าเห็นได้น้อยนัก เขากลัวว่าจะมีสักวัน อะหลิงจะเอาความคล่องแคล่วฉับไวนี้มาใช้บนร่างตน
เพียงแต่ตอนนี้ รอยยิ้มอบอุ่นและอ่อนหวานของเด็กหญิงข้างหน้า ทำให้เขามีความผ่อนคลายได้ชั่วขณะ อยากจะเชื่อใจเธอเอาง่ายๆเช่นนี้
ถังจื่อโม่ยังคงเดินไปข้างหน้า อะหลิงหยิบเสื้อผ้าให้ถังจื่อโม่ตามอำเภอใจ ให้เขาไปลองดู ถังจื่อโม่จนปัญญา สุดท้ายก็วางลง เด็กหญิงคนนี้ช่างไม่สนใจเลยว่าเขาจะสวมใส่ได้หรือไม่? เหมาะสมหรือเปล่า?
อะหลิงมองถังจื่อโม่เก็บชุดสีดำขึ้นมา ไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย ชุดนี้ไม่ดีเหรอ? หรือว่าเขาไม่คิดจะเปลี่ยน? อะหลิงไม่พูดอะไร มองถังจื่อโม่เลือกเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งด้วยตัวเอง เข้าไปเปลี่ยนแล้ว หลังจากที่ออกมา ดวงตาของอะหลิงก็สว่างวาบ อย่างที่คาดเอาไว้เลย คนหน้าตาดีสวมชุดอะไรก็น่ามองไปหมด
ว้าว ดูดีมาก! อะหลิงชมโดยไม่ปิดบังสักนิด เดินไปข้างหน้าถังจื่อโม่ วนรอบตัวเขาสองรอบ มิน่าถึงไม่พอใจชุดที่เธอเลือกให้ สายตาเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เธอเลือกเลย
ถังจื่อโม่เม้มปาก การชื่นชมนี้ เขารับไว้แล้ว การกระทำทุกอย่างของอะหลิง ล้วนทำให้เขารู้สึกขัดแย้ง อบอุ่นแต่ก็เย็นชา ไร้เดียงสาแต่ก็โหดเหี้ยม ความขัดแย้งเช่นนี้ ติดตามเธอมาโดยตลอด แต่อะหลิงก็เป็นคนที่เชี่ยวชาญด้านการปิดบังอย่างยิ่งคนหนึ่ง ก็เหมือนกับตอนนี้ มองไม่เห็นถึงความเย็นชาไร้น้ำใจที่ไม่สอดคล้องกับเด็กหญิงอย่างเธอแม้แต่น้อย บนใบหน้าคือความไร้เดียงสา
นายเลือกอีกสักสองสามชุดสิ หรือไม่ก็เลือกที่เหมือนๆกันมาอีกสองสามตัวก็ได้ อะหลิงยืนอยู่ข้างๆ มองดูถังจื่อโม่ลองชุด ความสามารถในการแบกรับความกดดันในจิตใจของคนคนนี้ แข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดเอาไว้ เมื่อวานจนถึงมาถึงวันนี้ ช่วงเวลาหนึ่งคืน มองไม่เห็นแล้วว่าเขาเคยได้รับความตื่นตระหนกมาก่อน นี่เป็นคนแรก ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปต่อเธอ อะหลิงคิด คนคนนี้ คงเป็นคนที่เธอต้องรอสินะ คนที่สามารถช่วยให้เธอทำเรื่องที่เธอต้องการให้สำเร็จ แต่ว่า…เขาไม่ได้แซ่โม่ คนคนนั้นที่ท่านยายบอก แซ่โม่ เป็นคนตระกูลโม่ แต่ว่า เขาคือถังจื่อโม่…
ถังจื่อโม่ ถังจื่อโม่… อะหลิงพึมพำกับตัวเองอยู่สองสามคำ ก่อกวนให้ถังจื่อโม่หันไปมอง ไม่มีอะไรทำไมถึงพูดชื่อเขาซ้ำๆ? นายชื่อว่าโม่จื่อถังหรือเปล่า? อะหลิงพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
อะไรนะ? ถังจื่อโม่ไม่เข้าใจ หมายความว่าอะไร? อะไรเรียกว่า เขาชื่อโม่จื่อถัง? ชื่อมันเปลี่ยนกันตามอำเภอใจได้ด้วยหรือ? อีกอย่าง อะหลิงดูเหมือนจะใส่ใจแซ่โม่นี่มาก มีความหมายพิเศษไหมนะ?
