ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 390: ผู้หญิงเลวพวกนั้น! (1)
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 390: ผู้หญิงเลวพวกนั้น! (1)
บทที่ 390: ผู้หญิงเลวพวกนั้น! (1)
บนสนามหญ้า เด็กสาวในชุดเกราะหนามองดูเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังยิ้มแย้ม หัวใจของเธอเต้นระรัว แม้จะรู้ว่านี่ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดที่จะทำเช่นนี้ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเสนอคำเชิญจากใจจริงให้เขาอีกครั้ง
‘วิลเฮลมินา’ ครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ตลอดทั้งคืน เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด ทว่าสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นความผิดพลาดนั้น ไม่ใช่การยั่วยุนอร่าและชาร์ล็อตแต่อย่างใด เธอเพียงแค่ล้มเหลวที่ไม่ได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่
ใช่แล้ว
ในสายตาของวิลเลียม เหตุผลที่โรเอลไม่ยอมรับคำเชิญของเธอ เป็นเพราะเธอยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควร เธอจึงใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ และเธอก็ได้รับคำชมจากโรเอลมาแล้ว
คำชมเชยเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยสำหรับวิลเลียม เธอเติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่เคยได้ยินคำพูดนั้น เมื่อได้ยินเรื่องนี้จากโรเอล คนที่เธอรอคอยมาเป็นเวลานาน มันจึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจมากกว่าสิ่งอื่นใดในโลก
แต่ที่ทำให้วิลเลียมต้องประหลาดใจก็คือ โรเอลนั้นปฏิเสธคำเชิญของเธอลงเป็นครั้งที่สอง
“ขออภัยด้วย องค์ชายวิลเลียม ขอบคุณสำหรับคำเชิญของคุณ แต่ฉันไม่มีเจตนาจะทำเช่นนั้นในขณะนี้”
“…”
วิลเลียมเงียบเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทว่ายังมีบางอย่างที่น่าประหลาดใจกว่านั้นตามมา
เมื่อมองดูร่างสวมเกราะตรงหน้า โรเอลก็คิดว่ามันคงจะเป็นการดีที่สุดสำหรับตนที่จะถ่ายทอดความคิดออกมาให้ชัดเจน เขาใช้เวลาสักครู่เพื่อชั่งน้ำหนักคำพูดของตนก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“ฉันได้ไปพบกับ ‘ผู้พิทักษ์’ เมื่อวานนี้ และพวกเราก็ได้คุยกัน เขาบอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินและอุดมการณ์ของพวกเขา ฉันเคารพคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับผลงานที่อาณาจักรของคุณมอบให้กับโลกใบนี้จนถึงปัจจุบัน”
“คุณ… รู้จักตัวตนของท่านแอนโตนิโอด้วยงั้นเหรอ?”
วิลเลียมประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของโรเอล
แม้แต่ในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวิน ตัวตนของแอนโตนิโอในฐานะ ‘ผู้พิทักษ์’ ของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำก็ยังเป็นความลับสุดยอดที่น้อยคนจะรู้ และเธอก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เครือข่ายข่าวกรองของโรเอลจะพัฒนาไปจนสามารถเปิดเผยความลับระดับสูงนั้นได้
“อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องพูดตรง ๆ กับคุณ ฉันไม่คิดที่จะละทิ้งตระกูลแอสคาร์ด และออกจากที่นี่ ฉันยินดีที่จะรับผิดชอบหน้าที่บางอย่างของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำเช่นบรรพบุรุษของฉันในอดีต แต่ฉันไม่คิดว่าระบบที่สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำใช้ในยุคที่สองจะได้ผลในยุคนี้”
“คุณคิดว่ามันไม่เหมาะสมงั้นเหรอ? ช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม?”
“เราอยู่ในยุคที่มีอาณาจักรมากมายหลายแห่ง แทนที่จะทำงานในเงามืด ฉันเชื่อว่ามันจะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่จะยืนหยัดไปข้างหน้า และกลายเป็นขุมพลังที่รวมมนุษยชาติให้เป็นหนึ่งเดียว”
“นั่นไม่จำเป็น…”
เมื่อรู้สึกว่าการสนทนาดำเนินไปในทิศทางที่เป็นอันตราย วิลเลียมก็โพล่งคำตอบออกมา เธอวางมือบนหน้าอกอย่างประหม่าแล้วพูดต่อ
“สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำได้ปกป้องโลกจากเงามืดและประสบความสำเร็จมากมายมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ ฉันไม่คิดว่าระบบของพวกเขาจะมีอะไรผิดปกติ คนไร้ความสามารถไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเราที่กำลังเผชิญภัยพิบัติ สิ่งที่เราต้องการคือความแข็งแกร่งของชนชั้นสูง คุณกับฉัน… ตระกูลของคุณกับภาคีผู้นำพาแสงอรุณของเรา”
เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคำพูดของตน วิลเลียมจึงเปลี่ยนถ้อยคำอย่างรวดเร็ว โชคดีที่โรเอลไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก เขาขมวดคิ้วและเริ่มครุ่นคิดกับคำพูดของเธอ
“ฉันปฏิเสธไม่ได้ เพราะแม้ว่าพวกเราจะรวบรวมกองทัพผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับต่ำเข้าด้วยกัน พวกเขาก็ยังไม่สามารถบรรลุสิ่งที่กลุ่มผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงสามารถทำได้ ภัยพิบัติส่วนใหญ่ที่สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำจัดการนั้น ต้องการคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ”
“อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีข้อยกเว้น เช่นเหตุการณ์ที่ชายแดนตะวันออกของเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราต้องการความร่วมมือจากมวลมนุษยชาติทั้งหมด เพื่อต่อสู้กับพวกกลายพันธุ์ ในอนาคตอาจมีวิกฤตอื่น ๆ ที่อาณาจักรเดียวไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง การอยู่ในเงามืดไม่ได้ทำให้เราแก้ปัญหาเหล่านั้นได้”
โรเอลกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องร่วมมือกับผู้อื่นเมื่อมีความจำเป็น สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำได้หายไปนานหลายศตวรรษแล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างองค์กรอื่นที่เต็มไปด้วยบุคคลผู้เสียสละ ไม่สนใจเกียรติยศและความมั่งคั่งให้ลุกขึ้นมาแทนที่ ตราบใดที่เรายืนหยัดอย่างมั่นคง…”
วิลเลียมรีบหักล้างจุดที่โรเอลเสนอ แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความคิดของโรเอล ตรงกันข้ามมันยิ่งทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายดื้อรั้นเกินไป
การปฏิบัติตามประเพณีพันปีเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่ผู้ที่ไม่ก้าวตามกาลเวลารังแต่จะถูกกำจัดโดยกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
“คุณกำลังพูดว่าความต้องการทุกอย่างในองค์กรของคุณ แก้ได้ด้วยความเชื่อมั่นงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันขอปฏิเสธ ฉันเคารพผู้ที่อุทิศตนเพื่อการกุศลอย่างไม่เห็นแก่ตัว แต่ว่าปรัชญาดังกล่าวใช้ไม่ได้กับรูปแบบขององค์กร ความมุ่งมั่นอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการรับมือภารกิจที่อันตรายและยากลำบากเช่นนี้”
โรเอลตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
คำพูดของเขากระตุ้นการตอบสนองอันรุนแรงจากวิลเลียม ร่างในชุดเกราะก้าวไปข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก
“หลายพันปีที่พวกเราราชวงศ์แคมบอนไนต์เชื่อมั่นในค่านิยมเหล่านี้และอุทิศตนให้กับมัน นี่คือจิตวิญญาณที่เราปลูกฝังให้กับอัศวินในแต่ละรุ่น ฉันได้เสียสละหลายอย่าง เพื่อรักษาค่านิยมเหล่านี้ คุณโรเอล คุณกำลังสงสัยในวิถีชีวิตของตระกูลฉันงั้นเหรอ?”
“!”
โรเอลตกตะลึง
เมื่อมองไปยังร่างในชุดเกราะหนาทึบ เขาก็นึกถึงการสนทนาของตนกับเทเรซาขึ้นมา เธอบอกเขาว่าวิลเลียมเองก็มีเหตุผลของตนเช่นกัน แต่เธอไม่สะดวกที่จะเปิดเผยมัน
ดวงตาของโรเอลค่อย ๆ เบิกกว้างกับความคิดนั้น และรีบขอโทษในทันที
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งจะจะพูดแบบนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบ่อนทำลายสิ่งที่คุณและกลุ่มของคุณได้ทำเพื่อมนุษยชาติ ได้โปรดอนุญาตให้ฉันแก้คำพูดของตัวเองด้วย”
“…”
คำขอโทษอย่างจริงจังของโรเอลระงับความโกรธของวิลเลียมลงเล็กน้อย เมื่ออารมณ์ของเธอสงบลงทั้งสองก็เผชิญหน้ากันอย่างเงียบ ๆ
นักเรียนในบริเวณใกล้เคียงสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดระหว่างพวกเขา จึงเริ่มซุบซิบนินทา
“พวกเขากำลังทะเลาะกันงั้นเหรอ?”
“นักเรียนที่ย้ายมานั่นคงไม่ได้ยั่วยุผู้ถือแหวนของเราอีกแล้วใช่ไหม?”
ทั้งโรเอลและวิลเลียมต่างได้ยินเสียงซุบซิบนินทาหมด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ โรเอลกำลังคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนความคิดของวิลเลียม ขณะเดียวกันวิลเลียมก็คิดถึงเหล่าเด็กสาวที่อยู่เคียงข้างโรเอลตลอดเวลา
“… เป็นเพราะผู้หญิงพวกนั้นงั้นเหรอ?”
“อะไรนะ?”
“คุณปฏิเสธการเข้าร่วมภาคีผู้นำพาแสงอรุณ เพราะคุณต้องการอยู่กับพวกเธอใช่ไหม?”
“นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลเหมือนกัน แต่…”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว”
วิลเลียมพูดแทรกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดเผยการตัดสินใจของเธอออกมา
“มีความขัดแย้งบางอย่างในอุดมการณ์ของพวกเรา และพวกเราทั้งคู่ต่างก็ต้องการพลังที่เพียงพอสำหรับมัน มาตัดสินกันด้วยพลังเถอะ ฉันจะเอาชนะพวกเธอและพิสูจน์ให้คุณเห็นเองว่าคุณควรเลือกฝ่ายไหน”
“หา? เดี๋ยวก่อนสิ!”
โรเอลรู้สึกงุนงงกับคำประกาศอันไร้เดียงสาทว่ารุนแรง ‘มาตัดสินกันด้วยพลังเถอะ’ เขาไม่รู้ว่านอร่าและคนอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ทันทีที่วิลเลียมพูดเสร็จ เธอก็โค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เมื่อมองดูเงาที่กำลังจากไปของวิลเลียม โรเอลก็ถอนหายใจ เด็กหนุ่มรู้ว่าเรื่องนี้จะต้องสร้างปัญหาให้เขาแน่ ๆ
ไม่นานหลังจากที่วิลเลียมเดินจากไป ก็ถึงคราวของโรเอลที่จะต้องรับการทดสอบโจมตีห่านแยกร่าง ซึ่งผลลัพธ์ของเขาเองก็เป็นคะแนนเต็มอย่างประเมินค่าไม่ได้เช่นกัน