ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 379 เอาไปอีกสิ
บทที่ 379: เอาไปอีกสิ
ทุกคนบนโต๊ะอาหารเช้าต่างตกใจกับพาดหัวข่าวในจดหมาย …ยกเว้นอลิเซีย
ในฐานะนักเรียนของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า จึงย่อมรู้ข่าวสารหรือเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับสถาบันการศึกษาของตนเอง เช่นการที่นักเรียนจะย้ายเข้ามากลางคันนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยาก ยิ่งด้วยที่ว่านักเรียนที่ย้ายเข้ามานั้นมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ จะให้เรียกว่าปาฏิหาริย์ก็คงไม่ผิด
อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์มักจะเน้นไปที่ความสามารถทางกายภาพ ทำให้ที่นั่นกลายเป็นศูนย์กลางของเทคนิควิชาการต่อสู้ พวกเขาได้ทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากเพื่อสร้างสถาบันการศึกษาของตนเองและภูมิใจกับมันเป็นอย่างมาก มีตระกูลจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์เพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่จะเลือกสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าของอาณาจักรอื่น มากกว่าสถาบันการศึกษาเซนต์ฟรานที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วของพวกเขา นับประสาอะไรกับการย้ายไปที่นั่น
นอกเหนือจากปัจจัยที่ว่าแล้ว ก็ยังยากที่จะเข้าใจอยู่ดีว่าทำไมพวกเขาถึงได้ย้ายเข้ามาในช่วงเวลานี้ ในตอนที่ภาคการศึกษาผ่านไปกว่าครึ่งเทอม นักเรียนที่ย้ายเข้ามาจะไม่ได้รับข้อยกเว้นพิเศษใด ๆ ในการสอบทั้งสิ้น หากสอบไม่ผ่าน พวกเขาอาจจะต้องสอบแก้ตัวเท่านั้น
ถือว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก ๆ ที่จะมีนักเรียนจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ย้ายมา เพื่อเจอกับสถานการณ์อันย่ำแย่เช่นนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันก็เป็นไปได้สำหรับคนกลุ่มหนึ่ง
ความเป็นไปได้แรกที่โรเอลนึกถึงก็คือกลุ่มของวิลเลียม แม้ว่าเขาจะรู้สึกงุนงงอยู่บ้างกับข้อความที่ตนเองเพิ่งได้รับมาจากคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตา ด้วยที่มันบอกเป็นนัยว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเกอรัล
ดังนั้น เขาจึงเหลือบมองไปยังเด็กหนุ่มผมสีเทาที่อยู่ใกล้ ๆ ท่าทีของเกอรัลดูจะไม่ตกใจแล้ว เหลือแต่ความเฉยเมย ดูเหมือนว่าเกอรัลจะไม่คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง ดังนั้นโรเอลจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจากในเกมก็ตาม
มีขุนนางสาวจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินคนหนึ่ง ชื่อว่าบริตตานี่ ซึ่งได้ย้ายมาที่นี่เพื่อตามหาคู่หมั้นของเธอ แล้วก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเกอรัล สตีเฟนสัน และหลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ นานา เจ้าหล่อนก็ลงเอยด้วยการเข้าร่วมชมรมรับจ้างสารพัดของตัวเอก
ปัญหาก็คือเหตุการณ์นั้นควรจะต้องใช้เวลานานพอสมควรถึงจะเกิดขึ้น เนื่องจากเกอรัลปกปิดตัวตนตัวเองเป็นอย่างดีภายในเลนสเตอร์ ทำให้บริตตานี่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการตามหา อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้น…
“ทำไมมองมาที่ผมด้วยสายตาแบบนั้นล่ะหัวหน้า?”
“… ไม่มีอะไรหรอก เอานี่ไปเพิ่มสิ”
“ครับ?”
เมื่อคาดเดาได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาเห็นอกเห็นใจไปให้เกอรัล พร้อมยกขนมปังชิ้นหนึ่งให้อีกฝ่าย ด้วยความหวังว่าเกอรัลจะได้รับพลังงานเพียงพอที่จะข้ามผ่านเหตุการณ์ในอนาคต
เกอรัลรู้สึกสับสนและไม่สบายใจจากการกระทำของอีกฝ่าย แต่ก็ยังยอมหยิบขนมปังมาอยู่ดี
หลังอาหารเช้า ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเรียน
โรเอลเข้าไปในห้องเรียนของคริส พบเจอกับลิเลียนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีการปิดบังทัศนคติใด ๆ ที่ทั้งคู่มีต่อกัน เพียงแต่สุภาพและเหินห่างกว่าเดิมเท่านั้น
“อรุณสวัสดิ์ครับ รุ่นพี่ลิเลียน”
“สวัสดีตอนเช้า”
ลิเลียนตอบรับคำทักทายของโรเอลจากที่นั่งแถวหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่งตามปกติของเธอ แทบไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในการแสดงออก เพียงแต่ว่าเมื่อไม่มีใครมองมาที่เธอ เด็กสาวก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้
หลังจากการทักทายอย่างสงบสุขจากลิเลียน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามจากรุ่นพี่ปี 2 พวกเธอรวมตัวกันรอบ ๆ โรเอลอย่างรวดเร็ว เพื่อสัมภาษณ์ถึงเรื่องพิธีมอบรางวัลเมื่อคืน ซึ่งนั่นทำให้เขาได้ข่าวอะไรหลาย ๆ อย่างกลับมาด้วย
“เธอเห็นจดหมายข่าวด่วนล่าสุดของทางสถาบันการศึกษารึยัง?”
