ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1143 ไฟสงครามปะทุ (8) / ตอนที่ 1144 จิตวิญญาณทหารหาญ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1143 ไฟสงครามปะทุ (8) / ตอนที่ 1144 จิตวิญญาณทหารหาญ (1)
ตอนที่ 1143 ไฟสงครามปะทุ (8) / ตอนที่ 1144 จิตวิญญาณทหารหาญ (1)
ตอนที่ 1143 ไฟสงครามปะทุ (8)
แม่ทัพไม่สนใจเขาและพูดกับทหารที่เข้ามารายงานว่า เอาม้ามาที่นี่แล้วส่งพี่มู่กลับไปที่เมืองหลวง
ข้าไม่กลับ! มู่เชียนฟานตะโกน
ท่านต้องกลับ! ท่านไม่ใช่ชาวเมืองรัฐชี เรื่องของรัฐชีไม่จำเป็นต้องให้คนนอกเข้ามายุ่ง! แม่ทัพพูดอย่างเด็ดขาด
มู่เชียนฟานอยากยืนกรานต่อไปอีก แต่ผู้นำคนอื่นๆ ในกระโจมก็จับเขามัดและรัดตัวเขาไว้บนหลังม้าและส่งมันวิ่งไปทางเมืองหลวง ดวงตาของมู่เชียนฟานแดงก่ำ เขาหันกลับไปมองสนามรบที่ค่อยๆ ห่างออกไป มองดูทหารกองทัพรุ่ยหลินที่สู้สุดชีวิตด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
เขาปรารถนาที่จะเป็นเหมือนพวกเขา ยืนอยู่ในสนามรบเพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดด้วยสองมือของตัวเอง!
หลังจากมู่เชียนฟานจากไป แม่ทัพก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ด้านนอกกระโจมแม่ทัพ รายงานด่วนเข้ามาขณะที่การต่อสู้ก็รุนแรงมากขึ้น
ภายในกระโจมของแม่ทัพ พวกผู้นำต่างยกจอกสุราขึ้นดื่ม จากนั้นก็ทำการคารวะแม่ทัพโดยไม่พูดอะไร แล้วก็หันหลังจากไป
แม่ทัพยืนอยู่เพียงลำพังในกระโจมพร้อมกับมองดูด้านหลังที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของพวกพี่น้องที่ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมากับเขา ดวงตาของเขาพร่ามัวด้วยน้ำตา ภาพนั้นจะเป็นความทรงจำสุดท้ายของพวกเขา เพราะพวกเขาจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว
ในกระโจมอันว่างเปล่า แม่ทัพทรุดลงบนพื้น สองมือปิดหน้า ไหล่ของเขาสั่นน้อยๆ เสียงร้องไห้ที่อดกลั้นไว้ดังออกมา
น้ำตาของลูกบุรุษไม่ได้ไหลออกมาง่ายๆ หากมันไม่ถึงที่สุดจริงๆ!
การรบครั้งนี้ดำเนินไปสามวันสามคืน ทหารกองทัพรุ่ยหลินสามหมื่นห้าพันคนต่างสู้จนตัวตาย ไม่มีใครรอดชีวิตเลยสักคน ทหารของรัฐชีที่เหลือต่างก็พบจุดจบอันน่าเศร้าเช่นกัน สนามรบทั้งหมดเต็มไปด้วยศพคนตาย โลหิตไหลนองพื้นจนก่อตัวเป็นลำธารสีแดงไหลไปทั่วทุกตารางนิ้ว
ทหารม้าเกราะของกองทัพรัฐจิ้วก้าวข้ามศพของทหารกองทัพรุ่ยหลินและโจมตีค่ายใหญ่ของศัตรู
พวกทหารที่ค่ายสู้กันสุดชีวิตด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี พวกเขาใช้กำลังเฮือกสุดท้ายต่อต้านพวกทหารม้าข้าศึก
ในที่สุด…
แม่ทัพของรัฐจิ้วนั่งอยู่บนหลังม้าศึกตัวใหญ่และไปที่กระโจมของแม่ทัพกองทัพรุ่ยหลิน ด้านในกระโจมมีศพของทหารรุ่ยหลินอยู่ทั่วไปหมด เขาขมวดคิ้วมองทหารกองทัพรุ่ยหลินที่ได้ชื่อว่าเป็นกองกำลังที่ดุดันที่สุด
ถึงจะเป็นศัตรู แต่เขาก็อดนับถือและชื่นชมทหารผู้ห้าวหาญพวกนี้ไม่ได้
มันเป็นการรบติดต่อกันหลายวัน และกองทัพของพันธมิตรทั้งสี่รัฐถูกต่อต้านขัดขวางและเคลื่อนที่ไปได้ช้ามาก กองกำลังอื่นของรัฐชีไม่มีค่าพอที่จะเอ่ยถึง แต่กองกำลังที่ทำให้เขาปวดหัวมากที่สุดก็คือกองทัพรุ่ยหลินที่มีจำนวนคนน้อยที่สุด
ในสนามรบนี้กองทัพรุ่ยหลินมีจำนวนทั้งสิ้นสามหมื่นกว่าคนเท่านั้น แต่คนสามหมื่นกว่านี้แหละที่บดขยี้ทหารของกองทัพเขาถึงสามแสนคน!
