ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่1042 เจ้าหญิงตัวปลอมVSเจ้าหญิงตัวจริง(6)
“พวกเขาอาจจะไปหาแผนกของเมืองจิ๋น อยากให้ฉันแนะนำให้ทางฝั่งนั้นไหม?เมืองจิ๋นนั้นเป็นที่ที่ เป็นคนของพวกเราเอง” ผู้ดูแลจ้งทักทายแบบนี้เพื่อสื่อสารว่าสามารถทำอะไรได้มากมาย
“ไม่จำเป็น” ซ่างกวนหงไม่เงยหน้าขึ้นมา จนมองออกว่าไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
“ครั้งนี้ไป๋หยิงเปิดใบหน้าให้เฉิงโหรวโหรวเป็นครั้งแรก ไป๋หยิงจะมีความคิดอะไรหรือเปล่า?” ผู้ดูแลจ้งคิด จากนั้นก็พูดต่อ: “ครั้งก่อนหัวหน้าน้อยเคยบอก ว่าไป๋หยิงเป็นศัตรูของคุณหนูใหญ่ถัง ครั้งนี้จะเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังหรือเปล่า?”
เมื่อซ่างกวนหงได้ยินชื่อคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ก็หยุดการกระทำ จากนั้นก็มองไปที่ผู้ดูแลจ้ง: “คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเองก็ไปเมืองจิ๋นแล้วเหรอ?”
“ฉันเองก็ไม่รู้ งานลับๆ ของตระกูลถังนั้นทำได้ดีมา จนตอนนี้ฉันยังติดต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ได้เลย” เมื่อพูดแบบนี้ ผู้ดูแลจ้งที่ทำได้ทุกอย่างก็รู้สึกพ่ายแพ้ เขายอมรับว่าสืบเรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่เจอ แต่ว่าตอนนี้เขาอยากจะคุณหนูใหญ่ตระกูลถังโดยทั่วไปเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
“ติดต่อไม่ได้ก็ยังไม่ต้องงรีบ” ซ่างกวนหงคิด ก่อนจะมีสีหน้าจริงจัง: “คนที่อยู่เบื้องหลังสามารถทำอะไรกับการตรวจดีเอ็นเอได้ เกรงว่าเขาจะรู้เรื่องที่อะเหลียงสงสัยในตัวคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแล้ว เพื่อความปลอดภัยของเธอ อย่าเพิ่งติดต่อเลย”
“ถ้าเกิดคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเองก็ไปเมืองจิ๋นในครั้งนี้ด้วย แล้วถ้าเกิดไป๋หยิงไปเมืองจิ๋นในครั้งนี้เพื่อต่อกรกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังล่ะ?” ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าหัวหน้าคิดเผื่อความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ควรจะยิ่งป้องกันจากไป๋หยิงให้มาก
“ไป๋หยิงไม่ใช่ศัตรูของเธอหรอก” ซ่างกวนหงพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ด้วยความสามารถของเธอ ไม่ต้องพูดถึงไป๋หยิง ถึงจะเอาคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาก็ยังเทียบกับเธอไม่ได้
“ถ้าเกิดไป๋หยิงใช้กำลังขององค์กรโกสต์ซิตี้ในเมืองจิ๋นล่ะ?” ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าไป๋หยิงคนเดียวทำอะไรไม่ได้มาก เขาเป็นห่วงคนของเมืองจิ๋นว่าจะช่วยไป๋หยิงมากกว่า
ถึงอย่างไรตอนนี้เฉิงโหรวโหรวก็เป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้