“เธอกำลังพูดถึงนักเรียนที่ย้ายมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ใช่ไหมครับ? ดูเหมือนว่าจะมีกันหลายคนเลยด้วยนี่”
“เพื่อนของฉันที่ทำงานในฝ่ายสื่อของสถาบันการศึกษาบอกฉันว่าข่าวนี้มาจากอาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอโดยตรงเลย เธอบอกฉันว่าจะมีการประกาศที่สำคัญกว่านี้อีกครั้งที่ห้องประชุมในช่วงบ่ายด้วย”
โรเอลเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจากพวกรุ่นพี่
‘การประกาศที่สำคัญกว่า’ ในที่นี้น่าจะหมายถึงข่าวที่ว่า งานประลองศึกชิงถ้วยจะเปิดให้นักเรียนชั้นปีที่ 1 เข้าร่วมด้วยได้ปีนี้ แต่สิ่งที่โรเอลกังวลก็คือความจริงที่ว่า อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอเป็นคนที่บอกให้แจ้งข่าวเกี่ยวกับการมาถึงของนักเรียนจากต่างอาณาจักร
การที่มีนักเรียนย้ายมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ ไม่น่าตกใจหรือสำคัญเท่ากับการที่อาจารย์ใหญ่สั่งให้มีการถ่ายทอดข่าวนี้ออกไปยังสื่อของสถาบันการศึกษาเป็นการส่วนตัว โรเอลมีความรู้สึกว่าแอนโตนิโอทำเช่นนี้เพื่อเตือนอะไรถึงเขา
ดูเหมือนว่าฉันต้องไปคุยกับแอนโตนิโอเป็นการส่วนตัวเสียแล้วสิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแอสตริดหรือเรื่องนี้ก็ด้วย
ไม่นานนักคริสก็เดินเข้ามาในห้องเรียน จบการสนทนาที่ไร้สาระของทุกคนลง
หลังจากหยุดพักไปหนึ่งเดือน โรเอลได้รับการเตือนอีกครั้งถึงความยากลำบากภายในห้องเรียนของคริส แม้ว่าเขาจะโชคดีที่คริสจะช่วยสอนให้เป็นการส่วนตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะยังตามบทเรียนทันอยู่ก็ตาม
ก่อนหน้านี้คริสมอบหมายงานให้ลิเลียน เพราะกังวลว่ามันอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งได้ หากเธอแสดงการเอาอกเอาใจหรือช่วยโรเอลมากเกินไป แต่ครั้งนี้มันต่างจากคราวก่อน เนื่องจากโรเอลได้มีส่วนสนับสนุนช่วยเหลือสถาบันการศึกษาเป็นอย่างมาก ซึ่งกลายเป็นเหตุที่ทำให้เขาตามบทเรียนไม่ทัน นี่จึงมีเหตุผลมากพอที่คริสจะเข้าช่วยเขาในสถานการณ์นี้
แน่นอนว่านี่ทำให้คาบเรียนเสริมกับที่ปรึกษาของโรเอลลดลงอย่างมาก และลิเลียนก็ไม่พอใจกับเรื่องนี้สุด ๆ แต่ด้วยสถานะอันน่าอึดอัดใจของพวกเขา ทำให้ลิเลียนแสดงความคับข้องใจออกมาได้ยาก
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปในห้องเรียนอันแสนทรหด ดูยาวนานจนไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนที่บทเรียนจะจบลงในตอนบ่าย
หลังจากนั้น โรเอล พอล และเกอรัล ก็มารับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่แล้วก็มีการประกาศผ่านระบบออกอากาศ ขอให้นักเรียนชั้นปีที่ 1 ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุม
“นี่น่าจะเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างงานเลี้ยงใช่ไหม?”
