ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1323 ป่ากร่อนกระดูก (9) / ตอนที่ 1324 ป่ากร่อนกระดูก (10)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1323 ป่ากร่อนกระดูก (9) / ตอนที่ 1324 ป่ากร่อนกระดูก (10)
ตอนที่ 1323 ป่ากร่อนกระดูก (9)
อิงซู่เป็นร่างวิญญาณ เรื่องของพิษนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่พอ
“ทุกคน กินนี่กันก่อน” อิงซู่พูด ในมือมีเมล็ดสีดำอยู่หลายเมล็ด พวกมันมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดงา
“นี่คือ” เฉียวฉู่หยิบขึ้นมาหนึ่งเมล็ดและยกขึ้นมาดูตรงหน้า มันเล็กมากขนาดที่เป่าทีเดียวก็ปลิวหายไปแล้ว
มุมปากของอิงซู่ยกขึ้นเล็กน้อย แต่พอนึกได้เขาก็รีบระงับท่าทางขี้เล่นและทำหน้าจริงจังทันที “กลิ่นของอิงซู่ทำให้คนที่สูดดมเข้าไปสูญสิ้นเรี่ยวแรง และเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะเห็นภาพหลอน ข้าว่าทุกท่านคงไม่อยากมีประสบการณ์นั้นหรอก”
เพื่อตอบโต้ผลกระทบของอิงซู่ ก็มีเพียงของจากอิงซู่เองเท่านั้นที่ได้ผล แต่มันต่างจากเมล็ดของบัวหิมะ เนื่องจากผลของเมล็ดของเขาอยู่ได้แค่ไม่กี่วันแล้วมันก็จะหมดฤทธิ์ไป
เมล็ดอิงซู่ไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษอะไร นอกจากต้านทานพิษของอิงซู่ได้อย่างเดียวเท่านั้น
“ภาพหลอน ภาพหลอนแบบไหน” เฉียวฉู่ถามอย่างสงสัย พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอิงซู่ภูติวิญญาณตนใหม่นี้มากนัก และนอกจากนั้น…ดูท่าทางแล้วไม่ใช่คนที่ควรไปหาเรื่องด้วย
อิงซู่หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเกือบยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาแล้ว แต่เนื่องจากมีราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ยืนจ้องอยู่ เขาจึงตัดสินใจว่าไม่ควรจะดีกว่า จึงแค่ตอบกลับว่า “ถ้าอยากรู้จริงๆ วันหน้าข้าจะให้เจ้าลอง”
เฉียวฉู่ส่ายหน้าอย่างแรงทันที เขาไม่อยากกลายเป็นหนูทดลอง
อิงซู่ยักไหล่ ทุกคนกินเมล็ดที่อิงซู่ให้ ครั้งนี้เมื่อมีจวินอู๋เสียเฝ้าดูอยู่ เสี่ยวเจว๋จึงไม่มีทางเลือกนอกจากกินเมล็ดเล็กจิ๋วนั่นเข้าไป เขามองจวินอู๋เสียด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ ใบหน้าดูทุกข์ระทมมาก
การใช้วิธีพิษขจัดพิษนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ที่อิงซู่ต้องทำก็แค่ควบคุมกลิ่นของเขาให้คลุมทุกคนเอาไว้ สร้างพื้นที่ขึ้นรอบตัวจวินอู๋เสียและสหายให้เต็มไปด้วยกลิ่นที่เขาปล่อยออกมา เนื่องจากเขาเป็นร่างวิญญาณ จึงไม่ต้องกลัวว่าตัวเขาเองจะโดนพิษจากต้นกร่อนกระดูก กังวลแค่คนในกลุ่มก็พอ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอิงซู่ในการควบคุมกลิ่นให้คงอยู่ในพื้นที่เล็กๆ เช่นนั้น
หลังจากเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ พวกจวินอู๋เสียก็ออกเดินทางเข้าไปในป่ากร่อนกระดูก ในป่าทึบเต็มไปด้วยต้นกร่อนกระดูกที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ กัน หากเผลอเรอแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะไปโดนเข้ากับกิ่งก้านที่โค้งงอและเถาวัลย์ที่สานไปมารอบตัวได้ ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดที่ทำขึ้นเป็นพิเศษจากผ้าหนา พวกเขาอาจจะไม่ต้องกลัวมากนัก แต่ส่วนผิวหนังที่ถูกเปิดเผยก็ยังมีแนวโน้มสูงว่าจะโดนเถาวัลย์ขีดข่วนเอาได้
อย่างที่จวินอู๋เสียได้กล่าวไว้แล้ว เถาวัลย์สีขาวพวกนั้นที่เหมือนถูกเคลือบด้วยน้ำค้างแข็ง จริงๆ แล้วเต็มไปด้วยหนามเล็กๆ ถูกข่วนเพียงเล็กน้อยก็เป็นแผลได้แล้ว
บาดแผลอาจจะตื้นมากและแทบจะสังเกตไม่เห็นในตอนแรก และอาจมีโลหิตซึมแค่นิดหน่อยเท่านั้น
แต่บาดแผลเล็กๆ นั่นแหละที่ทำให้พวกเฉียวฉู่โอดครวญกันไม่หยุด
แม้ว่าจะเล็ก แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่เล็กเลย ทุกรอยข่วนที่โดน จะรู้สึกเหมือนแผลโดนไฟไหม้
และนี่คือผลกระทบหลังจากพิษของอิงซู่ออกฤทธิ์กับพวกเขาแล้ว ถ้าไม่มีพิษของอิงซู่มาต้านพิษ ถูกต้นกร่อนกระดูกข่วนเข้าแบบนี้จะไม่ใช่แค่เจ็บปวดแค่นี้แน่
ป่ากร่อนกระดูกเต็มไปด้วยต้นกร่อนกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน แผ่คลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์เอาไว้ มีหมอกหนาทึบอยู่ในป่า ต้นไม้ทุกต้นล้วนดูเหมือนกันไปหมด จวินอู๋เสียจึงต้องคอยจับตาดูจานแห่งโชคชะตาเพื่อชี้ให้พวกเขาไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะหลงทางในเขาวงกตป่ากร่อนกระดูกอย่างง่ายดาย
ตอนที่ 1324 ป่ากร่อนกระดูก (10)
ในป่ากร่อนกระดูกที่มืดมิด สายลมพัดหวีดหวิว ทั้งมืดและชื้น ดินใต้เท้าก็เฉอะแฉะราวอยู่ในบึง การเดินทางในป่านั้นก็ต้องเดินก้มหลัง พยายามไม่ให้โดนใบไม้และกิ่งของต้นกร่อนกระดูกที่ยื่นลงมาเพื่อป้องกันไม่ให้โดนข่วน
แม้ว่าการถูกต้นไม้ข่วนไม่ได้ทำให้พวกเขาเสียชีวิตก็จริง แต่ความเจ็บปวดที่รุนแรงนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากจะโดน
ในตอนนั้นพวกผู้เยาว์ที่ภูมิใจในความสูงของตัวเองมาตลอดก็พลันตระหนักได้ว่าความสูงจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดได้อย่างไร
ในหมู่พวกเขา มีเพียงจวินอู๋เสียและเสี่ยวเจว๋เท่านั้นที่เตี้ยที่สุด ต้นกร่อนกระดูกส่วนใหญ่ก็บิดงอพอดีกับความสูงของเสี่ยวเจว๋ทำให้เขาเดินได้โดยไม่ต้องก้ม ส่วนจวินอู๋เสียก็ต้องก้มเล็กน้อยเป็นครั้งคราวเมื่อเจอกับกิ่งที่ห้อยต่ำมากๆ เท่านั้น
แต่สำหรับผู้เยาว์ตัวสูงๆ อย่างพวกของเฉียวฉู่นั้น มันคือความทุกข์ระทมอย่างถึงที่สุด
ส่วนสูงของผู้เยาว์ทั้งห้าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ในบรรดาผู้เยาว์ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ก็ถือได้ว่าพวกเขาโดดเด่นทั้งหน้าตาและรูปร่าง แต่ในป่ากร่อนกระดูกนี่ ความสูงที่น่าอิจฉาของพวกเขากลับเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรม
ทันทีที่เหยียบย่างเข้าไปในป่ากร่อนกระดูก หลังของพวกเขาก็ไม่มีโอกาสเหยียดตรงอีกเลย!
