ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 339 คุณแค่ต้องเชื่อใจฉัน
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 339 คุณแค่ต้องเชื่อใจฉัน
บทที่ 339: คุณแค่ต้องเชื่อใจฉัน
“โรเอล แล้วอันนี้ล่ะ”
“… ก็ยังหลวมเกินไปอยู่ดีครับ”
ภายในห้องลองเสื้อผ้า โรเอลใช้มือข้างหนึ่งนวดขมับขณะที่ถือกางเกงขนาดใหญ่เกินตัวในมือ พร้อมสีหน้าที่ผิดหวังและฉาดชัดว่าทำอะไรไม่ถูก
เนื่องจากเสื้อผ้าตัวเก่าของโรเอลทั้งใหญ่และสกปรกเกินไป เขาจึงเริ่มตามหาเสื้อผ้าในคฤหาสน์เช่นเดียวกันกับลิเลียนก่อนหน้านี้ และในไม่ช้าเขาก็พบเสื้อผ้าของคนรับใช้ ปัญหาเดียวก็คือพวกมันใหญ่เกินไปสำหรับเด็กชายตัวน้อย
“รุ่นพี่ มีอะไรที่เล็กกว่านี้ไหมครับ ?”
“นั่นเป็นเสื้อผ้าที่เล็กที่สุดของที่นี่แล้ว เราคงทำได้แค่แก้มัน”
ลิเลียนหยิบกางเกงมาจากมือของโรเอล และตัดส่วนที่เกินออกด้วยพลังเวทย์อันแหลมคมที่เธอเรียกออกมาจากปลายนิ้ว
“ตอนนี้เธอคงต้องอดทนไปก่อน เดี๋ยวเราค่อยไปหาซื้อเสื้อผ้าที่พอดีกว่านี้ตอนไปถึงเมืองถัดไปก็ได้”
“ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเท่าไหร่”
โรเอลล้มตัวลงบนเก้าอี้และมองดูลิเลียนแก้ทรงกางเกงด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง เขาคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ค้างอยู่ในใจ ตั้งแต่ได้ยินเกี่ยวกับแผนการของลิเลียน
“รุ่นพี่ พวกเราจำเป็นต้องไปจากที่นี่จริง ๆ เหรอครับ ?”
“…”
มันเป็นคำถามที่กระชับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล การเคลื่อนไหวของลิเลียนหยุดชะงักทันที เธอจ้องมองกางเกงในมืออย่างเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้ายืนยัน
“ใช่ พวกเราต้องไป”
“… เข้าใจแล้วครับ”
โรเอลไม่ได้โต้แย้งใด ๆ ต่อคำพูดชี้ขาดนั้น เนื่องจากทั้งสองได้พูดคุยเรื่องนี้กันมาก่อนแล้ว เพียงแต่ศีรษะของเขาก้มต่ำลงแสดงถึงความผิดหวัง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับโรเอลที่จะสามารถเอาชนะอุปสรรคในสถานะผู้เฝ้ามองได้ และสิ่งแรกที่เขาต้องการจะทำก็คือการกลับไปพบผู้คนที่เขารัก ความคิดที่ว่าเขาต้องพรากจากคนเหล่านั้นไปโดยที่ไม่สามารถบอกลาได้ ทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุข
ลิเลียนเข้าใจดีถึงสิ่งที่โรเอลคิดอยู่ในใจ แต่เธอก็ไม่ได้คิดที่จะทำอะไร
แม้ว่าสายตาและท่าทางที่ไม่มีความสุขของโรเอลจะทำให้ลิเลียนรู้สึกแย่อยู่ภายในใจก็ตาม เธอถอนหายใจแล้ววางกางเกงลงแล้วเดินขึ้นไปหาโรเอลพร้อมคุกเข่าลงเพื่อสบตาเขา
“โรเอล แม้ว่าฉันจะไม่มีประสบการณ์มากเท่ากับเธอในการรับมือพวกลัทธิชั่วร้าย เทพเจ้าโบราณ และสิ่งต่างที่น่าสะพรึงกลัวพวกนั้น แต่ฉันกล้าพูดได้เลยว่า ไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะรู้เกี่ยวกับจักรวรรดิออสทีนและความอัปลักษณ์ของมนุษย์ไปมากกว่าฉัน”
“ตอนนี้เธออาจจะยังไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่สภาพที่เป็นอยู่ของเธอนั้นอันตรายเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจได้ หากข่าวเกี่ยวกับพลังของเธอที่สามารถมอบความเยาว์วัยให้กับผู้อื่นได้กระจายออกไป ตระกูลใหญ่ ๆ และองค์กรที่มีอำนาจจะต้องพยายามเสาะหาตัวเธอแน่”
“ฉันรู้ดีว่าเธอแข็งแกร่ง แต่ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถปกป้องตัวเองได้ แล้วคนอื่น ๆ ที่เธอเป็นห่วงเป็นใยล่ะ ? หากองค์กรเหล่านั้นตามล่าคนที่เธอรักเพื่อที่จะได้ใช้พวกเขาเป็นตัวประกัน เธอมั่นใจเหรอ ว่าตัวเองจะสามารถปกป้องพวกเขาทุกคนได้ ?”