ไม่มีอะไร อะหลิงเห็นสีหน้าฉงนของถังจื่อโม่ ก็ไม่ลุกลี้ลุกลนแม้แต่น้อย คิดว่าตนน่าจะคิดมากไปแล้ว หรือว่า จะไม่ใช่คนคนนี้?
บนเส้นทางกลับ อะหลิงจิตใจไม่อยู่สุข ประเมินถังจื่อโม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ถังจื่อโม่รู้สึกไม่สบายใจ อะหลิงกำลังรอใครคนหนึ่ง เป็นคนตระกูลโม่ คนที่เธอต้องปกป้อง ไม่ใช่เขา แต่เป็นคนตระกูลโม่ผู้นี้ อะหลิงถือว่าตนเป็นคนตระกูลโม่ไปแล้วหรือไม่?
เธอกำลังคิดอะไรอยู่? ถังจื่อโม่ถามหยั่งเชิง
คิดถึงคนตระกูลโม่ ว่าจะปรากฏตัวเมื่อไร อะหลิงสะบัดมือ คล้ายจิตใจหดหู่อยู่เล็กน้อย
ทำไมต้องรอพวกเขา? ถังจื่อโม่มองอะหลิงอย่างใส่ซื่อ
เพราะว่าฉันกำลังรอคนตระกูลโม่อยู่ หรือไม่ก็คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโม่ อะหลิงมองดูท้องฟ้า สายตาทอดไปไกลในพริบตา ถังจื่อโม่รู้สึก คล้ายว่าชั่วเวลานี้ อะหลิงอยากจะไปจากที่นี่ ล่องลอยไปไกล แตะต้องไม่ได้อีก
รอคนตระกูลโม่? ถังจื่อโม่พูดซ้ำ ดังนั้น เมื่อครู่อะหลิงถึงได้ถามว่าเขาไม่ใช่โม่จื่อถังหรือ? เธอเห็นตนเป็นคนตระกูลโม่?
แต่ไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่า มันเป็นแค่ความน่าจะเป็นเท่านั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อะหลิงยิ้มอธิบาย หันหน้าเดินถอยหลังมองถังจื่อโม่ รอยยิ้มบนใบหน้าราวกับสายไหม น่ารัก หวานชื่น
ถังจื่อโม่พยักหน้า เขากำลังคิด ตนต้องแสร้งทำเป็นคนจากตระกูลโม่สักหน่อยหรือไม่ เช่นนี้ จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากอะหลิงใช่หรือเปล่า?
แต่ว่านะ ไม่ว่านายจะใช่คนตระกูลโม่หรือไม่ ก็ต้องมีชีวิตอย่างดี ต้องมีชีวิตดีๆให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะต้องพบเจออันตรายหนักหนาเพียงไร ฉันก็จะไม่ทิ้งนาย นายจะต้องยันเอาไว้จนกว่าฉันจะไปช่วยให้ได้ อะหลิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ถังจื่อโม่รู้สึกว่า ชีวิตของตนได้รับการคุกคามในชั่วพริบตา เขามองอะหลิง เด็กหญิงคนนี้สามารถปกป้องเขาได้จริงเหรอ? เกาะซื่อหลีแห่งนี้ สำหรับคนนอกอย่างเขานี้ แท้จริงแล้วมีทัศนคติอย่างไรกันแน่?
ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะไม่ยอมแพ้ ถังจื่อโม่พูดอย่างแน่วแน่ ประโยคนี้ไม่เพียงพูดให้กับอะหลิงเท่านั้น ยังพูดให้ตัวเองฟังด้วย
นี่นับว่าเป็นบรรยากาศอบอุ่นที่ไม่ได้คงอยู่นานนัก ฝั่งตะวันออกของเกาะซื่อหลีมีแสงไฟขึ้นมาในฉับพลัน อะหลิงสีหน้าเปลี่ยนไป จูงมือถังจื่อโม่วิ่งไปทางนั้น
เกิดอะไรขึ้น? ถังจื่อโม่วิ่งไปพลางถามไปพลาง ของที่หิ้วอยู่ในมือ กลายเป็นภาระในชั่วพริบตา ถังจื่อโม่แทบจะอยากสลัดสิ่งของทิ้ง ตามความเร็วของอะหลิงไป พวกเขาอายุต่างกันไม่มากเห็นๆ กำลังกายกลับเหมือนน้อยกว่าเป็นครึ่ง เขาตามความเร็วของอะหลิงไม่ทันอยู่บ้าง
แต่ท่าทีของอะหลิงดูเร่งรีบอย่างยิ่ง ถังจื่อโม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่ตามอะหลิงไปอย่างสุดกำลัง แต่ตอนที่จวนจะวิ่งตามทัน อะหลิงกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน ถังจื่อโม่ชนกับร่างอะหลิงไปเต็มๆ
ทำไมเหรอ? ถังจื่อโม่คิดว่าห่างไปไม่ไกลแล้ว ก่อนหน้านี้เร่งรีบออกปานนั้น ต้องรีบไปไม่ใช่เหรอ? แล้วตอนนี้?
ฉันไม่อยากพานายไป อะหลิงพูดขึ้นทันที ถังจื่อโม่มองอะหลิงอย่างตกใจ ไม่สามารถกับไม่อยาก เป็นคำสองคำที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถ เป็นคำที่มีความแน่นอนทั้งหมดคำหนึ่ง ไม่อยาก เป็นความรู้สึกตามอัตวิสัย หรือว่าจะมีอันตรายอะไร?
ไม่ถูกต้อง ท่านยายต้องรู้ถึงการมีอยู่ของนายแล้วแน่นอน ดังนั้นถึงได้เร่งให้ฉันไป แต่ว่าแบบนี้… อะหลิงมองถึงจื่อโม่อย่างมีความหมายลึกซึ้ง ตอนนี้เธอได้แต่พาเขาไป แต่ว่า วันนี้ เธอจะปกป้องเขาไว้ได้ไหมนะ?
อะหลิงไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ อิงตามก่อนหน้านี้ คนที่มาใหม่ล้วนมีช่วงปรับตัวสามวันกันทั้งนั้น จากนั้นถึงค่อยไปแท่นบูชา แต่ว่าครั้งนี้ ถังจื่อโม่เพิ่งจะมาเมื่อวาน วันนี้ก็ต้องไปแท่นบูชาแล้ว ข้อยกเว้นนี้ จะก่อให้เกิดผลกระทบอะไรไหม?
