ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1729 พิธีเซ่นไหว้ (2)
ตอนนี้เขาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นับไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ การมองประเมินมาที่ตัวเขาอย่างโจ่งแจ้งจากผู้คนโดยรอบ คล้ายประเมินราคาสินค้า ถังจื่อโม่รู้สึกอับอาย แต่รู้ดียิ่งกว่าว่า หากเพียงเขากล้าแสดงความไม่อดทนออกมาสักเล็กน้อย คนที่อยู่รอบๆก็จะรุมเร้าเข้ามาจนเขาตายได้ เขาไม่อาจลนลาน และไม่สามารถเป็นฝ่ายนำพาความวุ่นวายมาสู่อะหลิง ถ้าคำพูดที่อะหลิงบอกว่าจะปกป้องเขาคือความจริง เช่นนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ จะต้องมีหนทางแก้ไขแน่
นี่เป็นคนที่เท่าไหร่แล้วที่มาถึงเกาะซื่อหลีในปีนี้? ผู้อาวุโสใหญ่พูดยิ้มแย้ม ดวงตาหรี่ลงจนเป็นเส้นเส้นหนึ่ง มองไม่เห็นดวงตาเลย ยิ่งมองไม่เห็นถึงความรู้สึกที่แฝงอยู่ด้านใน
เป็นคนที่เก้าแล้วค่ะ อะหลิงยืนอยู่ด้านข้าง พูดอย่างเยือกเย็น ถังจื่อโม่ตื่นตระหนกใจ คนที่เก้า?
ก่อนหน้านี้ มีกี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่? ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า ไม่นับว่ามาก ภายหลังอาจจะยังมีคนอื่นมาอีก? ในบรรดาคนที่มาปีนี้ คนงดงามข้างหน้าผู้นี้ สงบเยือกเย็นกว่าเด็กทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าครั้งนี้ จะถูกคนแก่งแย่งกันอย่างไร?
มีชีวิตอยู่สองคน เสียสติไปหนึ่งคนค่ะ อะหลิงพูดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย คล้ายว่าความเป็นความตายของพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิด
คนที่เสียสติคนนั้น ก็ปล่อยเขาไปเถอะ เป็นการให้อภัยจากเกาะซื่อหลีของฉันด้วย ผู้อาวุโสสูงกดหน้าผากเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วพูด เหมือนโศกเศร้าอาดูรและเจ็บแค้นอย่างแท้จริง ถึงจื่อโม่รู้สึกถึงความน่ากลัวตามสัญชาตญาณ ก่อนหน้านี้ที่อาลั่วบอก เกาะซื่อหลีจะปล่อยคนจำนวนหนึ่งไป ก็คือคนที่เป็นเช่นนี้เหรอ? คนที่เสียสติไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ ปล่อยพวกเขาไป แล้วพวกเขาจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
ถังจื่อโม่ยิ่งรู้สึกว่า มายังเกาะซื่อหลีแห่งนี้แล้วไม่มีทางให้ถอยโดยสิ้นเชิง เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ยังต้องมีชีวิตอย่างมีสติต่อไป อะหลิง ไม่แน่ว่าจะพึ่งพาได้ ไม่อย่างนั้น ตนก็แสร้งโดนขู่จนเสียสติไปเสียเลย ถูกพวกเขาปล่อยไป แล้วค่อยคิดหาทางหนี? ถังจื่อโม่ครุ่นคิด
ค่ะ ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้จะส่งใครไปคะ? อะหลิงไต่ถามอยู่ด้านข้าง เสียสติแล้ว ก็หมายความว่าตายไปแล้ว แค่จะตายด้วยวิธีไหนก็เท่านั้น
อาลั่วเพิ่งกลับมา ไม่ส่งเขาไปแล้ว อะฉี นายไปเป็นอย่างไร? ผู้อาวุโสสูงพูดอย่างไม่ใส่ใจ สายตาวนเวียนอยู่ที่ใบหน้าถังจื่อโม่ตลอดเวลา
ก็ได้นะ แต่ว่า คนผู้นี้ที่มาครั้งนี้ยกให้ฉันก็แล้วกัน อะฉีที่โดนเรียกชื่อพูดพลางหัวเราะเหอๆ เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ถังจื่อโม่อดทนไม่หันไปมอง อะหลิงสีหน้าไม่เปลี่ยน ถังจื่อโม่ไม่สบายใจเล็กน้อย ทว่าเขาเชื่อว่าอะหลิง จะไม่ผลักเขาไปให้คนอื่นจริงๆหรอก