“!”
โรเอลขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาเข้าใจดีถึงความสำคัญของการฟื้นคืนความเยาว์วัย และรู้ว่ามีคนมากมายยอมก้มหัวทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังนั้น… หรืออย่างน้อย ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าตนเองละเลยความปลอดภัยของผู้คนที่เขารักโดยไม่รู้ตัว
หลายคนที่เขาสนิทด้วยแข็งแกร่งและได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นนอร่า ชาร์ล็อต หรืออลิเซีย หรือแม้แต่คาร์เตอร์ด้วย พวกเขาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีอัศวินมากมายอยู่ภายใต้การบังคับบังชา
หลายปีมานี้ โรเอลเป็นคนเดียวที่ต้องเผชิญกับอันตรายแบบไม่ได้พัก จากสถานะผู้เฝ้ามองและการคุกคามของลัทธิชั่วร้าย ด้วยเหตุนี้เด็กชายจึงคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องคนที่ตนรัก คือการไม่ให้พวกเขาเข้ามาพัวพันกับเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาเด็ดขาด
แต่ตอนนี้โรเอลเริ่มคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นกว่าเดิม เด็กชายตระหนักได้ว่าตนเองพลาดไป มีคนสำคัญในชีวิตเขาหลายคนที่อยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอกว่ามาก เมื่อเทียบกับนอร่าและคนอื่น ๆ เช่นกัน สาวใช้ที่ดูแลเขามาตั้งแต่อายุยังน้อยอย่าง แอนนา ถ้าหากแอนนาถูกลักพาตัวไป มีหรือที่เขาจะไม่สะทกสะท้าน
“พวกเราห้ามบอกเรื่องนี้กับนอร่าและชาร์ล็อตด้วยจริง ๆ เหรอ ?”
โรเอลถาม
เขายังคงคิดว่าลิเลียนเข้มงวดกับเรื่องนี้เกินไป และเด็กสาวทั้งสองก็คงจะกังวลมากแน่ ๆ ถ้าเขาหายไปโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
“ไม่ พวกเราบอกพวกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้”
“อย่าว่าแต่คนในชนชั้นปกครองเลย แม้แต่การให้ขอทานข้างถนนรู้เรื่องนี้ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ผู้ที่อยู่ในสังคมชั้นบนมีแรงจูงใจและอำนาจที่จะจัดการกับเธอ ฉันรู้ดีว่าตระกูลแอสคาร์ดทรงพลังและมีอิทธิพลมากพอที่จะจัดการกับศัตรูส่วนใหญ่ของเธอ แต่ถ้าศัตรูของเธอคือคนที่เธอคิดว่าเป็นมิตรล่ะ เธอแน่ใจงั้นเหรอว่า ตัวเองจะสามารถแยกศัตรูออกจากมิตรได้ ?
“ฉันรู้ว่าเธอสนิทสนมกับสองคนนั้น แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องในปัจจุบัน เธอไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพวกเขาจะเป็นยังไงในอนาคต มันเสี่ยงเกินไปที่จะให้สองคนนั้นมามีส่วนร่วมในเรื่องนี้”
ลิเลียนกล่าว
คำทำนายที่เธอได้ยินจากอาร์เทเชียได้เปิดตาของเธอให้กระจ่างเกี่ยวกับด้านมืดของความสัมพันธ์และความรัก ทำให้เธอเชื่ออย่างลึกซึ้งว่าทั้งนอร่าและชาร์ล็อตนั้นไม่น่าเชื่อถือ
ลิเลียนไม่คิดว่าเธอเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะมีด้านมืดในจิตใจ เด็กสาวทั้งสองอาจจะรักโรเอลจริง ๆ แต่ความรักของพวกเธอก็อาจบิดเบี้ยวได้เช่นกัน ไม่มีการรับประกันว่าพวกเธอจะไม่พยายามทำร้าย โรเอล หากความรู้สึกที่มีต่อเขากลายเป็นความเกลียดชัง ดังนั้นมันจึงไม่ฉลาดเท่าไหร่ที่จะบอกจุดอ่อนของโรเอลกับพวกเธอ
“ผมเชื่อใจนอร่าและชาร์ล็อต พวกเธอไม่มีทางทำร้ายผมหรอก”
โรเอลตอบอย่างมั่นใจ
ลิเลียนถอนหายใจต่อหน้าความไร้เดียงสาของโรเอล แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ชื่นชมความไร้เดียงสาของเขาที่จะเชื่อมั่นในผู้อื่น
“แม้ว่าเธอจะเชื่อใจสองคนนั้น แต่มันก็อันตรายเกินไปที่จะพยายามส่งข้อความไปหาในตอนนี้ ฉันรู้ว่านี่ทำอาจให้เธอไม่พอใจ แต่ได้โปรดเชื่อใจฉันสักครั้งแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ”
เธอว่า
“… อย่างนั้นก็ได้ครับ”
มีความลังเลอยู่ครู่หนึ่งในสายตาของโรเอล แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมจำนนต่อสายตาที่วิตกกังวลและวิงวอนอ้อนขอของลิเลียน ทำให้เด็กสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกผิดด้วยเช่นกัน
ลิเลียนไม่ได้โกหกเรื่องความกังวลใจพวกนั้นก็จริง แต่เธอก็ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อโรเอลอย่างเต็มที่เช่นกัน นั่นก็เพราะเธอขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวอันเกิดจากความหลงใหลในตัวเขา
เธอไม่ต้องการแบ่งปันความลับนี้กับผู้อื่น เธอไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นด้านนี้ของโรเอล เธอต้องการครอบครองทั้งหมดไว้กับตัวเอง
ลิเลียนไม่รู้ว่าความหมกมุ่นเหล่านี้เริ่มผุดขึ้นในใจเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สิ่งเหล่านี้ได้เติบโตขึ้นเสียจนเธอแทบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้ว
เด็กสาวบอกตัวเองว่านี่เป็นเพียงความต่อเนื่องจากสถานะผู้เฝ้ามอง
พวกเราปราบศัตรูด้วยกัน มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่พวกเราจะต้องรับผลที่ตามมาด้วยกัน ? ทำไมเราจะต้องอนุญาตให้บุคคลที่สามเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพวกเราด้วยล่ะ ?
