ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 275 ผู้ชายควรพึ่งพาผู้ชายคนอื่น!
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 275 ผู้ชายควรพึ่งพาผู้ชายคนอื่น!
บทที่ 275: ผู้ชายควรพึ่งพาผู้ชายคนอื่น!
พอลรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการจ้องมองของลิเลียนเฉียบคมขึ้นทันทีที่เขาบอกการตัดสินใจของตัวเอง แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในบรรยากาศอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เด็กหนุ่มต้องก้มศีรษะลงรอการตำหนิจากพี่สาวต่างมารดา ทว่าลิเลียนกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
เธอเพียงแต่มองไปที่เขาอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าหัวใจนั้นจะไม่ได้สงบเหมือนภายนอก
ลิเลียน เกิดในราชวงศ์แอคเคอร์มันน์ ซึ่งทำให้เธอไม่ค่อยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเครือญาติ หรือความสนิทสนมกับพี่น้องที่มีอายุน้อยกว่า นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับตัวตนที่เรียกว่า ‘น้องชาย’ เด็กสาวรู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องดูแลเขาในฐานะพี่สาวคนโต แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าตนจะถูกปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
การปฏิเสธที่จะเข้าร่วมฝ่ายกุหลาบม่วงของพอลไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับลิเลียน เธอคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดด้วยซ้ำ แม้ว่ามันจะไม่อนุญาตให้เธอได้ใช้อิทธิพลของกลุ่มเพื่อปกป้องพอล แต่เธอก็ยังสามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้เป็นครั้งคราว และเด็กสาวก็มีวิธีที่จะทำแบบนั้น
อย่างไรก็ตามมันจะเป็นอีกเรื่อง หากพอลเข้าร่วมกับฝ่ายอื่น มันเทียบเท่ากับที่พอลเลือกคนนอกมาแทนที่ลิเลียน และการตัดสินใจเช่นนั้นก็จะต้องมีผลกระทบตามมาอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าขุนนางของจักรวรรดิออสทีน จะรังเกียจพอลมากแค่ไหน เขาก็ยังคงเป็นผู้ที่มีชื่อตระกูล แอคเคอร์มันน์ มันจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ หากองค์ชายแห่งราชวงศ์ผู้ยิ่งใหญ่จะต้องก้มหัวให้คนนอก ไม่ต้องพูดถึงโรเอลที่มาจากจักรวรรดิเซนต์เมซิท
เขาคนนั้นน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดีนี่นา แล้วทำไมเขาถึงยังยอมรับพอลกัน?
“นี่คือการตัดสินใจของเธอจริง ๆ งั้นหรอ?”
“ค ครับ?”
“ฉันถามว่าเธอเป็นคนตัดสินใจขอเข้าร่วมกับเขาด้วยตัวเองใช่ไหม?”
“ใช่ ใช่ครับ เมื่อวานผมไปหาลูกพี่โรเอล และขอเข้าร่วมกับเขา ผมไม่ได้พบเขาตั้งแต่พิธีเปิดภาคเรียน ไม่คิดเลยว่าเขาจะยอมรับผมจริง ๆ”
“…”
รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งของพอล ทำให้ใบหน้าของลิเลียนขมวดคิ้วขึ้น
เด็กสาวไม่สามารถเข้าใจการกระทำของโรเอลได้ แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะนิ่งและไม่พูดอะไร เนื่องจากพอลได้ตัดสินใจไปแล้ว ลิเลียนก็ไม่น่าจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเขาได้อีก
“ถ้าเธอตัดสินใจแบบนั้นแล้ว เธอก็น่าจะพร้อมสำหรับผลกระทบที่จะตามมาด้วยใช่ไหม? การที่เธอเข้าร่วมฝ่ายอื่น หมายความว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยของฉันจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับเธอได้อีกนะ”
“ถ้านี่คือกับดัก เธอก็ต้องรับมือมันด้วยตัวเองนับจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของเธอจะถูกประณามอย่างรุนแรงจากคนของพวกเรา และอาจทำให้บิดาของเราไม่พอใจด้วย เธออาจจะต้องตกอยู่ในตำแหน่งที่แย่กว่าเดิมนะ”
