ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 103 โอสถล้ำค่า (2) ตอนที่ 104 โอสถล้ำค่า (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 103 โอสถล้ำค่า (2) ตอนที่ 104 โอสถล้ำค่า (3)
ตอนที่ 103 โอสถล้ำค่า (2)
จวินอู๋เสียมองไปที่จวินชิง จากนั้นก็มองไปที่จวินเสี่ยน แล้วถามออกไปด้วยความงงงันว่า “ท่านอาเล็ก ท่านปู่ พวกท่านก็กินมันอยู่ทุกวันมิใช่หรือเจ้าคะ”
“…” การแสดงออกของสองพ่อลูกยิ่งน่าชมมากขึ้นไปอีก
จวินอู๋เสียจะจัดเตรียมอาหารที่ผสมสมุนไพรให้แก่พวกเขาทุกวัน นอกจากนั้นในวันธรรมดาก็ยังส่งเม็ดยาจำนวนมากมาบำรุงร่างกายของพวกเขา ทำให้ร่างกายของสองพ่อลูกสกุลจวินไม่อ่อนแอเปราะบางเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ด้วยของที่พวกเขากลืนลงท้องไปนั้นมีมากมายเหลือเกิน แม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่ตระหนักสักนิดว่ามันเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนแล้ว ทั้งคู่รู้เพียงแต่ว่าจิตวิญญาณของพวกเขาปลอดโปร่งขึ้น ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น และสามารถดูดซับพลังบ่มเพาะได้รวดเร็วขึ้นในทุกวันเท่านั้นเอง
พวกเขาไม่ได้เชื่อมโยงทั้งหมดนี้กับการพัฒนาของเส้นเลือดและเส้นลมปราณเลย ด้วยเป็นที่รู้กันว่าการพัฒนาของเส้นเลือดและเส้นลมปราณในร่างกายนั้น จะหยุดลงเมื่อคนผู้นั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาจึงไม่เคยคิดเลยว่าการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ที่พวกเขาประสบพบเจอในทุกวัน จะมาจากอาหารยาและเม็ดยาที่หลานสาวของพวกเขาเป็นผู้จัดเตรียมและหลอมให้!
ทั้งหมดนี้มันฟังดู…น่าเหลือเชื่อจนเกินไป
“อู๋เสีย สิ่งที่เจ้าให้พวกเรากินเข้าไป…มันสามารถ…ได้จริงหรือ” จวินชิงพูดได้เพียงครึ่งเดียวก็หยุดไป ลำคอของเขาแห้งผาก ในวันปกติเขาไม่เคยสังเกตเห็นเลย แต่เมื่อจวินอู๋เสียบอกกล่าว เขาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าเส้นลมปราณของตนนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ
จวินอู๋เสียพูดมาเป็นความจริง!
“กองทัพรุ่ยหลินมีจำนวนคนมากเกินไป ข้าเลยทำได้เพียงมอบเม็ดยาให้แก่พวกเขาเท่านั้น” จวินอู๋เสียเองก็อยากจะค่อยๆ บำรุงร่างกายของพวกเขาด้วยอาหารยาช้าๆ อยู่หรอก แบบนี้จะยิ่งทำให้รากฐานของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับทหารนับแสน…แม้ว่าพวกเขาจะขายจวนหลินอ๋องทั้งจวนไปแล้วก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่มีทุนพอที่จะทำได้ถึงขั้นนั้นอยู่ดี
“…” จวินเสี่ยนรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นของตน
“สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้อย่างที่เจ้าพูดจริงๆ รึ” จวินชิงถามไถ่ ดวงตาของเขาแดงก่ำเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น มีเพียงไม่กี่สิ่งเท่านั้นในโลกนี้ที่สามารถกระตุ้นสองพ่อลูกสกุลจวินให้ตื่นเต้นได้มากถึงขั้นนี้ได้!