น่าแปลกที่ลิเลียนรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การพิสูจน์ตัวเอง แต่เธอก็เต็มใจที่จะแสร้งทำเป็นเพิกเฉยต่อเรื่องนี้
ลิเลียนจุมพิตที่หน้าผากของโรเอลอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปนั่งเพื่อแก้กางเกงต่อ เมื่อเธอทำเสร็จแล้ว เด็กสาวก็เริ่มหาเสื้อเชิ้ตเรียบ ๆ และเข็มขัดให้กับเขา
แขนและขาของโรเอลนั้นผอมบางมาก จนช่องแขนเสื้อขนาดใหญ่ และช่องจากส่วนขาที่สวมของกางเกงแทบจะเปิดรับลม ดังนั้นลิเลียนจึงแก้ปัญหาโดยการตัดผ้าเย็บตะเข็บสองสามส่วนเพื่อให้มันกระชับขึ้น
เสื้อผ้ารู้สึกใส่สบายขึ้นมากหลังจากที่ลิเลียนแก้ แขนเสื้อหลวม ๆ ที่มีช่องวงแขนที่รัดกุมทำให้เกิดผ้าแขนพองที่ดูดี เข้ากับภาพลักษณ์ใหม่ของโรเอลที่มีผมยาวและใบหน้าที่สวยงาม ทำให้เขาดูน่ารักขึ้นเป็นพิเศษ
“เท่านี้ เธอก็จะไม่รู้สึกหนาวอีก หากพวกเราเดินทางด้วยความเร็วสูง”
ลิเลียนมองดูเด็กชายที่ยืนอยู่หน้ากระจกและยิ้มอย่างพึงพอใจกับผลงานของตน ทันใดนั้นโรเอลนึกถึงคำถามหนึ่งขึ้นมาได้
“รุ่นพี่ คุณพาผมออกจากห้องเก็บไวน์เมื่อวานนี้ได้ยังไงกัน ?”
“ฉันเจาะรูบนเพดานแล้วหนีออกมา โชคดีที่ไม่มีใครเห็นเรา พอมาคิด ๆ ดูแล้ว มันเหมือนกับว่าพวกเรากำลังหนีตามกันอยู่เลย…”
“นั่นก็จริงแฮะ…”
ใบหน้าของโรเอลขึ้นสีก่อนที่เขาจะหันไปทางอื่นเพื่อหลบตา อย่างไรก็ตามการกระทำโดยไม่รู้ตัวของเขากลับนำสิ่งที่ไม่คาดคิดมาสู่ความสนใจ นั่นก็คือกองเสื้อผ้าเล็ก ๆ บนพื้นข้างเตียง
นั่นมันเสื้อผ้าของรุ่นพี่งั้นเหรอ ? แต่ตรงนั้นมัน…
เมื่อมองดูกองเสื้อผ้าที่วางอยู่ข้างเตียง โรเอลก็กระพริบตาอย่างลังเลก่อนจะตั้งข้อสงสัย
“รุ่นพี่ เมื่อคืนนี้คุณนอนที่ไหนเหรอครับ ?”
“!”
ลิเลียนเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำถามนี้ เธอโคลงศีรษะลงเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง จากนั้นใบหน้าของเธอก็ค่อย ๆ แดงขึ้น ก่อนจะหันกลับไปมองที่โรเอล
“…”
“…”
ราวกับว่าทั้งสองกำลังคุยกันเงียบ ๆ โรเอลจับอากัปกิริยาที่ล่องลอยของเธอได้ ทำให้ใบหน้าของเขาเริ่มแดงขึ้นไปอีก ลิเลียนคิดว่าปฏิกิริยาของเขาค่อนข้างน่ารัก ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถต้านทานแรงกระตุ้นที่จะเอนตัวไปหาหูของเขาและกระซิบเบา ๆ ได้
“เมื่อคืนนี้พวกเรานอนเตียงเดียวกันน่ะ”