ลิเลียนพูดอย่างใจเย็นเกี่ยวกับปัญหาที่พอลอาจจะต้องเผชิญ ทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มแข็งทื่อ เขานึกถึงคำที่โรเอลพูดกับแหวนกุหลาบน้ำเงินเมื่อวานนี้ ก่อนจะพยักหน้าหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“ผมเชื่อใจลูกพี่โรเอล แทนที่จะได้รับความชื่นชอบจากขุนนางหน้าซื่อใจคด ผมต้องการเพื่อนแท้ที่จะปฏิบัติต่อผมอย่างจริงใจ องค์จักรพรรดิอาจจะไม่พอใจผมด้วยเหตุนี้ แต่ผมเองก็เป็นแค่ลูกชายนอกสมรสที่ไม่มีสิทธิ์ในการสืบราชสมบัติ อีกทั้งผมเองก็ไม่ได้สนใจบัลลังก์ด้วย”
“สิ่งที่ผมต้องการคือชีวิตในสถาบันการศึกษาที่สนุกสนาน ผมต้องการสถานที่ที่จะสามารถเป็นตัวของตัวเองและทำงานหนัก เพื่อเป็นคนที่ผมใฝ่ฝันจะเป็น”
เงาของโรเอล ผุดขึ้นในจิตใจของพอล ดวงตาของเขาแข็งกระด้างด้วยความมุ่งมั่น เมื่อเห็นเช่นนี้รูม่านตาของลิเลียนก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“… เข้าใจแล้ว”
เด็กสาวถอนหายใจออกมาอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อมองไปที่เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ลิเลียนก็พบว่าจิตใจของเธอเต็มไปด้วยความคิดมากมาย มันยืนยันความเห็นของเธอว่าพอลนั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในตระกูลแอคเคอร์มันน์ที่มีนิสัยเลือดเย็น
แตกต่างจากพี่ชายทั้งสองของลิเลียนที่หลงใหลในอำนาจ พอลเป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับจุดยืนของตน มีความอ่อนเยาว์และคิดบวก เขาไล่ตามความเป็นจริงตรงหน้าที่จับต้องได้สำหรับเขา ไม่มีกลิ่นเหม็นของแผนการหรือการสมรู้ร่วมคิดใด ๆ เขาบริสุทธิ์อย่างที่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาเป็น
ลิเลียนอิจฉาโรเอลจริง ๆ
น่าเสียดายที่พอลไม่ได้เลือกเธอ มิฉะนั้นทั้งสองคนอาจจะสนิทสนมกันก็เป็นได้
“ในเมื่อเธอได้เลือกเส้นทางของตัวเองแล้ว ฉันก็จะไม่พยายามรั้งเธอไว้ อย่างไรก็ตามเรายังคงเป็นญาติกันด้วยการสั่นพ้องของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด หากเธอพบว่าตัวเองถูกต้อนจนมุม และอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง ในฐานะทางเลือกสุดท้าย ให้ตามหาฉัน”
“อา? การสั่นพ้องของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด? เอ่อ… ค…ครับ ขอบคุณสำหรับข้อเสนอที่ดีของคุณ”
พอลสับสนกับคำว่า ‘การสั่นพ้องของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด’ แต่เขาก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่ลิเลียน พยายามจะสื่อ เขาจึงขอบคุณเธออย่างรวดเร็ว กลับกันแล้วลิเลียนไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ ที่เห็นว่าพอลไม่รู้ถึงความหมายของคำ ๆ นี้ เนื่องจากเขาเพิ่งไปถึงระดับแก่นแท้ 5 ได้ไม่นาน และเพิ่งได้รับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด
หลังจากแก้ไขปัญหาที่หนักใจแล้ว พอลก็ดูผ่อนคลายกว่าเดิมมาก เขารับประทานขนมจนหมด ก่อนจะเดินจากไป ระหว่างที่เดินออกจากพระราชวังแห่งภูติอันสง่างาม เด็กหนุ่มก็หวนคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้
ลิเลียน พี่สาวผู้ยิ่งใหญ่ของเขาอาจจะเป็นคนเงียบ ๆ ที่แทบจะไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาเลย แต่ในภาพรวมแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนดีคนหนึ่ง มันคงจะดีมากถ้าเธอได้ร่วมงานกับลูกพี่โรเอล
หลังจากนั้นพอลก็หวนคิดถึงความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งที่จักรวรรดิออสทีนและจักรวรรดิเซนต์เมซิทมีต่อกัน พลางสงสัยเกี่ยวกับศัพท์แปลก ๆ ที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้
การสั่นพ้องของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด คืออะไรกัน? คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของเราสั่นพ้องกับอะไรบางอย่างงั้นเหรอ? อย่างน้อย ๆ เราก็ควรจะรู้สึกเสียวซ่าหรืออะไรบ้างใช่ไหม? แต่เรายังไม่เคยรู้สึกแปลก ๆ อะไรเลยตั้งแต่เข้าเรียนที่นี่เลยนะ
พอลขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เรื่องนี้เกินกว่าความเข้าใจของเขาไปมาก ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยมันไป
“เอาไว้ค่อยถามลูกพี่โรเอลในภายหลังก็แล้วกัน”
พอลพึมพำขณะเดินออกจากฐานของฝ่ายกุหลาบสีม่วง
…
โรเอลมีเป้าหมายมากมายในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เขาต้องการขยายขอบเขตความรู้ของตนเอง เข้าสังคมและทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ๆ และสำเร็จการศึกษาอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เด็กหนุ่มก็ต้องการที่จะพบเบาะแสเกี่ยวกับ ‘นักวิชาการ’ ล่อเหล่าศัตรูที่เขารู้จักในเกมผ่านพอล และอาจจะบรรลุภารกิจอันเป็นไปไม่ได้ที่โรมอบหมายให้เขา
ทั้งหมดนี้มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดเป็นศูนย์กลาง นั่นก็คือความแข็งแกร่ง
แม้จะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว หลังจากที่โรเอลไปถึงระดับแก่นแท้ 4 แต่เขาก็ยังไม่ถึงจุดสุดยอดของระดับแก่นแท้ 4 ถึงมันจะเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะก้าวข้ามระดับแก่นแท้ 4 หากเทียบกับระดับก่อน ๆ แล้ว อีกทั้งเขายังมีเรื่องที่ต้องรับมือมากมายตลอดช่วงปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่การย้ายถิ่นฐานของเทรนท์โบราณเคเดย์ไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ด ไปจนถึงการพบกันกับนอร่าที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ โรเอลมีเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่จะได้อ่านบันทึกทางประวัติศาสตร์ ทำให้อัตราการเติบโตของเขาช้าลง
ทว่าตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ได้แตกต่างออกไปแล้ว ด้วยการลงทะเบียนเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ลำดับความสำคัญของโรเอลจึงถูกเปลี่ยนกลับไปสู่การฝึกฝนเรียนรู้อีกครั้ง
แม้ว่าการเรียนรู้อาจจะฟังดูเป็นแค่การรวบรวมข้อมูลใหม่ ๆ และทำให้ฉลาดขึ้น แต่สำหรับโรเอลแล้วมันเป็นหนึ่งในเส้นทางสู่การเติบโตให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มีทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกอันยอดเยี่ยม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ แต่ในทรัพยากรทั้งหมดนั้นสิ่งที่ทำให้ดวงตาของโรเอลเปล่งประกายที่สุดก็คือห้องสมุดขนาดใหญ่ของที่นี่
หอประชุมนานาชาติแห่งปัญญา
นี่คือห้องสมุดที่มีชื่อเสียง ไม่เพียงแต่ในเลนสเตอร์เท่านั้น แต่ยังดังก้องไปทั่วอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลทั้งหมดอีกด้วย มันเป็นความภาคภูมิใจของอาณาจักรนี้
หอประชุมนานาชาติแห่งปัญญาของอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล หอสมุดในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ของจักรวรรดิเซนต์เมซิท และคลังเกียรติยศล้านปีของจักรวรรดิออสทีน คือหอสมุดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดสามแห่งในทวีปเซีย โดยเก็บรักษา บันทึกทางประวัติศาสตร์กว่า 60% ของมนุษยชาติเอาไว้ ทำให้พวกมันถือเป็นแก่นแท้ของอารยธรรมมนุษยชาติก็ว่าได้
ในบรรดาหอสมุดทั้งสามแห่ง หอประชุมนานาชาติแห่งปัญญาคือที่ที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นเพียงหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกของสถาบันเซนต์เฟรย่าก็ตาม
หากย้อนกลับไปในอดีต ในสมัยที่สถาบันการศึกษายังรับนักเรียนจำนวนไม่มากเท่าไหร่ต่อภาคการศึกษา ทีมผู้บริหารของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มักจะพบว่าตัวเองตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้รับเงินบริจาคจำนวนมาก พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะเอางบบริจาคเหล่านั้นไปลงที่ไหน?
