ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 346 หมอจะไม่ไหวแล้ว !
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 346 หมอจะไม่ไหวแล้ว !
บทที่ 346: หมอจะไม่ไหวแล้ว !
รถม้าโบราณสีดำวิ่งไปตามถนนมุ่งไปยังเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ ภายในนั้นเด็กชายผมสีดำกำลังพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง
ดวงตาของโรเอลปิดสนิท บ่งบอกว่าเขาหลับสนิท ทว่ากลับมีสีหน้าอันเจ็บปวดอยู่ เขาบ่นพึมพำอะไรบางอย่างด้วยความประหม่า แต่มันก็เลือนรางเกินกว่าที่จะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดได้
อาจเป็นเพราะลิเลียนได้ยินเสียงนั้น หรือสัมผัสได้ถึงความไม่มั่นคงในอารมณ์ของโรเอลผ่านพลังทางสายเลือดที่สัมพันธ์กัน ประตูรถม้าจึงเปิดออกอย่างกะทันหัน จากนั้นลิเลียนก็เดินเข้ามา เมื่อเธอเห็นสภาพที่โรเอลกำลังเผชิญอยู่ เด็กสาวก็รีบวิ่งเข้าไปปลุกเขาอย่างลนลาน
“โรเอล โรเอล ! เป็นอะไรรึเปล่า ?”
“อ...อา ? รุ่นพี่… ผมฝันร้ายอีกแล้วเหรอครับ ?”
เสียงเรียกของลิเลียนทำให้โรเอลตื่นจากความฝัน เขาจับหน้าผากของตนเองและถูขมับเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว ในไม่ช้าเด็กชายก็สังเกตเห็นแววตาวิตกกังวลของลิเลียนและรีบโบกมือเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเธอ
“ผมสบายดีครับ รุ่นพี่ มันก็แค่ฝันร้าย”
“เธอฝันร้ายมาตลอดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเลย เธอสบายดีจริง ๆ ใช่ไหม ?”
“ใช่ครับ ผมสบายดี แค่รู้สึกเหนื่อยล้าบ้างเฉย ๆ ผมคงจะรู้สึกดีขึ้นมากถ้าพวกเราไปถึงเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์”
“… เข้าใจแล้ว”
ไม่มีอะไรที่ลิเลียนจะสามารถพูดได้อีก เนื่องจากโรเอลยืนยันแล้วว่าเขาสบายดี แต่การขมวดคิ้วอย่างกังวลก็ยังคงค้างอยู่ที่หน้าผากของเธอ เด็กสาวเอนตัวลงโอบกอดโรเอลอย่างอ่อนโยนพร้อมลูบหลังเขาเพื่อปลอบโยน
โรเอลเองก็กอดกลับไป ปล่อยให้ความอบอุ่นของลิเลียนโอบกอดเขา อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขากลับค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
นี่ก็ผ่านมาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว ที่ทั้งสองคนออกจากเมืองเลนสเตอร์ พวกเขาเดินทางอย่างเร่งรีบตามเส้นทางมาโดยตลอด ผ่านมาแล้วถึงสามเมืองไป และกำลังจะมุ่งตรงไปถึงเมืองหลวงของเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ เมืองหลวงออโรร่า โอลส์
ในวันแรกของการเดินทาง ระหว่างที่ลิเลียนออกไปล่าสัตว์ โรเอลก็ซื้อของสามอย่างจากร้านแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ ซึ่งรวมถึงราชรถของคนบาปด้วย
แน่นอนว่าลิเลียนรู้สึกงุนงงเป็นอย่างยิ่งกับการปรากฏตัวของรถม้าเมื่อเธอกลับมาพร้อมกับสิ่งที่จับได้ แต่หลังจากที่โรเอลอธิบายว่าเขาได้มันมาด้วยวิธีการบางอย่าง เธอจึงเลือกที่จะยอมรับคำอธิบายของเขาโดยไม่ถามคำถามใด ๆ
มีปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้มากมายในโลกนี้ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มนุษย์ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติสูงจะได้รับของขวัญจากป่า หรือจู่ ๆ ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็ได้รับวัตถุโบราณมา มีบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์แปลก ๆ ดังกล่าวมากมาย
ลิเลียนไม่รู้ว่ากรณีของโรเอลนั้นเหมือนกันหรือไม่ แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของเขา
แม้แต่คู่รักที่ใกล้ชิดกันมากที่สุดก็ยังมีความลับต่อกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การให้พื้นที่ส่วนตัวแก่กันและกัน จึงถือเป็นการแสดงความเคารพในความคิดเห็นของเธอ