ถ้าแค่นั้นมันก็คงไม่แย่เท่าไร แต่ว่า…
พวกเขาถูกบังคับให้มองคนที่สูงกว่าพวกเขาหลายคนเดินไปในป่ากร่อนกระดูกอย่างสบายๆ ด้วยหลังที่ตั้งตรง!
เหมือนอิงซู่ที่เป็นร่างวิญญาณ…
เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยที่กล้าหาญและเก่งกาจ…
แล้วก็ จวินอู๋เย่า…
เอาล่ะ คนสุดท้ายนั่น พวกผู้เยาว์ทั้งหลายต่างเลือกที่จะไม่สนใจเพื่อรักษาความภาคภูมิใจในตัวเองเอาไว้!
อิงซู่เป็นภูติวิญญาณ และเป็นภูติวิญญาณที่มีพิษร้ายแรงถึงตาย สำหรับเขา ยางพิษของต้นกร่อนกระดูกก็ไม่แตกต่างจากน้ำพุ พวกเขาเห็นกับตาว่าตอนที่เถาวัลย์ของต้นกร่อนกระดูกโดนหลังมือของอิงซู่นั้น เถาวัลย์นั่นก็เปลี่ยนเป็นสีดำและเหี่ยวเฉาทันที…
นั่นแสดงให้เห็นว่าใครที่มีพิษร้ายกว่ากัน!
เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงพิษจากต้นกร่อนกระดูกเลย หรือพวกเขายอมทนเจ็บปวดมากกว่าจะยอมก้มหลังกันนะ…
ส่วนจวินอู๋เย่านั้น…
ฮ่าๆ พวกเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น นั่นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพ!
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะและกระต่ายโลหิตถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยซาและเยี่ยเม่ย ทั้งสองตัวดูจะสบายที่สุดในกลุ่ม พวกมันซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษชุดดำทั้งสองตลอดทาง ทั้งอบอุ่นและสบาย และถึงกับเอาใบบัวหิมะออกมาแทะตอนหิวอีกด้วย
พูดได้ว่า เจ้าตัวเล็กทั้งสองไม่ได้มาลำบากทรมานอะไรเลย แต่มาเดินทางอย่างสุขสบาย!
“แบ๊ะ” ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกระดิกหูอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยซา มันมองต้นกร่อนกระดูกที่บิดงอแล้วส่งเสียงบ่น
“ปู้” กระต่ายโลหิตที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยเม่ย เลียขนของมันอย่างพึงพอใจ
เจ้าตัวเล็กทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันคุยอะไรกัน
“นี่เสี่ยวเฮย เจ้าสองตัวนั่นคุยอะไรกันหรือ” เฉียวฉู่เดินตามหลังจวินอู๋เสีย หลังของเขาแทบจะหักอยู่แล้ว เขาจับสะโพกด้วยมือข้างหนึ่งขณะที่เดินไปข้างหน้า เขาได้ยินบทสนทนาลึกลับของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับกระต่ายโลหิต จึงพยายามจะหาความสนุกท่ามกลางความระทมทุกข์ของเขา เขาถามเจ้าแมวดำที่อยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสีย
เจ้าแมวดำหันหน้ากลับไปมองเฉียวฉู่ที่หน้าแดงจากการที่หลังของเขาต้องงออยู่ตลอดเวลา ก่อนจะตอบว่า
“พวกมันกำลังคุยกันว่า ใบของต้นกร่อนกระดูกกินได้หรือเปล่า แล้วจะอร่อยหรือไม่”
“…” เฉียวฉู่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกอยากจะหันกลับไปซัดเจ้าอสูรโง่สองตัวนั้นจริงๆ!
แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างที่ต้องการ เพราะ…
เขาสู้เจ้าสองตัวนั้นไม่ได้จริงๆ!