ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1435 รนหาที่ตาย (1) / ตอนที่ 1436 รนหาที่ตาย (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1435 รนหาที่ตาย (1) / ตอนที่ 1436 รนหาที่ตาย (2)
ตอนที่ 1435 รนหาที่ตาย (1) / ตอนที่ 1436 รนหาที่ตาย (2)
ตอนที่ 1435 รนหาที่ตาย (1)
ตอนที่ 1435 รนหาที่ตาย (1)
สีหน้าของเจ้าเมืองดูน่าเกลียด แต่เขายังฝืนยิ้มมองลั่วซีออกจากประตูไป ทันทีที่ลั่วซีเดินออกไป เจ้าเมืองก็อดกลั้นต่อไปไม่ไหว ตะโกนด่าออกมา
“พูดจาหมาๆ คิดว่าตัวเองเป็นใคร แค่เพราะใกล้ชิดกับท่านผู้นั้นนิดหน่อย ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนสั่งการที่นี่แล้วเรอะ! ไม่มองดูตัวเองเสียบ้างว่าเป็นตัวอะไร! ถ้าไม่ใช่เพราะท่านผู้นั้นหนุนหลังอยู่ ข้าก็มีวิธีฆ่าเจ้าได้ตั้งเยอะ!”
“ท่านเจ้าเมืองไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนี้เลยขอรับ เจ้าลั่วซีนั่นก็แค่สุนัขรับใช้ ท่านเจ้าเมืองก็แค่ไว้หน้าท่านผู้นั้นเท่านั้น” คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างรีบเข้าไปพูดเอาใจ
“ฮึ่ม! คนหน้าซื่อใจคดอย่างมันไม่มีค่าให้โกรธสักนิด” เจ้าเมืองกัดฟันกรอด “ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจไอ้สารเลวลั่วซีด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ท่านผู้นั้นสั่งเอาไว้จะให้ล่าช้าไม่ได้ จะปล่อยที่ทางตอนเหนือของเมืองไว้แบบนั้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะอธิบายกับท่านผู้นั้นว่าอย่างไร”
ดวงตาของเจ้าเมืองกลอกไปมา แล้วเขาก็กวักมือเรียกคนรับใช้ “เจ้าบอกว่าบ้านทางตอนเหนือของเมืองถูกสร้างเป็นหอพักสูงเจ็ดชั้นใช่หรือไม่”
“ขอรับ! ข้าไปแอบดูมาแล้วด้วย มันค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ข้าวของที่อยู่ข้างในก็ไม่เลว การจัดวางก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล แค่แตกต่างจากบ้านที่เราเคยเห็นเล็กน้อย ข้าได้ยินคนในเมืองหลายคนถามเรื่องหอพักพวกนั้น ดูเหมือนว่ามันจะดึงดูดความสนใจผู้คนได้ไม่น้อย”
เจ้าเมืองลูบคางครุ่นคิด ค่าก่อสร้างหอพักไม่ได้ถูกเลย ถ้าเขาให้คนสร้าง มันก็คงทำร้ายกระเป๋าของเขาไม่น้อย แต่ถ้าจับพยัคฆ์มือเปล่าได้ ผลมันก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
“ในเมื่อเจ้าเด็กหนุ่มทางเหนือของเมืองขัดขวางแผนการของท่านผู้นั้น ในฐานะเจ้าเมืองชิงเฟิง ข้าไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ ได้ การแก้ปัญหาให้ท่านผู้นั้นเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ” เจ้าเมืองยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นก็กระดิกนิ้วเรียกคนรับใช้ให้เข้ามาใกล้ๆ
“พาคนไปสั่งสอนเจ้าเด็กตัวร้ายที่ทางเหนือของเมืองที ให้มันรู้ว่าถ้าอยากอยู่ในเมืองชิงเฟิง ก็ต้องหัดทำตัวให้ดีๆ” เจ้าเมืองพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
“ขอรับ!”