“แน่นอน คนของเมืองจิ๋นอาจจะไม่สามารถทำอะไรคุณหนูใหญ่ตระกูลถังได้มาก ฉันแค่กลัวว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะเข้าใจองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเราผิดมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงอย่างไรเรื่อของตระกูลถังก่อนหน้านี้ก็เกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้ และก็เป็นเหตุผลที่ฉันไมสามารถติดต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลถังได้อย่างราบรื่นด้วย” ผู้ดูแลจ้งมองไปทางหัวหน้าของตัวเอง ก่อนจะมีแววตาจริงจังขึ้นมา
อันที่จริงเขาก็ไม่อยากให้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเข้าใจองค์กรโกสต์ซิตี้ผิดไปมากกว่านี้ ถ้าเกิดคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงของพวกเขาจริงๆ การเข้าใจผิดมากๆ ไม่ใช่เรื่องดี
ซ่างกวนหงไม่พูดอะไรออกมา มุมปากของเขานั้นเบะเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“คุณไปตรวจสอบหน่อยว่าเธอได้ไปที่เมืองจิ๋นหรือเปล่า?ถ้าเธอไปเมืองจิ๋น ก็ช่วยฉันซื้อตั๋วไปเมืองจิ๋นด้วย” จากนั้น ซ่างกวนหงก็วางพู่กันในมือลง
ผู้ดูแลจ้งอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมีสติกลับมาก็รีบตอบรับ: “ได้ๆ ฉันจะรีบไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าหัวหน้าเป็นห่วงเรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาตลอด แต่ว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าจะทำเพื่อคุณหนูใหญ่ตระกูลถังโดยการไปเมืองจิ๋นด้วยตัวเอง
ดูๆ ไปแล้ว หัวหน้าให้ความสำคัญกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นอย่างมาก
ครั้งนี้ไป๋หยิงกับเฉิงโหรวโหรวไม่มีเรื่องก็พอว่า ถ้าเกิดพวกเธอก่อเรื่องโดยไม่กลัวตาย ผลที่ตามมาก็คง……
ผู้ดูแลจ้งไม่อยากจะคิดต่อ
ถึงแม้ว่างานลับๆ ของตระกูลถังนั้นจะไปได้สวย แต่ว่าผู้ดูแลจ้งก็คิดว่าการจะตรวจสอบว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังได้ไปที่เมืองจิ๋นหรือเปล่านั้นมันง่ายอยู่ดี
ตอนที่เวินลั่วฉิงกับฉู่หลิงเอ๋อไปถึงเมืองจิ๋น คุณนายเหว้ยก็มารับด้วยตัวเอง มู่หรงดัวหยางยุ่งมาก เลยหาเวลามารับไม่ได้
“คุณนี่ ไม่รู้จักมาหาฉันบ้างเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของหยางหยางคุณคงจะไม่มี คุณลืมฉันไปหมดแล้วใช่ไหม?” คุณนายเหว้ยเห็นเวินลั่วฉิงก็ดีใจ แต่ปากก็ยังบ่นไม่หยุด ตั้งแต่ที่เวินลั่วฉิงยอมรับกลับมาตระกูลถัง เธอเองก็รู้ว่าเวินลั่วฉิงนั้นมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมากมาย ดังนั้นเลยโทษเธอตรงๆ ไม่ได้
เพียงแต่เพราะว่าคิดถึงมาก ดังนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะบ่นเล็กน้อย
“ฉันจะลืมคุณได้อย่างไร คุณเป็นคนที่ฉันสนิทมากที่สุดเลยนะ” เวินลั่วฉิงดึงมือของคุณนายเหว้ยมา ก่อนจะมีท่าทีออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย เธอสนิทกับตระกูลเว้ยมากกว่าตระกูลเวินเสียอีก ตระกูลเว้ยเองก็ให้ความรู้สึกสนิทใจกับเธอเหมือนกัน โดยเฉพาะคุณนายเหว้ย