จวินอู๋เสียพยักหน้า
สองพ่อลูกชำเลืองมองกันและกัน ต่างฝ่ายต่างสังเกตเห็นถึงความประหลาดใจในแววตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“อู๋เสีย นี่คือสิ่งที่ท่านอาจารย์เจ้าสอนเจ้ามาใช่หรือไม่” จวินเสี่ยนถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวดจริงจัง
“เจ้าค่ะ”
“ทักษะทางการแพทย์ของท่านอาจารย์เจ้าช่างยอดเยี่ยมมากเหลือเกิน และเขาก็ใจดีต่อสกุลจวินของพวกเรานัก พวกเราสกุลจวินก็เป็นหนี้น้ำใจเขาอย่างใหญ่หลวง อู่เสียเอ๋ย สิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้มานั้นข้าไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนเลย หากว่าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป มันจะต้องเป็นชนวนก่อให้เกิดพายุครั้งใหญ่แน่ จวนหลินอ๋องอาจจะสามารถเก็บรักษาเรื่องนี้ให้อยู่แค่ภายในรัฐชีได้ ทว่าหากมันกระจายไปมากกว่านั้น รัฐอื่นๆ จะต้องไม่นิ่งเฉยกับเรื่องนี้แน่” น้ำเสียงของจวินเสี่ยนนั้นจริงจังผิดปกติ การที่มีท่านปรมาจารย์ผู้มีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมเช่นนี้เป็นอาจารย์ ไม่รู้ว่าเป็นพรหรือคำสาปสำหรับจวินอู่เสียกันแน่
สำนักชิงอวิ๋นนั้นมีชื่อเสียงกระจายไปหลายรัฐ ซึ่งการที่พวกเขาได้รับการยอมรับอย่างสูงสุดเช่นนี้ หาใช่เพียงเพราะมีกองกำลังสนับสนุน แต่เป็นเพราะทักษะทางการแพทย์ของพวกเขาล้ำเลิศยอดเยี่ยมมากด้วย พวกเขามีทั้งหมอ ปรมาจารย์นักหลอมโอสถที่เก่งที่สุดภายใต้ผืนฟ้านี้ แม้กระทั่งผู้ที่มีพลังอำนาจมากที่สุดก็ยังต้องเกรงอกเกรงใจสำนักชิงอวิ๋นหลายส่วน ทั้งหมดก็เพราะ…เผื่อว่าสักวันหนึ่งพวกเขาอาจต้องมาขอความช่วยเหลือจากสำนักชิงอวิ๋นในด้านการรักษานั่นเอง
แต่สิ่งที่จวินอู๋เสียนำออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ แซงหน้าความสามารถของสำนักชิงอวิ๋นเสียไปไกลมาก อย่างเม็ดยาขยายเส้นลมปราณที่สามารถพัฒนาเส้นเลือดและเส้นลมปราณของผู้ใหญ่ได้ตัวนี้นั้น ก็ไม่เคยมีผู้ใดเคยได้ยินมาก่อนแล้ว
เป็นที่รู้กันดีว่าการพัฒนาเส้นเลือดและเส้นลมปราณจะถูกปิดกั้นในที่สุดเมื่อคนผู้นั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นทุกคนจึงต้องพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งของเส้นเลือดและเส้นลมปราณของตนให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะโตเต็มวัย เนื่องจากเมื่อถึงวัยผู้ใหญ่แล้ว หากเส้นเลือดยังพัฒนาได้ไม่ดีพอ มันก็จะไม่สามารถทำอะไรได้อีก และผลของมันก็จะทำให้การฝึกฝนต่างๆ เป็นไปได้อย่างเชื่องช้า ทำให้ต้องฝึกอย่างหนักหน่วงมากขึ้นตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา
หากพวกเขารู้ว่ายังมีเม็ดยาชนิดหนึ่งในโลกที่สามารถทำให้ผู้ใหญ่สามารถพัฒนาเส้นเลือดและเส้นลมปราณของตนเองเหมือนตอนยังเป็นเด็กได้ ผืนแผ่นดินนี้จะต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน!