ที่อะหลิงกังวลยิ่งกว่าก็คือ ที่เกาะซื่อหลี คนที่สนใจในตัวถังจื่อโม่ ย่อมมีไม่น้อย เขารูปลักษณ์งดงามเกินไป ทั้งยังฉลาดเฉลียวเกินไป บนเกาะซื่อหลี นานมากแล้วที่ไม่มีคนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้น อาลั่วก่อนหน้านี้ สิ่งที่ถูกใจแน่นอนว่าเป็นใบหน้าของถังจื่อโม่ สิ่งที่ผู้อาวุโสคนอื่นๆถูกใจนั้น อาจเป็นอย่างอื่น
ถังจื่อโม่เพิ่งมาเมื่อวาน สภาพในวันนี้ก็ดีมากแล้ว ความกล้าหาญเช่นนี้ อาจดึงดูดให้คนชื่นชอบได้ ถ้ามีคนจะแย่งชิงล่ะ? อะหลิงสูดลมหายใจลึก ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ไม่เป็นไร ไปแล้วค่อยว่ากันอีกที
อีกเดี๋ยวนายจำเอาไว้ อย่าได้เปิดปากพูด อะหลิงพลันคิดถึงโลลิที่ควบคุมเสียงนั่นขึ้นมา น่ารำคาญเสียจริง! ถ้าให้เวลาเธอสักสองวัน เธอก็สามารถทำให้ถังจื่อโม่อยู่ข้างกายเธอได้ ไม่จำเป็นต้องผ่านแท่นบูชาถูกคนเลือก
ได้ ถังจื่อโม่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อะหลิงในตอนนี้จะไม่ทำร้ายเขา เทียบกับความประหวั่นพรั่นพรึงจากคนอื่นๆที่อยู่ที่นั่น ไม่สู้ติดตามอะหลิงเป็นการชั่วคราว ขอแค่ตนสามารถช่วยเธอได้ ขอเพียงตนยังมีประโยชน์ อะหลิงก็จะไม่ทอดทิ้งเขา
ระยะทางไม่ไกลอย่างชัดเจน ยังผ่านทะลุป่าไม้ไป ด้านในคือแท่นบูชาสูงๆ ที่ใหญ่มากแท่นหนึ่ง บนเสาหินทั้งแปดทิศ สลักรูปสัตว์แตกต่างกันไว้ เพียงมองก็รู้สึกได้ถึงความหวาดหวั่น
อะหลิงดึงถังจื่อโม่ เดินขึ้นแท่นบูชา ถังจื่อโม่จึงได้ค้นพบว่า เสาทั้งแปดทิศมีคนนั่งอยู่ อาลั่วก่อนหน้านี้ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถังจื่อโม่รู้สึกว่า ตั้งแต่ชั่วเวลาที่เขาขึ้นมา สายตาของคนเหล่านี้ก็ล้วนมองมาที่เขา สายตาของอาลั่วร้อนแรงเป็นพิเศษ
อะหลิงกุมมือเขาแน่น กลิ่นอายบนร่างเปลี่ยนเป็นเย็นชาในชั่วพริบตา สายตาเย็นชากวาดผ่านทุกๆคน แสดงการปกป้องถังจื่อโม่ออกมาอย่างชัดเจน
ยืนอยู่ตรงนี้อย่าขยับ อะหลิงพูดกับถังจื่อโม่เบาๆ แล้วเดินไปข้างหน้า ก่อนย่อเข่าไปทางผู้เฒ่าที่อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออก ท่านยาย
อยู่ที่นี่ เรียกฉันว่าผู้อาวุโสใหญ่ ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างหน้ามองอะหลิง ไม่ได้มีความรักใคร่เมตตาสักเท่าไร
อะหลิงแก้คำ ผู้อาวุโสใหญ่ ฉันพาคนมาแล้ว
สายตาของถังจื่อโม่มองตามอะหลิง อะหลิงในเวลานี้ ไม่อบอุ่นน่ารักเหมือนก่อนหน้า เป็นเหมือนตอนที่พบกับเขาครั้งแรก ถึงขั้นว่าเย็นชายิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำ
ไม่เลวๆ ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า สายตามองไปทางถังจื่อโม่ แล้วพยักหน้า
ถังจื่อโม่มองเห็นท่านยายของอะหลิงที่นั่งไกลออกไป ดูรูปร่างแล้วเหมือนอายุเพียงสี่สิบกว่าปีเท่านั้น บนใบหน้ากำลังแย้มยิ้ม แต่ว่ารอยยิ้มนี้ ดูอย่างไรก็แปลกพิกล
ถังจื่อโม่ยืนอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนไหวอะไรอีก สถานการณ์ในตอนนี้ไม่แน่ชัด และท่าทีของอะหลิงก็เย็นชาเกินไป ทำให้เขามีความรู้สึกหวาดกลัวอย่างหนึ่งต่อสถานการณ์ในเวลานี้