ไม่ได้หรอก คนคนนี้ฉันเป็นคนพามา ถ้าจะต้องยกให้ใครละก็ ต้องเป็นฉันก่อนสิ ผู้ที่พูดคืออาลั่ว เสียงของเขาทุ้มต่ำ เนื่องจากตื่นเต้นเล็กน้อย จึงดูหยาบคาย
ที่เกาะซื่อหลี ไม่ได้มีหลักเกณฑ์เช่นนี้ ไม่ใช่บอกว่าใครพามา ก็จะเป็นของคนผู้นั้น เป็นเสียงผู้หญิงเฉียบแหลมคนหนึ่ง ฟังดูแล้วไม่ได้แก่นัก สายตาของถังจื่อโม่เคลื่อนไปทางซ้ายเล็กน้อย มองเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของผู้อาวุโสใหญ่ ลักษณะหน้าตาอายุได้ยี่สิบกว่าปี ผัดแป้งแต่งหน้าอย่างหนา สวยงามกรีดกรายเป็นพิเศษ เด็กน้อยน่ารักอย่างนี้ มอบให้พี่สาวอย่างฉันค่อนข้างจะเหมาะสมนะ
ปีศาจเฒ่าอย่างเธอ ผู้ชายที่อยู่ข้างกายยังไม่พออีกเหรอ? นี่เป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง จะทำให้เธอพอใจได้หรือ? มีคนไม่ยอมทันที กระโดดออกมาพูด ให้ฉันบอก ควรจะให้ฉันนี่ คนที่มาปีนี้ ยังไม่ได้ให้ฉันเลยสักคน
เหอะ นั่นไม่ใช่ว่านายไม่ต้องการหรอกหรือ? เด็กผิวบางเนื้อนุ่มอย่างนี้ จะให้นายเอาไปหลอมยางั้นหรือ? ผู้หญิงพูดถากถาง น้ำเสียงเปลี่ยนไปแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้แหลมเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีก เจือไปด้วยความแก่ชราอย่างหนึ่ง
เด็กน้อยอย่างนี้ หลอมขึ้นมาถึงจะสนุก เธอไม่อยากดูเหรอ ว่าจะเปลี่ยนไปเป็นอะเซิงคนใหม่ไหม? ผู้ชายพูดพลางหัวเราะเหอะๆ
อะเซิงแข็งแกร่งนะ แต่ยังไม่ยี่สิบก็ไม่มีชีวิตแล้ว ฉันยังไม่ทันได้เพลิดเพลินเลย! ผู้หญิงพูดอย่างไม่ปิดบังสักนิด ไม่สู้รอให้โตก่อน หลังจากฉันเพลิดเพลินแล้วค่อยให้นาย
ถังจื่อโม่รู้สึกสะอิดสะเอียน อยากจะอาเจียนอยากห้ามไม่อยู่ คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนอย่างไรกัน พูดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาโดยไม่ปิดบังสักนิด อะหลิงสีหน้าราบเรียบ ดูคล้ายจะชินชา
แต่ว่าฉันเป็นคนพามา ก็ต้องเป็นของฉัน ถ้าหากว่าเขาเต็มใจจะติดตามฉัน พวกเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่ง! อาลั่วพูดอย่างโมโห ถังจื่อโม่รู้สึกขึ้นเป็นครั้งแรกว่า เสียงของอาลั่วช่างไพเราะ อย่างน้อยถ้อยคำที่พูดออกมา ก็ไม่น่ารังเกียจ
ถังจื่อโม่ครุ่นคิด ถ้าอยู่ที่เกาะซื่อหลี คนที่เขาต้องติดตามล้วนเป็นคนเหล่านี้ ติดตามอาลั่ว นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างแน่นอน แน่นอนว่าต้องพูดก่อนว่า คนที่เขาเจอไม่ใช่อาเฉา แล้วก็ ที่อาลั่วรู้สึกต่อเขา ไม่ใช่ราคะ…เพียงรู้สึกว่าเขางดงาม จะเลี้ยงดูไว้ข้างกาย
แต่ว่า จะเป็นไปได้อย่างไร! ถังจื่อโม่รู้เรื่องนี้ดี ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็ไม่อาจเลือกได้ง่ายๆ
โอ้? เขาบอกว่าจะติดตามนายไปตลอดแล้วเหรอ? ผู้อาวุโสใหญ่ที่นิ่งเงียบไปนาน เปิดปากขึ้นโดยฉับพลัน มองถังจื่อโม่แล้วยิ้มเย็น อาลั่ว นับเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว แต่ว่า…เขาจะทนไหวหรือเปล่า?