หากว่าเรื่องนี้หลุดออกไป โลกจะต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน และอาจผลักดันให้โลกใบนี้ให้เข้าสู่กลียุค! จวนหลินอ๋องมีอำนาจเบ็ดเสร็จแข็งแกร่งในรัฐชีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้ามันไปดึงดูดสายตาของกลุ่มอำนาจจากรัฐอื่นที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามาแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถปกป้องอู๋เสียได้
ตอนที่ 104 โอสถล้ำค่า (3)
ไม่ว่าอำนาจของจวนหลินอ๋องนั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่มันก็เทียบเคียงไม่ได้กับสำนักชิงอวิ๋น เม็ดยาของจวินอู๋เสียตัวนี้จึงเปรียบเสมือนดาบสองคม เป็นทั้งพรและคำสาป!
“นอกจากท่านอาจารย์ของเจ้าแล้ว มีใครอีกบ้างที่สามารถหลอมเม็ดยาชนิดนี้ขึ้นมาได้” จวินเสี่ยนถามอย่างเคร่งขรึม
จวินอู๋เสียจ้องมองบุรุษทั้งสามคนในห้อง ความหมายของนางนั้นชัดเจนมาก
“หลงฉี!” จวินชิงตะโกนเสียงดังลั่น
หลงฉีรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่งทันที “วันนี้ ข้าน้อยไม่เห็นหรือได้ยินอะไรทั้งสิ้นขอรับ” เม็ดเหงื่อเย็นเยียบหยดจากหน้าผากของหลงฉี คุณหนูอาจยังไม่เข้าใจว่าหากเม็ดยาตัวนี้หลุดออกไปภายนอกแล้ว มันจะสามารถสร้างคลื่นความโกลาหลได้มากเพียงใด
“เจ้าติดตามอยู่ข้างกายข้ากับพี่ใหญ่มาตั้งแต่ยังเล็ก ข้าเชื่อในตัวเจ้า แต่จงจำคำข้าไว้ให้ดีว่าทุกสิ่งที่เจ้าได้เห็นและได้ยินในวันนี้ จงนำมันฝังลงหลุมศพไปพร้อมกับเจ้าด้วย ห้ามแพร่งพรายสิ่งใดเกี่ยวกับมันออกไปให้คนนอกรู้แม้แต่คำเดียว หาไม่แล้วมันจะนำภัยพิบัติมาสู่สกุลจวิน!” น้ำเสียงของจวินชิงรุนแรงกว่าที่เคย
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ!”
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วงุนงงให้กับความระมัดระวังที่บุรุษทั้งสามคนในห้องแสดงออกมา
เม็ดยานี่…ก็ดูเหมือนไม่เท่าไหร่นี่
ก่อนหน้านี้นางยังวางแผนว่าจะหลอมเม็ดยาที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้หลายเท่าตัว แต่เนื่องด้วยสมุนไพรไม่เพียงพอ จึงหลอมได้เพียงตัวยาที่นำมาให้พวกเขาดังกล่าว
แล้วเหตุใดท่านอาเล็กกับท่านปู่จึงต้องคิดหนักเกี่ยวกับเม็ดยาธรรมดาๆ พวกนี้ด้วย
“อู๋เสีย อาจารย์ของเจ้าจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง และลึกลับมากเป็นแน่ เขาถึงไม่กังวลหรือกลัวเลยว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาจะถูกเปิดเผยออกไป แต่เจ้า เจ้าไม่เหมือนกัน ปู่รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงจวนหลินอ๋องด้วยใจจริง และต้องการจะใช้เม็ดยาที่เจ้าหลอมออกมานี้เพื่อสนับสนุนจวนหลินอ๋อง แต่สูตรในการหลอมเม็ดยานี้ เจ้าจะต้องเก็บไว้เป็นความลับ นอกจากเจ้าและท่านอาจารย์ของเจ้า ห้ามเปิดเผยให้บุคคลที่สามล่วงรู้เป็นอันขาด เจ้าเข้าใจหรือไม่” หาได้ยากนักที่จวินเสี่ยนจะกล่าวกับจวินอู๋เสียด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและท่าทางเอาจริงเอาจังขนาดนี้