หนึ่งต่อสิบ!
นั่นคือสิ่งที่ทำให้กองทัพนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง!
กองทัพของท่านถูกกำจัดหมดแล้ว ถ้าท่านยอมแพ้ ข้าจะไว้ชีวิตท่าน แม่ทัพของรัฐจิ้วพูดขึ้นพลางมองไปที่กระโจมแม่ทัพ เขารู้ว่าแม่ทัพของกองทัพรุ่ยหลินกองนี้นั่งอยู่ในกระโจม
ทั้งสนามรบนี้ ทหารกองทัพรุ่ยหลินคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็คือบุรุษผู้นี้!
ในกระโจมแม่ทัพเงียบกริบ แม่ทัพของรัฐจิ้วยกมือขึ้นและสั่งให้ทหารของเขาล้อมกระโจมเอาไว้ และทันใดนั้นพวกเขาก็แทงหอกในมือใส่กระโจมจากทุกด้าน!
เสียงกระทบกันดังขึ้น!
กระโจมแม่ทัพฉีกขาด!
แต่ทว่า!
ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งยืนอยู่กลางกระโจมที่ถล่มลงมา เขาสวมเกราะสีเงินถือหอกยาว ผ้าคลุมสีแดงห้อยอยู่ด้านหลัง ดวงตาลุกโชน เขายืนอย่างมั่นคงราวกับภูเขา แสงอาทิตย์ยามเย็นเบื้องหลังทำให้ดูราวกับว่าเขาถูกชุบด้วยแสงสีทอง
กองทัพรุ่ยหลินมีแต่ทหารที่ตายในการรบเท่านั้น ไม่มีคนขี้ขลาดขอยอมแพ้! เข้ามา! แม่ทัพกองทัพรุ่ยหลินแทงหอกออกไปทันทีโดยไม่เกรงกลัวทหารที่รายล้อมเขาอยู่อย่างหนาแน่นเลย เขาพุ่งทะยานเข้าไปหาแม่ทัพของรัฐจิ้ว!
ตอนที่ 1144 จิตวิญญาณทหารหาญ (1)
ลมพายุรุนแรงส่งเสียงหวีดหวิว ก่อเกิดพายุทรายสีเหลืองขึ้นลูกหนึ่ง กองทัพของรัฐจิ้วทำลายค่ายของกองทัพรุ่ยหลินจนราบคาบ แล้วเดินทางตรงไปยังเมืองหลวงของรัฐชี
ในค่ายของกองทัพรุ่ยหลิน กระโจมทหารถูกจุดไฟเผา แสงเพลิงลุกโชติช่วงส่องสว่างไปจนถึงท้องฟ้าที่มืดสลัว แม่ทัพของกองทัพรุ่ยหลินยืนอยู่กลางกองไฟที่โหมกระหน่ำ ร่างกายของเขาตั้งตรง เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความตั้งใจอันแรงกล้าของกองทัพที่ดุดันที่สุดที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย!
เขายืนตระหง่านอย่างทระนงองอาจท่ามกลางเปลวไฟ ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนแทงทะลุเกราะของเขาเข้าไปในร่าง รวมกับบาดแผลถูกฟันจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วร่างของเขา โลหิตไหลออกจากบาดแผลของเขาราวกับน้ำพุ ดวงตาของเขาสูญเสียประกายที่เคยมีไปแล้ว เขาไม่สามารถมองเห็นแผ่นดินที่เขาและคนของเขาปกป้องเอาไว้ด้วยชีวิตได้อีกแล้ว และหูของเขาก็ไม่ได้ยินเสียงหวีดหวิวของสายลมเช่นกัน
จนตายเขาก็ไม่ยอมล้มลงตรงหน้าพวกศัตรู จิตวิญญาณของทหารแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา มือของเขากำรอบหอกขณะที่ยืนเหมือนรูปปั้นตระหง่านตั้งตรงอยู่บนแผ่นดินที่ชุ่มโลหิต!