ถังจื่อโม่ นายว่าอย่างไร! อาลั่วพูดถามตรงๆ
ถังจื่อโม่จำคำเตือนของอะหลิงได้ ห้ามเปิดปากพูด อีกทั้งตอนนี้ เขาจะตอบใช่หรือไม่ใช่ ก็ล้วนไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีทั้งนั้น สถานการณ์ในเวลานี้ เป็นพวกเขากำลังต่อสู้กันเอง จะแย่งกันได้หรือไม่ เป็นความสามารถของพวกเขาเอง หากว่าตนเอ่ยปากพูดขึ้น จะเป็นการจุดไฟสงครามชักนำมาสู่ตัวเอง
ความนิ่งเงียบของถังจื่อโม่ ยั่วโมโหอาลั่วเข้าแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้เอาใจคนอื่นด้วย อะหลิงเห็นอาลั่วไม่พูดอะไร ก็ผ่อนลมหายใจไปเฮือกหนึ่ง ยังดี! ถ้าเปิดปากแล้วถูกอะฉิ้นต้องตาเข้า ได้ตายแน่ๆ
ดูท่าจะไม่ใช่นะ เขาไม่พูดอะไรเลยนี่! ผู้หญิงพูดแล้วยิ้มนุ่มนวล ความเสียดสีฉายชัด อาลั่วมองถังจื่อโม่ บนใบหน้าเกิดจิตสังหารขึ้นมา
ท่านยาย ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่คนมาใหม่ไม่ต้องผ่านพิธีบูชา ก็สามารถกำหนดแน่นอนได้เลยว่าต้องอยู่ที่ไหน? อะหลิงพูดเตือนอยู่ด้านข้าง เมื่อครู่คนเหล่านั้น เข้าใจว่าท่านยายไม่สนใจเรื่องราวแล้วจริงๆหรือ? ครั้งก่อนคนคนนั้นเป็นข้อยกเว้น ครั้งนี้ ยังอยากให้เป็นข้อยกเว้นอีก?
ดังคาด เรื่องนี้ถูกคนหยิบยกขึ้นมาในทันที—— คนใหม่ในครั้งที่แล้ว ไม่ได้ถูกอะฝูพาตัวไปโดยตรงแล้วหรือ?
