ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 331 รสชาติของจูบ
บทที่ 331: รสชาติของจูบ
ภายใต้ท้องฟ้าอันสว่างไสว ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ กำลังโบยบินผ่านป่าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกด้วยการนำทางของวิญญาณ
นี่ก็ผ่านมาได้สองชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ที่เธอเจาะเพดานในห้องเก็บไวน์และหลบหนีออกมา เมื่อรู้ว่ามันคงไม่ฉลาดเท่าไหร่หากจะหนีออกทางประตูสถาบัน เธอจึงรีบรี่ไปป่าหมอก ซึ่งตรงไปยังส่วนอื่น ๆ ของเมืองเลนสเตอร์
ปกติแล้วทั้งสองคนเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดสายตาผู้คน ไม่ว่าจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทนรับความสนใจใด ๆ ไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโรเอลอยู่ในร่างเด็ก
ลิเลียนก้มศีรษะลงมองดูร่างในอ้อมกอดของเธอ ผิวของเด็กชายที่หลับใหลนั้นนวลเนียนจนดูเปล่งประกายภายใต้แสงจันทร์ ขนตาที่น่ารักของเขากระพือไปตามสายลม เขามีตาสองชั้น คิ้วบาง สันจมูกตรง ริมฝีปากสีแดง และหูเล็ก ๆ หนึ่งคู่ที่ดูเหมือนหอยแมลงภู่
“!”
เมื่อมองดูสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่น่ารักในอ้อมแขนแล้ว ก็ทำให้ลิเลียนรู้สึกเหมือนถูกลูกศรพุ่งเข้าใส่หัวใจ ลมหายใจของเธอสงบนิ่งมาโดยตลอดต่อให้ปีนข้ามเขานับสิบนับร้อยลูก แต่มันกำลังเริ่มปั่นป่วน แม้แต่ตัวก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้น
ลิเลียนดึงคอเสื้อตัวเองออกเพื่อสัมผัสกับลมเย็นยามค่ำคืน หลังจากนั้นเธอจึงค่อย ๆ สงบลง
นี่เป็นเหตุผลที่สอง ที่ลิเลียนตัดสินใจว่าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชน เพราะโรเอลนั้นดูสะดุดตาเกินไปแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเขา ก็กลายเป็นศูนย์รวมความสนใจเพียงพอแล้ว
แม้ว่าลิเลียนจะหนีไปกับโรเอลในช่วงเวลาอันเร่งรีบนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ได้ไต่รตรองถึงปัจจัยต่าง ๆ อีก เธอเลือกที่จะฝากฝังข้อความถึงหน่วยรักษาความปลอดภัย เพื่อแจ้งให้พวกนั้นทราบว่ายังมีผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายคนอื่น ๆ หลงเหลืออยู่ภายในสถาบันเพื่อถ่วงเวลา
ทั้งโรเอล และลิเลียนต่างก็มีอัตลักษณ์ที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ หากจู่ ๆ พวกเขาก็หายตัวไปโดยไม่มีเหตุผล
แน่นอนข้ออ้างในการไล่ตามผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายไม่มีทางได้ผลในระยะยาวแน่ แต่อย่างน้อย ๆ มันก็น่าจะซื้อเวลาได้ราว ๆ วันสองวัน
ซึ่งนั่นก็มากเกินพอแล้วสำหรับลิเลียน ที่จะหนีจากบริเวณใกล้เคียงของเมืองเลนสเตอร์ เมื่อถึงตอนนั้น เด็กสาวก็จะเขียนจดหมายถึงคริส เพื่อให้เธอออกหนังสือว่าทั้งคู่ไปทำภารกิจ สร้างข้อแก้ตัวขึ้นอีกประการหนึ่งต่อการหายตัวไป