โรเอลรู้สึกโล่งใจกับสิ่งนั้น นอกจากนี้เขายังได้แจ้งให้ลิเลียนทราบเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ภาคีแห่งนักบุญ จะส่งสาวกมาไล่ตามพวกเขา เนื่องจากมันเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงที่พวกเขาจะต้องเผชิญ ดังนั้นมันคงเป็นเรื่องโง่ที่จะซ่อนสิ่งนั้นจากเธอ
ลิเลียนเคยได้พบกับการภาคีแห่งนักบุญในสถานะผู้เฝ้ามอง เธอจึงเข้าใจดีว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายมากเพียงใด ทั้งสองได้หารือกันใหม่ถึงแผนการของพวกเขา แต่ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะใช้แผนเดิม
แม้ถนนจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนในเมืองหลวงออโรร่า โอลส์ แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้คนทั้งหมดล้วนเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในตำนานของแสงออโรร่า อีกอย่างเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ก็ไม่มีประชากรในท้องถิ่นมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายของแดนเหนือ
ประชากรเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตของลัทธิชั่วร้าย ซึ่งเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ขาดไป ดังนั้นจึงไม่มีทางที่กิ่งก้านของลัทธิชั่วร้ายจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าและออกจากเมืองหลวงออโรร่า โอลส์อยู่ทุกวัน ทำให้มันเป็นเรื่องยากที่ผู้ไล่ตามจะหาพวกเขาเจอ
ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ เป็นตัวเลือกที่ดี
หลังจากยืนยันการตัดสินใจของพวกเขาแล้ว โรเอลก็หยิบน้ำตาเทพออกมาและอธิบายหน้าที่ของมันให้ลิเลียนฟังก่อนที่จะช่วยเธอสวมมัน พวกเขาทานอาหารอย่างรวดเร็วในป่า จากนั้นลิเลียนก็เรียกอัศวินของเธอออกมาเพื่อให้พวกเขาช่วยใช้ม้าอันทรงพลังลากราชรถของคนบาป
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาก็จึงออกเดินทางต่อด้วยรูปแบบที่สะดวกขึ้นมาก
เนื่องจากไม่ต้องกังวลว่าตัวตนของพวกเขาจะถูกเปิดเผยอีกต่อไป ทั้งคู่จึงตัดสินใจเดินทางบนถนนสายหลักที่นุ่มนวลกว่า ลิเลียนเรียกกองทัพทหารราบมาปลอมตัวเป็นทหาร เพราะมันคงจะโดดเด่นเกินไป ถ้ารถม้าต้องเดินทางเดี่ยว ๆ โดยไม่มีการป้องกัน
เป็นผลให้พวกเขากลายเป็นขบวนรถที่มีเพียงสองคนที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ
ณ เมืองแรกที่พวกเขาแวะพักแรม ทั้งคู่ได้ซื้อของจำเป็นมามากมาย ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้าด้วย… แม้ว่าลิเลียนจะยังใช้เสื้อผ้าของสาวใช้ต่อไปก็ตาม
นั่นก็เพราะลิเลียนสังเกตเห็นได้ว่าโรเอลแอบมองเครื่องแต่งกายของเธออย่างอยากรู้อยากเห็นบ่อย ๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้น…ชุดสาวใช้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอีกด้วย
ลิเลียนดูไม่แก่พอที่จะมีลูกอายุเจ็ดถึงแปดขวบ ซึ่งหมายความว่าคำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าก็คือพวกเขาเป็นพี่น้องกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อาจดูแปลกเกินไปเพราะพี่น้องที่เดินทางด้วยกันนั้นหาได้ยาก นอกจากนี้มันยังไม่เหมาะสมสำหรับพี่น้องต่างเพศ ที่จะร่วมโดยสารรถม้าไปด้วยกันในจักรวรรดิออสทีนที่มีแนวคิดอนุรักษนิยม
ที่จริงมีรถม้าขายอยู่ในเมืองแต่มันสภาพโทรมกว่ามาก อีกทั้งลิเลียนยังไม่เห็นด้วยกับการที่พวกเขาจะต้องเดินทางด้วยรถม้าแยกคันกัน
ดังนั้น หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจสวมบทบาทเป็นนายน้อยที่ไปเที่ยวพักผ่อนกับสาวใช้ส่วนตัว ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างธรรมดาในแวดวงชนชั้นสูง ดังนั้นมันจะไม่สะดุดตามากจนเกินไป และยังช่วยให้ลิเลียนอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาได้อีกด้วย