“อู๋เสียทราบแล้วเจ้าค่ะ” แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าทำไมสองพ่อลูกสกุลจวินถึงได้กระวนกระวายใจนัก แต่จวินอู๋เสียก็ยอมตกลงทำตาม
“แล้วเม็ดยาเหล่านี้ เราจะยังส่งไปที่ค่ายทหารหรือไม่ขอรับ” จวินชิงถามพลางขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
“ส่งสิ ทำไมจะไม่ส่งไปเล่า! ข้าเชื่อในตัวทหารกองทัพรุ่ยหลินทุกคนว่าจะไม่ทรยศสกุลจวิน แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความตายก็ตาม!” จวินเสี่ยนเชื่อมั่นในกองทัพรุ่ยหลินอย่างไร้ข้อกังขา เขาหันไปหาหลงฉี “เรื่องนี้ ฝากให้เจ้าจัดการด้วย เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกคนพวกนั้นว่าสรรพคุณของเม็ดยาพวกนี้คืออะไร แค่สั่งให้พวกเขากลืนมันลงไปตามกำหนดก็พอ บอกพวกเขาว่าอย่าตั้งคำถามหรือหารือกันเกี่ยวกับผลของเม็ดยาแม้แต่คำเดียว ยิ่งไม่อนุญาตให้แพร่งพรายแก่คนนอกรับรู้ และนับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขากลืนเม็ดยานี้ลงไป บอกพวกเขาว่าจงลืมไปเสียว่าเคยได้กลืนเม็ดยานี้ลงไป”
“ขอท่านอ๋องโปรดวางใจ! คำสั่งของท่านจะถูกปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ข้าน้อยจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วงขอรับ!” หลงฉีให้คำมั่นสัญญา หัวใจของเขาลุกไหม้ด้วยความรู้สึกเร่าร้อน เขาแอบเงยหน้าขึ้น ลอบมองใบหน้าด้านข้างของจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสีย นับจากวันนี้ไปนางคือนายน้อยที่กองทัพรุ่นหลินพร้อมจะจงรักภักดีและตายแทนได้ จุดนี้ และมันจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปตราบจนชั่วนิจนิรันดร์!
เนื่องจากความสำคัญของเม็ดยาเหล่านี้ที่ถูกขนส่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง จวินเสี่ยนจึงสั่งให้องครักษ์ส่วนใหญ่ของจวนหลินอ๋องติดตามอารักขาสิ่งนั้นร่วมกับหลงฉีด้วย รถม้าที่เต็มไปด้วยหีบบรรจุเม็ดยา มุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงไปหลังจากท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ไม่มีใครล่วงรู้ว่ารถม้าที่ดูไม่สะดุดตาเหล่านั้น บรรทุกเม็ดยาที่สามารถทำให้ผู้คนทั้งโลกบ้าคลั่งเพราะมันไปด้วย!
หลังจากค่ำคืนนี้ไป กองทัพรุ่ยหลินจะเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์!
ในช่วงกลางดึก คนสกุลจวินทั้งสามรุ่นนั่งสนทนากันภายใต้แสงเทียน โดยส่วนใหญ่แล้วจวินอู๋เสียทำเพียงแค่นั่งฟังเงียบๆ มากกว่า
“อู๋เสียเอ๋ย หากเจ้าง่วงแล้วก็ไปพักเถิด” จวินเสี่ยนมองดูจวินอู๋เสียอย่างปวดใจ การหลอมเม็ดยาถึงหนึ่งแสนเม็ดนั้นคงจะทำให้หลานสาวตัวน้อยของเขาเหนื่อยล้าไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเห็นวงสีคล้ำจางๆ ข้างใต้ดวงตาของนางอีกด้วย
“เจ้าค่ะ ท่านปู่” จวินอู๋เสียลุกขึ้น นางรู้ว่าจวินเสี่ยนและจวินชิงมีเรื่องบางอย่างที่ไม่สะดวกใจให้นางได้ยิน นางจึงอุ้มแมวดำตัวน้อยแล้วออกจากห้องไป