อย่างน้อย ๆ มันก็จะช่วยป้องกัน ไม่ให้เรื่องนี้ลุกลามไปเป็นคดีการหายตัวไปของนักเรียน แม้ว่ามันจะหยุดนักเรียนคนอื่น ๆ ซุบซิบนินทาถึงทั้งสองคนไม่ได้ก็ตาม การนินทาน่าจะบ่อนทำลายเกียรติของพวกเขาทั้งคู่ แต่เด็กสาวคิดว่ามันไม่น่าจะบานปลายไปได้มาก จากความสัมพันธ์อันเย็นชาที่พวกเขามีผิวเผิน
ลิเลียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ขณะที่ริมฝีปากของเธอยิ้มดีใจกับผลงานที่ทำได้ดี เกี่ยวกับวิธีรักษาความลับในชั้นเรียนซ่อม โดยไม่รู้ว่าน้องชายอีกคนของตัวเองเริ่มมองว่า เธอคือสัญลักษณ์ของเจตจำนงเสรีเรื่องความรักไปแล้ว
แม้ว่าเรื่องซุบซิบระหว่างเธอกับโรเอลจะแพร่กระจายออกไปจริง ๆ … แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด
ลิเลียนชำเลืองมองไปยังเด็กชายที่เธออุ้มอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะรีบหลบตาด้วยแก้มที่แดงก่ำ
เด็กสาวไม่เคยกังวลว่าคนอื่นจะมองตัวเองอย่างไร เพราะไม่คิดว่าตนจำเป็นต้องกังวลกับความคิดเห็นของคนอื่น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกคาดหวังเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าข่าวลือระหว่างเธอและโรเอลจะแพร่กระจายออกไป
พวกเขาจะมองเรายังไงนะ ? จะคิดว่าพวกเราเข้ากันรึเปล่า ? หรือจะคิดว่าระหว่างพวกเราจะไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ เกิดขึ้นมาได้ เพราะพวกเรามาจากคนละดินแดนงั้นหรือ ?
“… วันนี้เราควรจะหาที่พักก่อน”
ด้วยความคิดต่าง ๆ นานาที่อยู่ในจิตใจ รวมถึงร่างกายของเธอที่ร้อนระอุขึ้นในทุกขณะ ทำให้ลิเลียนคิดว่าความอ่อนล้าได้มาเยือนแล้ว เด็กสาวจึงเริ่มค้นหาสถานที่พักผ่อนในบริเวณรอบ ๆ
บ้านพักส่วนตัวบนภูเขาหลายแห่งถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ โรงเรียนเซนต์เฟรยาในช่วงพันปีที่ผ่านมา ลิเลียนจึงใช้เวลาไม่นานในการหาคฤหาสน์ดี ๆ ในการพักแรม จากสภาพของมันแล้ว เธอประเมินคร่าว ๆ ได้ว่า คงจะเป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับขุนนาง เพื่อหลีกหนีจากความร้อนระอุในฤดูร้อน
ไม่มีการลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น ลิเลียนรีบตรงไปยังคฤหาสน์ที่มีสภาพดูดีที่สุด
ระหว่างที่กำลังอุ้มโรเอลด้วยมือข้างหนึ่ง เธอก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างสะบัดด้ายพลังเวทย์ไปทางประตูคฤหาสน์อย่างไม่ใส่ใจ สะเดาะกลอนออกด้วยเสียง ‘ตึก’ ก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไปในคฤหาสน์
ลิเลียนได้ตรวจสอบล่วงหน้าแล้วว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องตรวจดูอีกรอบ เธอกวาดตามองไปทั่วห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอน
หลังจากผ่านบันไดที่มีหน้าต่าง ซึ่งมีทิวทัศน์สวยของท้องฟ้าและแสงจันทร์ผ่านทางเดินที่มีเงาประปราย เด็กสาวก็เข้าไปในห้องนอนอันว่างเปล่า แล้ววางโรเอลลงบนเตียงที่นุ่มนิ่ม ดูเหมือนว่าจะมีคนใช้เข้ามาที่คฤหาสน์นี้บ่อย ๆ เพื่อทำความสะอาดสถานที่ เนื่องจากห้องนอนนั้นดูสะอาดสะอ้าน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่เธอสนใจในตอนนี้
มีปัญหาสำคัญกว่าที่ลิเลียนจะต้องแก้ไข
คืนนี้ทั้งคู่… จะนอนด้วยกันไหม ?
ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ ยืนอยู่ข้างเตียงทรงกระโจมขนาดใหญ่พร้อมลมหายใจที่เริ่มะรัวขึ้น เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคอ ขณะที่ร่างกายเริ่มร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง
เธอใกล้ชิดกับโรเอลมากขึ้น หลังจากรอดมาจากอุปสรรคต่าง ๆ ในฐานะผู้เฝ้ามอง แต่ทั้งสองคนก็ยังคงมีขอบเขต และเคารพที่พวกเขาต่างเพศกัน หลักฐานก็คือทั้งคู่ไม่เคยได้นอนร่วมเตียงกันเลย ในตอนที่อยู่ในสำนักงานใหญ่ของภาคีแห่งนักบุญสาขาเลนสเตอร์
จักรวรรดิออสทีนมีธรรมเนียมอนุรักษ์นิยมแบบดั้งเดิม ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานไม่ควรนอนร่วมเตียงกับผู้ชาย เพราะจะถูกมองว่าเธอละทิ้งผู้สมัครรายอื่น ๆ ที่อาจเป็นไปได้ทั้งหมด เทียบเท่ากับการสัญญากับตัวเองว่าจะนอนกับผู้ชายคนนั้นไปตลอดชีวิต
สาเหตุที่โรเอลเลือกที่จะไม่นอนร่วมกับลิเลียน คงเพราะเคารพต่อประเพณีของจักรวรรดิออสทีน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาผลัดกันเข้านอน แต่เมื่อต้องเผชิญกับทางเลือกเดิมอีกครั้ง ลิเลียนก็พบว่าตัวเองเริ่มลังเล
มีห้องว่างมากมายในคฤหาสน์ และก็ยังไม่มีผู้ใดไล่ตามมา จึงไม่มีเหตุผลใดที่ทั้งสองคนจะต้องนอนร่วมเตียงกัน ถึงอย่างนั้นตามลิเลียนกลับพบว่าตัวเองไม่สามารถเดินออกจากห้องนี้ไปได้เลย
ดวงตาสีอเมทิสต์ของเด็กสาวจ้องไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียง ตั้งแต่ผมยาวที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนไปจนถึงใบหน้าอันบอบบางของเขา อย่างไรก็ตามเด็กสาวคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากตนเองจะนอนร่วมเตียงด้วย
สัญญาว่าจะนอนกับโรเอลไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ ? กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอจะได้ทำหน้าที่คอยปกป้องและดูแลเขาไปตลอดชีวิตสินะ ?
คำปฏิญาณนี้เป็นคำปฏิญาณที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดว่าจะผ่านพ้นไปได้ เพราะมันแสดงถึงความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง แต่ขณะนี้ลิเลียนนั้นมีควมาคิดที่ต่างไปจากเดิมมาก
มีอะไรดี ๆ แบบนี้ในโลกด้วยงั้นหรือ ?
ลิเลียนหวนนึกถึงการจูบที่แม่มดเริ่มใช้ร่างกายตัวเองกับโรเอลในขั้นแรก
นั่นเป็นการจูบที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน อบอุ่นต่างจากที่เด็กสาวเคยรู้จัก มันเป็นจูบที่เติมเต็มจิตวิญญาณของลิเลียน ปลดปล่อยให้เธอรู้สึกมึนเมาและหลงทาง แค่คิดถึงมันก็ทำให้เธอเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นในใจ
จูบกับเขาจะมีรสชาติยังไงนะถ้าสภาพร่างกายเป็นแบบนี้ ?
ด้วยความคิดเช่นนั้น ร่างของลิเลียนจึงเริ่มเอนเข้าไปใกล้โรเอล