ปัญหาเดียวก็คือมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายน้อยจะมีความสัมพันธ์อันคลุมเครือกับสาวใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาอายุใกล้เคียงกัน อันที่จริงการปรนนิบัติบนเตียงเองก็ถือเป็นหนึ่งในหน้าที่ของสาวใช้ส่วนตัวในแวดวงขุนนาง
ด้วยเหตุนี้เอง สาวใช้ส่วนใหญ่จึงมักถูกเลือกสรรอย่างดีจากตระกูลขุนนาง และเจ้านายของพวกเธอก็จะรับพวกเธอมาเป็นนางสนมในเวลาต่อมา
โรเอลเข้าใจความหมายแฝงได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อลิเลียนเสนอแนวคิดนี้ เขาเปล่งเสียงต่อต้านเกี่ยวกับข้อตกลงนี้ แต่ลิเลียนก็สามารถยกเหตุผลที่น่าเชื่อถือขึ้นมา จนโรเอลไม่มีที่ว่างสำหรับการโต้แย้ง เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องยอมจำนน
มันฟังดูไร้สาระมากที่ตอนนี้เขามีองค์หญิงแห่งจักรวรรดิออสทีนมาเป็นสาวใช้ส่วนตัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงมักจะพูดว่าชีวิตก็เป็นเหมือนกับละคร
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ซื้อของจำเป็นทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการเดินทางแล้ว ไม่นานพวกเขาก็ออกเดินทางต่อไปยังแดนเหนือ …และเป็นตอนนั้นเองที่โรเอลเริ่มทรมานจากฝันร้าย
สภาพที่แปลกประหลาดไปของโรเอลอยู่ในการสังเกตของลิเลียน เธอคงจะตาบอดถ้าไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคนที่นอนข้าง ๆ เธอ
ลิเลียนรู้สึกผิดต่อสภาพที่เป็นอยู่ของโรเอล โดยคิดว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะเธอลากโรเอลออกมากับตน ดังนั้นเด็กสาวจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเขา ไม่ว่าจะด้วยคาถาเวทย์ ยา หรือแม้แต่การเยียวยาพื้นบ้าน เช่นการให้ดื่มนมก่อนนอน น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรได้ผล
หลังจากฝันร้ายมาหลายวัน โรเอลก็รู้สึกว่าเขาเริ่มจะเข้าใจสาเหตุของฝันร้ายแล้ว เขาตระหนักได้ว่าพวกมันมีจุดร่วมเดียวกันก็คือการหลบหนี
ไม่ว่าจะเป็นบนสนามหญ้า ท่ามกลางอาคารในตอนดึก หรือคุกที่เปื้อนเลือด เขามักจะวิ่งหนีอยู่ภายในฝันร้าย แม้ว่าจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหนีจากอะไรก็ตาม
โรเอลคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะความคิดของตน เพราะเขากำลังพยายามหนีจากผู้ไล่ล่าอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาเริ่มได้ยินเสียงของเด็กสาวตรงจุดสิ้นสุดของฝันร้าย
“วิ่ง”
มันเป็นคำง่าย ๆ แต่ถ่ายทอดข้อมูลมากมาย น่าแปลกที่โรเอลได้ยินเสียงเดิมมาเป็นเวลาสองคืนติดต่อกัน มันทำให้เขาคิดว่านี่ไม่ใช่แค่ฝันร้ายธรรมดา ๆ แน่ แต่อาจจะเป็นการเตือน
แต่คำเตือนนี้มาจากใครกัน ?
โรเอลไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้น แต่อย่างน้อย ๆ ที่สุด ดูเหมือนว่าเขาไม่น่าจะต้องตกอยู่ในอันตรายในเร็ว ๆ นี้
พลังราชรถของคนบาปไม่ได้มีไว้สำหรับการแสดงเท่านั้น ความสามารถในการแทรกแซงคาถาเวทย์ทำนายนั้นเป็นของจริง ยิ่งไปกว่านั้นภายในรถม้ายังถูกขยายด้วยคาถาเวทย์ห้วงมิติ ทำให้มันมีห้องนั่งเล่นขนาดเล็กและห้องนอนหนึ่งห้อง
นิกายบัญญัตินั้นมีรสนิยมที่แปลกประหลาด โดยเลือกใช้ธีมแบบโกธิกสำหรับการตกแต่งภายใน ทำให้ผลลัพธ์ของมันออกมาดูดีมาก เพราะเมื่อใดก็ตามที่รถม้าสกัดกั้นคาถาเวทย์ทำนายดวงชะตา คบไฟในห้องนั่งเล่นจะสว่างขึ้นด้วยเปลวไฟสีน้ำเงินอันน่าขนลุก พร้อมหมอกสีขาวที่หลั่งไหลออกมา
นั่นคือ ‘คนบาป’ ในราชรถของคนบาป หรือเรียกอีกอย่างก็คือวิญญาณบาป
หากพวกมันสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายหรือพลังเวทย์ที่มุ่งเป้ามาด้วยเจตนาร้าย หมอกสีขาวจะห่อหุ้มรถม้าเพื่อขัดขวางคาถาเวทย์ทำนายดวงชะตา แต่ในทางกลับกันถ้าหากพวกมันสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีในพลังเวทย์ของจอมเวทย์ พวกมันจะกลับคืนสู่เปลวเพลิงสีน้ำเงิน
มันค่อนข้างน่ากลัวเมื่อวิญญาณบาปลอยวนเวียนไปมาภายในรถม้า ทำให้ดูเหมือนกับการปรากฏตัวของโลกใต้พิภพ ถ้าไม่ใช่เพราะความกล้าหาญของโรเอลและลิเลียนมีมากกว่าคนทั่ว ๆ ไปแล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อไปแน่ ๆ
ตลอดช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา วิญญาณบาปได้ปรากฏตัวออกมาทั้งหมดสิบห้าครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าลัทธิชั่วร้ายของทวีปเซีย มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะจมเขี้ยวของพวกเขาลงไปในโรเอล แต่แน่นอนว่าไม่มีทางที่ราชรถของคนบาปจะยอมให้พวกเขาทำตามใจได้
โรเอลสังเกตเห็นว่ามีวิญญาณชั่วร้ายโผล่ออกมาจากเปลวเพลิงสีน้ำเงินสองครั้ง แต่ไม่ได้ห่อหุ้มรถม้าไว้ เขาจึงรู้สึกราวกับได้รับการปลอบโยน โดยรู้ว่าไม่ได้มีแต่คนที่อย่างจะฆ่าตนเท่านั้น โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าจริง ๆ แล้ว ผู้ที่ร่ายคาถาเวทย์ทำนายทั้งสองนั้นอยากจะจับตัวเขาให้ได้มากกว่าลัทธิชั่วร้ายเสียอีก
“อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะไปถึงเมืองหลวงออโรร่าแล้ว พวกเขาไม่สามารถหาพวกเราเจอได้ง่าย ๆ แน่ เมื่อเราเข้าไปในเมือง ดังนั้นอย่างน้อย ๆ พวกเราก็สามารถพักหายใจได้ที่นั่น”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะครับรุ่นพี่”
ลิเลียนยิ้มตอบโรเอล พลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกำหมัดแน่นเพื่อยับยั้งตัวเองก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยโรเอลออกจากอ้อมกอดของเธอ
สภาพเวลารั่วไหลของโรเอลทวีความรุนแรงมากขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากสำหรับลิเลียนที่จะหยุดแรงกระตุ้นของเธอ เรียกได้ว่ามันท้าทายขีดจำกัดความอดทนของเด็กสาวมากจริง ๆ ถึงจุดที่เพียงแค่สบตาเขาก็เกินพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว
ปล่อยผ่าน ปล่อยให้มันผ่านไป
สาเหตุที่สภาพในปัจจุบันของโรเอลเป็นเช่นนี้ แท้จริงแล้วเกิดจากลิเลียน หรือการรักษาที่เธอพูดถึง
ภายใต้ข้ออ้างที่จะเสริมความแข็งแกร่งในการสั่นพ้องของพลังทางสายเลือด ทั้งสองคนจะนอนบนเตียงเดียวกันโดยสวมชุดนอนบาง ๆ พวกเขาเริ่มต้นจากการจับมือกัน แต่ลิเลียนก็เริ่มรุกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป จนในช่วงสองวันที่ผ่านมา พวกเขาเริ่มกอดกันขณะที่กำลังนอน
ความพยายามของพวกเขาได้ผล การสั่นพ้องของสายเลือดนั้นได้ถูกเร่งจนเกราะเวทย์ที่โรเอลสัมผัสได้เริ่มสึกกร่อน แต่มันก็ทำให้สภาพเวลารั่วไหลรุนแรงขึ้นเช่นกัน เป็นเรื่องน่าขันที่ผู้ป่วยอาการดีขึ้น แต่ฝั่งของหมอกลับอาการหนักขึ้น
ลิเลียนโบกมือด้วยรอยยิ้มก่อนจะก้าวออกจากรถม้า เธอปิดประตูอย่างสง่างามก่อนที่จะเอียงไปทางผนังรถม้าอย่างแผ่วเบา ใบหน้าของลิเลียนเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กสาวยกมือขึ้นเพื่อปกปิดลมหายใจที่เร่งรีบของเธอ พักสักครู่ให้สายลมเย็น ๆ ทำให้ใจสงบลง
“ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว พวกเรากำลังจะไปถึงที่นั่นแล้วในเร็ว ๆ นี้”
ถึงเวลานั้นเราก็จะไม่ต้องฝืนใจอีกต่อไป
ลิเลียนมองไปยังถนนข้างหน้าด้วยความคิดเช่นนั้น
โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีกองทัพสองกลุ่มได้มาถึงที่ทางเข้าของเมืองหลวงออโรร่า โอลส์อยู่ก่อนแล้ว !!