คนที่ไม่ได้เอ่ยปากมาโดยตลอด ถูกเรียกชื่อก็หัวเราะเย้ยหยัน ล้วนเป็นคนตายไปแล้ว ยังจะพูดอะไร? เสียงนี้ทำเอาถังจื่อโม่หนาวเหน็บไปทั้งตัว ไม่สบายเกินไปแล้ว แฝงไปด้วยความอ่อนวัยของเด็กสาว แต่ว่า..พูดไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอย่างไร เหมือนกับเสียงเล็บครูดบนกระดาน น่ากลัวนัก
แม้จะตายไปแล้ว แต่ดีเลวอย่างไรก็เคยมีอยู่ ตอนนี้คนคนนี้ก็ยังไม่ได้เลือก พวกเราเลือกกันเองก็ได้แล้วนี่? คนคนนั้นไม่ยอมเลิกรา
ฉันคิดว่า ผู้อาวุโสอะลี่คงเข้าใจผิดแล้ว ผู้อาวุโสอะฝูพาคนผู้นั้นไป ตัวเขาก็ได้เป็นคนของผู้อาวุโสอะฝูแล้ว อะหลิงเอ่ยเตือนแล้วหัวเราะ เธอมองไปทางอะฝูที่ซ่อนตัวอยู่บนเก้าอี้ กอดขาไว้ เหมือนกับเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น ใครจะคาดคิดได้ น่าเสียดาย เธอเพียงชอบแค่เสียงของคนเท่านั้น ตอนที่ไม่ชอบ ก็ปาดคอพวกเขาแล้วหยิบออกมา จากนั้นก็มองคนเลือดไหลทีละนิดๆจนตาย ทว่าก็เป็นคนที่ไม่ได้สำคัญคนหนึ่ง ตายไปแล้วก็ตายไป ไม่มีใครพูดอะไร
เป็นคนของเธอ เธอเพิ่งจะอายุสิบสามปีนะ คนคนนั้นพูดหัวเราะเยาะ จะทำอะไรได้กัน
แต่ว่า คนนั้นที่ฉันถูกใจก่อนหน้านี้ อายุสิบห้าแล้วนะ อะฝูหัวเราะคิกคัก น่าเบื่อจริงๆ คนน่ามองคนนี้ ไม่เปิดปากพูด ไม่รู้ว่าน้ำเสียงเป็นอย่างไร ถ้าหากไพเราะ ก็ต้องเป็นของเธอ!
ถังจื่อโม่ประหลาดใจกับความหมายจากคำพูดของเธอ สิบสาม สิบห้า นี่…ตนเพิ่งจะห้าขวบ เธอจะทำอะไรกัน!
ผู้อาวุโสอะลี่ยังมีข้อคิดเห็นอย่างอื่นอีกไหม? อะหลิงไม่ยินดีพูดคุยมากมายกับพวกเขา ทะเลาะกันครู่เดียวก็พอ หรือจะให้พวกเขาพาตัวไปจริงๆ?
ไม่มี องค์หญิงอะหลิงพูดอย่างไรก็อย่างนั้น อะลี่พูดอย่างไม่ยินยอมนัก สีหน้าบนใบหน้าดูยิ้มหยัน มองดูอะหลิงด้วยท่าทีไม่แน่ชัด
อะหลิงแสร้งทำเป็นไม่เห็น เธอรู้ ถ้าไม่ใช่ว่าเธอถูกท่านยายปกป้องไว้ คงถูกคนเหล่านี้ย่ำยีไปแล้ว วิปริตทุกผู้ทุกคน! แต่ตนดันอายุน้อย ทำอะไรไม่ได้เลย!
ไม่ใช่ว่าฉันพูดอย่างไรก็อย่างนั้น หลังจากพิธีบูชา ชื่อหลีพูดอะไร ก็คืออย่างนั้น! อะหลิงโต้แย้งอย่างเคร่งขรึม คิดจะให้เธอรับภาระ ไม่มีทาง! ถ้าหากท่านยายปกป้องไม่ได้ชั่วครู่ เธอไม่ใช่ต้องตายไปหรือ
ใช่ ใช่! ผู้ชายพูดอย่างจนปัญญา ในน้ำเสียงดูเอาอกเอาใจอย่างอธิบายไม่ถูก ทำให้ถังจื่อโม่รู้สึกประหลาด เขาเคยได้ยินคำพูดตอนพ่อพูดเอาอกเอาใจแม่ น้ำเสียงคล้ายคลึง แต่ความรู้สึกที่ให้ กลับไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย ที่อะลี่รู้สึกกับอะหลิง ไม่ใช่อย่างคนในครอบครัว เพื่อน โอ๋เอาใจเด็ก และไม่ใช่คนรักด้วยเช่นกัน มันเหมือนกับสัตว์ที่ถูกล่ามากกว่า…