ดังนั้น คุณนายเหว้ยเลยถือเป็นคนที่เธอสนิทเหมือนแม่คนหนึ่ง
“โอเค อย่ามาพูดให้ฉันดีใจเลย ในเมื่อครั้งนี้มาแล้วก็พักนานหน่อยนะ อยู่เป็นเพื่อนฉันนานๆ หน่อย” คุณนายเหว้ยยิ้มแป้นด้วยความเมตตาบนใบหน้า: “ไป พวกเรากลับบ้านเถอะ”
คุณนายเหว้ยเองก็เห็นว่าเวินลั่วฉิงเป็นครอบครัวเหมือนกัน ดังนั้นเลยรับเวินลั่วฉิงกลับบ้าน เพราะจะให้เวินลั่วฉิงอยู่โรงแรมไม่ได้
“คุณป้า ฉันยังมีเพื่อนอีกนะ” เวินลั่วฉิงนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าตอนนี้ยังมีไป๋หยูหนิงด้วย ในสถานการณ์แบบนี้ยังมีคุณฟู่ตามมาด้วย
แต่ว่า เมื่อครู่ไป๋หยูหนิงไปเข้าห้องน้ำ แน่นอนว่าคุณฟู่เองก็ตามไปด้วยเหมือนกัน
“คุณคือหลิงเอ๋อใช่ไหม?” คุณนายเหว้ยเห็นฉู่หลิงเอ๋อที่ลากกระเป๋าเข้ามาพอดี เลยยิ้มให้: “เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องกลับมาด้วยกันสิ”
เวินลั่วฉิงได้ฟังคำของคุณนายเหว้ยก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ดูๆ ไปแล้วคุณนายเหว้ยเองก็รู้เรื่องของมู่หรงดัวหยางกับฉู่หลิงเอ๋อ คุณนายเหว้ยนั้นเหมือนจะยอมรับแล้วในตัวฉู่หลิงเอ๋อแล้ว
พอดีว่าฉู่หลิงเอ๋อมาพอดีก็ได้ยินคุณนายเหว้ยพูดแล้วก็อึ้งไป แต่เธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่คิดว่าคุณนายเหว้ยนั้นสนิทสนมจริงๆ เธอเพิ่งได้เจอคุณนายเหว้ยเป็นครั้งแรก คุณนายเหว้ยก็เห็นเธอเป็นครอบครัวแล้ว
สุดท้าย ทุกคนก็เข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเว้ย
เวินลั่วฉิงกับฉู่หลิงเอ๋อนั้นยังคิดว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่ว่าคุณนายเหว้ยนั้นไม่อยากให้พวกเธอเข้ามายุ่ง เลยให้พวกเธอเล่นสนุกสนานต่อไป
วันที่สอง คุณนายเหว้ยออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นเจ้าบ้านของตระกูลเว้ย ดังนั้นมีเรื่องมากมายที่ต้องการให้เธอไปจัดการ
คุณนายเหว้ยตื่นขึ้นมาตอนเช้า แต่ไม่ได้ปลุกพวกเวินลั่วฉิง เพราะอยากให้พวกเธอพักให้นานกว่านี้สักหน่อย เลยกำชับว่าเดี๋ยวให้ส่งพวกเธอไปที่โรงแรม
ปกติเวินลั่วฉิงเป็นคนตื่นเช้า ไม่ทันเจ็ดโมงก็ตื่นแล้ว ฉู่หลิงเอ๋อชอบนอนตื่นสาย เลยตื่นตอนเก้าโมงกว่า
ถึงคุณนายเหว้ยจะรีบไปช่วยงานสังสรรค์ แต่ว่าเรื่องของคนหลายคนนั้นก็ตัดการได้อย่างดีเหมือนกัน
คุณนายเหว้ยไม่ให้พวกเธอไปช่วยอะไร เลยไม่ได้จัดแจงอะไรให้พวกเธอ พวกเธอรีบไปที่โรงแรมเองก็ไม่มีเรื่องอะไรทำ ดังนั้นคนหลายคนเลยไปถึงโรงแรมตามเวลา
เพียงแต่ เมื่อเวินลั่วฉิงมาถึงด้านนอกโรงแรม กลับถูกคนขวางเอาไว้ เวินลั่วฉิงมองไปทางคนที่ขวางเธอ มุมปากก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดูแล้ววันนี้น่าจะมีคนสร้างเรื่องอะไรมากมาย พลางรอเธอมาอยู่