นี่เป็นปัญหาของสถาบันการศึกษาระดับโลก ที่ทำให้อาจารย์ใหญ่หลายชั่วอายุคนต้องลำบาก ประเด็นหลักก็คือการบริจาคเหล่านี้ควรจะถูกใช้กับสิ่งอำนวยความสะดวกที่จับต้องได้ในสถานศึกษา และไม่ควรถูกส่งต่อไปยังภาคีแห่งปัญญาหรือองค์กรนักศึกษาต่าง ๆ
พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้บริจาคต้องการเห็นที่ดินและอาคาร
ด้วยเหตุผลบางอย่าง คนรวยชอบสิ่งของใหญ่ ๆ และจะดียิ่งกว่าเดิม ถ้าพวกเขาสามารถตั้งชื่อมันตามชื่อของตนเองได้ อย่างไรก็ตามการบริจาคดังกล่าวมีประโยชน์จนถึงจุด ๆ หนึ่งเท่านั้น มิฉะนั้นสถาบันจะมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างมากเกินไป จนมีคนไม่เพียงพอที่จะใช้มัน ส่งผลให้สถานศึกษาบางส่วนกลายเป็น ‘เมืองร้าง’
อย่างไรก็ตาม เมื่อเงินก้อนโตไหลมาบ่อย ๆ หลายชั่วอายุคน ผู้บริหารก็พบว่าตนเองมีความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธเงินได้เนื่องจากการบริจาคมีผลทางการเมือง อีกทั้งการปฏิเสธเองก็ถือเป็นการดูถูกความปรารถนาดีของอาณาจักรมหาอำนาจอีกด้วย มันจึงเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันการรับเงินแล้วไม่จ่ายนั้นไม่ถือว่าผิด
เงินบริจาคที่มากเกินไปเป็นปัญหาสำหรับเหล่าผู้บริหารมานานหลายปี จนกระทั่งมีคนเสนอความคิดที่แยบยลออกมา
เฮ้ ทำไมเราไม่ใช้เงินนั้นไปบำรุงหอสมุดแทนล่ะ?
นี่ทำให้หอสมุดของพวกเขาขยายออกไปหลายต่อหลายครั้งจนมีหนังสือไม่เพียงพอที่จะเติมชั้นหนังสือที่ว่างเปล่า
ร้อยปีต่อมา สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า จึงได้ทุ่มเทเงินทุนส่วนใหญ่ไปกับการซื้อหนังสือประวัติศาสตร์ ที่หาได้ยากทุกประเภท โดยจะใส่ชื่อผู้บริจาคไว้บนปกหนังสือแทน เช่นหนังสือเล่มที่โรเอลถืออยู่ในขณะนี้
ด้วยความเอื้ออาทรของเคานต์ฮาวเทอร์แห่งจักรวรรดิออสทีน ธันวาคม 717
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกให้ผู้บริจาคเซ็นรายเซ็นของตนบนหน้าปกอีกด้วย แต่แน่นอนว่าบริการพิเศษนั้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน
ปรากฏว่าจู่ ๆ พวกขุนนางก็เริ่มคิดว่าการมีชื่ออยู่บนหนังสือเพื่อความรู้นั้นให้ชื่อเสียงกับพวกเขามากกว่าการจารึกชื่อไว้บนอาคาร พวกเขาจึงเปลี่ยนไปบริจาคหนังสือแทน ภายใต้การสนับสนุนอย่างท่วมท้นของเหล่าผู้บริจาค ห้องสมุดจึงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุดก็กลายเป็นอิสระจากสถาบันเมื่อสามร้อยปีก่อน และได้เปลี่ยนชื่อเป็นหอประชุมนานาชาติแห่งปัญญา
หอสมุดนั้นยังคงตั้งอยู่ภายในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่บุคคลภายนอกก็สามารถยื่นขอคำอนุญาตเพื่อเข้ามาใช้ห้องสมุดได้ นี่ก็เพื่อส่งเสริมความรู้ให้แก่ประชาชนในอาณาจักร แต่สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคาดไว้เท่าไหร่นัก
โรเอลสังเกตเห็นว่ามีนักเรียนหญิงจากสถาบันการศึกษาอื่น ๆ แอบมองมาทางเขาตลอดเวลา ก่อนจะหันไปกระซิบกันเอง และการกระทำของพวกเธอทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ จนท้ายที่สุด ความรู้สึกไม่สบายใจของเขาก็เอาชนะความเกียจคร้านได้
ดังนั้นโรเอลจึงเดินตรงไปยังห้องอ่านหนังสือส่วนตัวที่ต้องชำระเงิน เพราะเขาต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เพื่ออ่านหนังสือให้จบ
โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขานั้นกำลังถูกวัตถุทรงกลมที่ลอยอยู่บนเพดานแอบดู