“อีกอย่าง ตอนทำงานก็ระวังให้ดีๆ อย่าทำให้หอพักพวกนั้นเสียหาย ที่นั่นไม่ได้มีไว้ให้ผู้ลี้ภัยพวกนั้นพัก” เจ้าเมืองพูดพร้อมหัวเราะ
“ท่านเจ้าเมืองวางใจได้ขอรับ ข้าจะทำงานที่ท่านมอบหมายให้อย่างดี!” พูดจบ คนรับใช้ก็ออกจากจวนเจ้าเมือง
เจ้าเมืองยืนอยู่ในห้องโถงด้วยความยินดีอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตบพุงตัวเองเบาๆ แล้วเดินกลับไปที่ห้องของเขาพร้อมกับผิวปาก
ในหอพักทางเหนือของเมือง ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังนั่งดื่มชากับจวินอู๋เย่าที่โต๊ะ เยี่ยซาก็ปรากฏตัวอย่างเงียบๆ และคุกเข่าลงตรงหน้าทั้งสองคน
“เรียนคุณหนูใหญ่ หลังจากลั่วซีออกจากที่นี่วันนี้ เขาก็ไปที่จวนเจ้าเมือง อยู่ที่นั่นสักพักก็กลับขอรับ” เยี่ยซาทำตามคำสั่งของจวินอู๋เสียที่ให้คอยติดตามการเคลื่อนไหวของลั่วซีและเจ้าเมือง หลังจากพบว่าทั้งสองติดต่อกัน เขาก็รีบกลับมารายงานจวินอู๋เสียทันที
“โอ้” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว
“คุณหนูใหญ่ ต้องการให้ข้าจับพวกมันมาหรือเปล่าขอรับ” เยี่ยซาถาม
จวินอู๋เสียส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่ต้อง เดี๋ยวพวกนั้นก็จะเอาตัวเองมาอยู่ในมือข้าเอง”
เยี่ยซายังสับสนเล็กน้อย แต่พอสิ้นเสียงของจวินอู๋เสียได้ไม่นาน เยี่ยเม่ยก็เดินเข้าประตูมา
“คุณหนูใหญ่ มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่ชั้นล่างขอรับ”
จวินอู๋เสียเหลือบสายตาขึ้นมอง ดวงตาฉายแววเหมือนรู้อยู่แล้ว
“หนูเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”
ท่ามกลางหอพักที่ทางเหนือของเมือง จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนที่ดูหยาบช้าป่าเถื่อนปรากฏตัวขึ้น พวกเขามีร่างกายแข็งแรง ใบหน้าดูดุร้าย ท่าทางน่ากลัวไม่น่าเข้าไปยุ่ง ผู้ลี้ภัยที่เพิ่งย้ายเข้ามาในหอพักต่างหวาดกลัวเมื่อเห็นบุรุษร่างกำยำพวกนี้ปรากฏตัวขึ้น
ตอนที่ 1436 รนหาที่ตาย (2)
หัวหน้ากลุ่มบุรุษฉกรรจ์จ้องมองไปที่หอพักซึ่งสร้างอย่างประณีต ปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอำมหิต เขาชี้นิ้วไปที่สตรีสูงอายุคนหนึ่งที่กำลังพาหลานเข้าไปในหอพัก แล้วพูดว่า “เจ้า! ยัยแก่! มานี่เดี๋ยวนี้!”