หอกที่กลายร่างมาจากภูติวิญญาณส่องประกายระยิบระยับด้วยแสงจากเปลวเพลิง การตายของเจ้าของทำให้มันไม่สามารถอยู่ที่โลกมนุษย์ได้อีก แต่…
กระทั่งตอนที่โลหิตของแม่ทัพปกคลุมมันจนหมด มันก็ยังไม่ยอมไป…
จนกระทั่งการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของมันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง หอกเล่นนั้นก็ค่อยๆ หายไปท่ามกลางสายลมที่ส่งเสียงหวีดหวิวและเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ ร่างแข็งทื่อของแม่ทัพยังคงยืนอยู่โดยมีแสงของเปลวเพลิงสะท้อนอยู่บนเกราะของเขาตลอดกาล…ด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ไม่ยอมจำนน!
ทหารกองทัพรุ่ยหลินสามหมื่นกว่าคนถูกสังหารจนสิ้น ทหารของกองทัพรัฐชีอีกหนึ่งแสนกว่าคนก็ตายอยู่ในสนามรบ โลหิตของพวกเขาส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
กองทัพข้าศึกพ่ายแพ้แล้ว ทหารของพวกเขาตายหมด กองทัพของรัฐจิ้วบุกตรงเข้าไปที่ใจกลางรัฐชี เมืองหลายแห่งถูกกวาดล้างด้วยไฟสงครามขณะที่ทหารม้าเกราะของรัฐจิ้วผ่านไป!
เมื่อไม่มีกองทหารคอยปกป้อง พวกชาวเมืองในเมืองต่างๆ ก็พากันหนีอย่างตื่นตระหนกไปทุกทิศทาง พวกเขาเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาที่ไม่มีพลังในการสู้รบ ภายใต้คมดาบอันโหดร้ายของรัฐจิ้ว พวกเขาต่างไม่มีที่จะหนี!
เมืองสิบกว่าเมืองถูกทำลายอย่างโหดเหี้ยม ไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลยสักคน!
กองทัพรัฐจิ้วเข้าใกล้เมืองหลวงของรัฐชีมากขึ้นทุกที ผู้อพยพที่หนีมาจากที่ต่างๆ พากันเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
เร็วเข้า! ให้ทุกคนออกไปจากเมือง! เจ้าเมืองพูดขึ้นก่อนหน้าที่กองทัพของรัฐจิ้วจะบุกเข้ามาถึงเพื่อให้เคลื่อนย้ายชาวเมืองทั้งหมดในเมืองออกไป บนกำแพงเมืองมีทหารถือดาบยืนเฝ้าอยู่ พวกเขามองไกลออกไป โลหิตในกายเดือดระอุ ประสาททุกส่วนเกร็งเครียด
ขอเวลาอีกนิดเดียว!
แค่อีกนิดเดียวเท่านั้น!
พวกเขาภาวนาอยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วน ขอให้พวกเขามีเวลาเพิ่มขึ้นอีกเพื่อให้ครอบครัวของพวกเขาหนีไปจากนรกแห่งนี้ได้
ขณะที่ชาวเมืองกำลังออกไป ทหารกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาในเมืองจากทางประตูหลังแทน
พวกท่านคือ เจ้าเมืองถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง เขากำลังยุ่งกับการอพยพชาวเมือง
หัวหน้าของทหารกลุ่มนั้นก้าวออกมา เขาสวมเกราะเบา ใบหน้ากร้าน เคราสีขาวบ่งบอกถึงอายุ แต่ในดวงตาคู่นั้นมีประกายแห่งความกล้าหาญฉายแสงออกมาอย่างชัดเจน
ข้าคืออดีตแม่ทัพใหญ่ของกองทัพรุ่ยหลินหลงจั้น! ข้าได้ข่าวว่ากองทัพของเราที่แนวหน้าถูกทำลายไปหมดแล้ว ข้าจึงนำคนมาที่นี่เพื่อเตรียมรับมือกับข้าศึก! ดวงตาของหลงจั้นลุกโชน ไม่มีร่องรอยของความชราเลยแม้แต่น้อย!
ดวงตาของเจ้าเมืองเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ ชื่อหลงจั้นดังไปทั่วรัฐชีมามากกว่ายี่สิบปีแล้ว ในตอนที่เริ่มก่อตั้งรัฐชี ตอนที่กองทัพรุ่ยหลินอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดด้วยจำนวนทหารที่มีมากกว่าตอนนี้หลายเท่า!