พอลพึมพำพลางเคี้ยวฮ็อตด็อกในมือ
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”
เกอรัลตอบอย่างสบาย ๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก
มีเพียงโรเอลเท่านั้นที่มองดูทั้งสองคนด้วยแววตาอันเปล่งประกาย เขารู้สึกทึ่งนิด ๆ กับความเมินเฉยของพวกเขาทั้งคู่ที่มีต่อชะตากรรมในอนาคต
เทพธิดาแห่งโชคชะตาคงจะชอบบทละครที่เข้มข้นสินะ
เกอรัลกำลังจิบไวน์ผลไม้ด้วยใบหน้าอันสงบสุข เพลิดเพลินกับชีวิตในสถาบันการศึกษาอย่างเต็มที่ ดูแล้วน่าจะลืมเรื่องที่จะมีนักเรียนย้ายมาแล้วด้วยซ้ำ ถึงจะพอเข้าใจได้ เพราะมันก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลสำหรับเขา ในทางทฤษฎีล่ะนะ…
การย้ายจากสถาบันการศึกษาเซนต์ฟรานอันสะดวกสบายกว่ามายังสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าในต่างอาณาจักร เป็นเรื่องที่ลำบากและขัดต่อสามัญสำนึกอย่างยิ่งยวด คงไม่น่าจะมีขุนนางชนชั้นสูงคนไหนคิดจะทำเรื่องแบบนั้นแน่
สามัญสำนึกนี้ทำให้เกอรัลเข้าใจผิดถึงสถานการณ์ของตนเอง แต่โรเอลไม่ได้คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไปได้ตลอดชีวิตอยู่แล้ว และนี่ควรจะเป็นวิกฤตที่เขาต้องเผชิญตั้งแต่เด็ก
เสียงถอนหายใจเบา ๆ ของโรเอลหายไป ท่ามกลางเสียงพูดคุยของนักเรียนโดยรอบ
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ทั้งสามก็พักผ่อนกันต่อเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมร่วมกับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งคนอื่น ๆ
โรเอลนั่งลงบนเบาะอันนุ่มสบาย เหลือบมองเกอรัลกับพอลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะมองดูคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตาในระบบอีกครั้งด้วยความสงสัย
ถ้าคำแนะนำก่อนหน้านี้ทำให้พอลโน้มน้าวใจแอนโตนิโอและผู้นำด้านวิชาการระดับแนวหน้าคนอื่น ๆ ให้เปิดสิทธิ์การแข่งขันชิงศึกชิงถ้วยแก่นักเรียนชั้นปีที่ 1 ได้ เราล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าคำแนะนำในคราวนี้จะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมากันแน่?
ไม่นานนักเหล่านักเรียนชั้นปีที่ 1 ก็เข้ามาในห้องประชุมจนครบ
ครู่ต่อมาอาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอก็ก้าวขึ้นมาบนเวทีในชุดเสื้อคลุมเรียบ ๆ ต่างจากเมื่อคืน วันนี้ในห้องประชุมไม่มีเสียงดนตรีคลอหรือเสียงเชียร์ใด ๆ ทำให้บรรยากาศดูเคร่งขรึม เขาค่อย ๆ เดินไปตรงกลางเวทีและประกาศข่าวอันน่าตกใจ
“นักเรียนชั้นปีที่ 1 ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ข้ายินดีที่จะแจ้งพวกเจ้าทุกคนได้ทราบว่าในนามของคณะกรรมการจัดงานประลองศึกชิงถ้วย พวกเจ้าทุกคนเองก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมงานประลองครั้งนี้ได้เช่นกัน”
“หา?! เดี๋ยวนะ งานประลองศึกชิงถ้วยจะเปิดให้พวกเราเข้าร่วมได้ด้วยงั้นเหรอ?”
“นี่ก็หมายความว่าพวกเรา…”
“วู้ววว!!!”
การพึมพำอย่างประหลาดใจดังขึ้นในหมู่นักเรียน หลังจากที่แอนโตนิโอพูดคำเหล่านั้น ต้องใช้เวลาสักครู่ก่อนที่ข่าวจะจมลงในสมองของทุก ๆ คน ทำให้ต่อมาเสียงโห่ร้องก็ดังก้องขึ้นมาในห้องประชุม
ความตื่นเต้นแพร่ระบาดไปทั่ว ผู้คนเริ่มส่งเสียงเชียร์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ได้ยินเสียงของพวกเขาไกลไปถึงลานด้านนอก จนกระทั่งแอนโตนิโอผู้ยิ้มแย้มยกมือและขอลดระดับเสียงเชียร์ลงอย่างนุ่มนวล ทำให้เหล่านักเรียนที่กำลังตื่นเต้นระงับอารมณ์และนั่งลง
“ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าคงตื่นเต้น แต่ข้ายังมีข่าวสำคัญอีกเรื่องที่ต้องประกาศ มีกลุ่มนักเรียนจากต่างอาณาจักรมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าของเรา พวกเขาเป็นนักเรียนจากสถาบันการศึกษาเซนต์ฟรานของอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ ขอให้พวกเจ้าช่วยต้อนรับพวกเขาด้วยเสียงปรบมืออันอบอุ่น!”
หลังจากการประกาศของแอนโตนิโอ วิลเลียมและเพื่อน ๆ อีกหกคนของเธอค่อย ๆ เดินออกมาจากข้างหลังเวที จากนั้นฟันเฟืองแห่งโชคชะตาก็เริ่มหมุนอีกครั้ง