หญิงชราอายุเกินห้าสิบปีไปแล้ว สังขารที่แก่ชราทำให้นางหลังค่อม นางตัวเล็กและผอม ผมข้างศีรษะเป็นสีขาว จู่ๆ ก็โดนบุรุษร่างกำยำตะโกนใส่ ใบหน้าของนางจึงซีดขาวทันที นางคว้าตัวหลานเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว ขณะหันไปทางกลุ่มคนที่ท่าทางไม่ได้มาดี
หญิงชราตัวสั่นขณะมองไปที่บุรุษพวกนั้น ดวงตาอ้อนวอนของนางมองไปยังผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นคนชราที่อายุมากเหมือนนาง และสตรีที่อ่อนแอไร้หนทาง พวกนางยังป้องกันตัวเองไม่ได้ แล้วจะกล้าเข้าไปยุ่งได้อย่างไร ทำได้แค่หลบสายตา ไม่กล้ามองสบตาหญิงชราคนนั้นตรงๆ
“หูหนวกหรืออย่างไร! ข้าเรียกเจ้าให้มาตรงนี้! ไม่ได้ยินเรอะ! ต้องให้ข้าไปเชิญเจ้ามาหรือไม่!” บุรุษร่างกำยำทำหน้าถมึงทึงอย่างหงุดหงิด เขาขยิบตาส่งสัญญาณให้บุรุษที่อยู่ข้างๆ พวกเขาสองคนเดินไปหาหญิงชราทันที แล้วบังคับลากตัวนางไป
“พวกเจ้า…พวกเจ้าจะทำอะไร…” หญิงชราสู้บุรุษที่แข็งแรงไม่ได้อยู่แล้ว นางพยายามปกป้องหลานตัวเอง แต่ทั้งคู่ก็โดนลากไปโดยบุรุษสองคนนั้น
หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นมองหญิงชราที่กำลังกลัวลนลานอย่างดูถูก และพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “เมื่อสักครู่เจ้ากำลังจะไปไหน”
หญิงชรากอดหลานเอาไว้อย่างพยายามปกป้อง และพูดด้วยความระมัดระวังว่า “กลับ…กลับบ้าน…”
“กลับบ้าน” บุรุษคนนั้นเลิกคิ้วขึ้นสูง พลางมองหญิงชราด้วยหางตา และพูดว่า “เจ้าจะบอกว่าหอพักนี้คือบ้านของเจ้าหรือ”
หญิงชรากลืนน้ำลายเสียงดังและพยักหน้าอย่างลังเล
นางกำลังจะอ้าปากพูด แต่ยังไม่ทันเปล่งเสียงออกมา ก็ถูกบุรุษคนนั้นเตะเข้าที่สะโพก ทำให้นางล้มลงกับพื้นอย่างแรง!
“ฟังนะยัยแก่! ใครบอกเจ้าว่าที่นี่เป็นบ้านของเจ้ากัน หัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง ขอทานอย่างเจ้ามีสิทธิ์อยู่ในบ้านดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ” บุรุษคนนั้นพูดเสียงกระชาก
หลังจากโดนเตะอย่างแรง หญิงชราก็เกือบหมดสติอยู่บนพื้น และไม่มีแรงจะลุกขึ้น ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วของนางรู้สึกเหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ขณะนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น เด็กน้อยคุกเข่ามองย่าของตัวเอง น้ำตาคลออยู่ในดวงตากลมโตที่ไร้เดียงสา
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ ที่รวมตัวกันอยู่รอบๆ ตกใจมาก ความกลัวและความสบายใจแผ่กระจายอยู่ในอก พวกเขาไม่กล้าเข้าไปช่วยพยุงหญิงชราให้ลูกขึ้น ได้แต่มองดูพวกอันธพาลทำเรื่องโหดเหี้ยมต่อไป
“ท่านย่า…ท่านย่า…” เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่หญิงชราทำได้แค่ร้องครางเบาๆ
บุรุษร่างกำยำกวาดสายตามองไปยังผู้ลี้ภัยที่กำลังหวาดกลัวรอบๆ ตัวเขา ในใจของเขาเต็มไปด้วยความยินดี เขาเตะเด็กกระเด็นออกไป แล้วกระทืบลงบนต้นขาของหญิงชราอย่างไร้ความปรานี การกระทืบอย่างแรงนั้นทำให้เกิดเสียงดังกรอบและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดออกจากปากของหญิงชรา เสียงร้องนั้นดังก้องอยู่ในหูราวกับสายฟ้าฟาดลงมาที่หัวใจของคนที่มุงดูอยู่!
“ยัยแก่! ข้าจะบอกให้นะ! นี่ไม่ใช่ที่ที่เอาไว้ให้พวกขยะอย่างเจ้ามาอยู่! ถ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อก็ได้! จ่ายมาคนละสิบตำลึงทุกวัน!” บุรุษคนนั้นตะโกนขณะกวาดสายตามองไปที่ผู้ลี้ภัยที่กำลังหวาดกลัวรอบตัวเขา
สิบตำลึง!
ผู้ลี้ภัยทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทั้งเนื้อทั้งตัวพวกเขาไม่มีเงินแม้แต่อีแปะเดียว ไม่ต้องพูดถึงสิบตำลึงเลย