ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1467 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (3) / ตอนที่ 1468 สามโลกชั้นกลาง (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1467 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (3) / ตอนที่ 1468 สามโลกชั้นกลาง (1)
ตอนที่ 1467 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (3) / ตอนที่ 1468 สามโลกชั้นกลาง (1)
ตอนที่ 1467 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (3)
ตอนที่ 1467 การผงาดขึ้นมาของสามโลกเบื้องล่าง (3)
ในขณะที่ผู้คนในสามโลกเบื้องล่างกำลังเรียนรู้และทำความเคยชินกับเรื่องทั้งหมดนี้ คนกลุ่มหนึ่งก็กำลังเดินออกจากสถานที่ที่เคยเป็นเมืองหลวงของรัฐเหยียนอย่างเงียบๆ
“พูดก็พูดเถอะ…เจ้าคิดว่ามันดีจริงๆ หรือที่ทิ้งความวุ่นวายไว้ที่นี่แล้วหนีไปแบบนี้น่ะ” เฉียวฉู่ขยับห่อผ้าบนหลังให้เข้าที่ก่อนจะปีนขึ้นรถม้า เขามองจวินอู๋เสียอย่างข้องใจ
สามโลกเบื้องล่างที่ถูกแบ่งแยกได้กลับมารวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน จวินอู๋เสียใช้ชื่อของนางในฐานะฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน เชิญผู้ครองรัฐทั้งหมดมารวมตัวกัน เปิดเผยให้พวกเขารู้ถึงการมีอยู่ของสามโลกชั้นกลางและทุกสิ่งที่พวกเขาได้กระทำกับสามโลกเบื้องล่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สามโลกเบื้องล่างนั้นอ่อนแอ ถ้าพวกเขาไม่รวมกันเป็นหนึ่ง ในอนาคตพวกเขาจะต้องกลายเป็นเหมือนสัตว์ที่สามโลกชั้นกลางสามารถสังหารได้ตามใจชอบ
ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีอย่างรุนแรงของพวกคนพิษในครั้งนี้ ผู้ครองรัฐทั้งหลายคงไม่เชื่อคำพูดของจวินอู๋เสีย แต่หลังจากได้ประสบกับตัวเองแล้ว พวกเขาก็เข้าใจว่านั่นคือความแข็งแกร่งที่พวกเขาไม่มีหวังเลยว่าจะต่อสู้ได้
การสลายเขตแดนและการแบ่งแยกของรัฐทั้งหมด เหลือไว้แต่เพียงตัวอักษรที่อ่านว่า “ดินแดนแห่งการอุบัติ” เมื่อสามโลกเบื้องล่างรวมกันเป็นหนึ่ง ความแข็งแกร่งที่รวมเข้าด้วยกันของพวกเขาจะกลายเป็นพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้ จวินอู๋เสียได้สอนวิธียกระดับขั้นพลังวิญญาณชั่วคราวให้กับผู้ครองรัฐทุกคนด้วย เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามใช้วิธีที่เร็วที่สุดในการลดความเหลื่อมล้ำของพลังระหว่างสามโลกเบื้องล่างและสามโลกชั้นกลาง
แต่…
แม้ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่สุดท้ายจวินอู๋เสียก็ถูกกลุ่มผู้ครองรัฐทั้งหมดที่รู้สึกขอบคุณอย่างมากจนเกือบน้ำตาไหลพราก ผลักดันให้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทำให้จวินอู๋เสียคาดไม่ถึงจริงๆ
ผลก็คือ…
นางลากสหายนางทั้งกลุ่มชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
จวินอู๋เสียชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดว่า “กว่าสามโลกเบื้องล่างจะขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับสามโลกชั้นกลาง มันต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง และช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการก็คือสิ่งที่พวกเราจะไปสู้เพื่อให้ได้มา” จวินอู๋เสียลากสหายของนางออกมาและเตรียมจะมุ่งหน้าไปยังสามโลกชั้นกลาง จากที่ผู้อาวุโสจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจบอก ช่วงนี้สามโลกชั้นกลางไม่ค่อยสงบสุข เหมาะกับจุดประสงค์ของพวกเขาพอดี
“ทำไมข้ารู้สึกว่านี่ฟังเหมือนข้ออ้างเลยเล่า” เฉียวฉู่ชำเลืองมองจวินอู๋เสีย ท่าทางของนางเหมือนกำลังหนีมากกว่า
หลังจากจวินอู๋เสียปีนขึ้นไปบนรถม้า นางก็เห็นว่าจวินอู๋เย่ายังคงยืนอยู่ข้างนอก ไม่ตามนางเข้ามาข้างใน สายตาของนางจึงเต็มไปด้วยความสงสัย
จวินอู๋เย่ายิ้มให้นางและพูดว่า “เจ้าไปก่อนเถอะ ข้ายังมีธุระที่ต้องจัดการ”
แม้ว่าเขาจะอยากอยู่เคียงข้างนาง แต่เขาก็ทำได้แค่เลือกแยกทางกับนางชั่วคราว
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เย่าราวกับต้องการสลักใบหน้านั้นให้ฝังลึกเข้าไปในใจนาง ในที่สุดนางก็พยักหน้าและนั่งลงในรถม้า
จวินอู๋เย่ายืนเอามือไพล่หลัง มองดูรถม้าที่ค่อยๆ เคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ
เยี่ยเม่ยยืนอยู่ข้างหลังเขา ครั้งนี้จวินอู๋เย่าส่งเยี่ยซากับเยี่ยกูไปอยู่ข้างกายจวินอู๋เสียเพื่อดูแลความปลอดภัยของนาง
“นายท่าน” เยี่ยเม่ยมองใบหน้าด้านข้างของจวินอู๋เย่า เขารู้สึกได้ว่าดวงตาของจวินอู๋เย่าแฝงความโศกเศร้าเอาไว้จางๆ
นายท่าน…คงอยากไปกับคุณหนูใหญ่มากจริงๆ …
“เยี่ยเม่ย เสี่ยวเสียเอ๋อร์เพิ่งจากไป แต่ทำไมข้าคิดถึงนางแล้วล่ะ” จวินอู๋เย่ามองรถม้าที่ค่อยๆ ห่างออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับความรู้สึกที่จุกอยู่ในอก
เยี่ยเม่ยก้มหน้า ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างไร้เสียง
จวินอู๋เย่าเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ละสายตาออกมา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปสามโลกชั้นกลางกับนาง แต่ถ้าเขาปรากฏในสามโลกชั้นกลางเคียงข้างนาง คนพวกนั้นก็จะตามรอยเขามาอย่างแน่นอน ถ้าแค่ตัวเขาคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เขาไม่อยากให้จวินอู๋เสียตกอยู่ในอันตรายแบบนั้น
“น่ารำคาญจริง” จวินอู๋เย่ายกมือขึ้น ดวงตาฉายแววอำมหิตแวบหนึ่ง
อยากจะส่งเจ้าพวกนั้นลงนรกเร็วๆ จริงๆ
ตอนที่ 1468 สามโลกชั้นกลาง (1)
บนภูเขาเขียวชอุ่ม น้ำใสไหลผ่าน นกร้องเจื้อยแจ้วท่ามกลางดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม
ขบวนรถม้าเคลื่อนไปตามลำธารบนภูเขา ที่อยู่ในรถคือผู้เยาว์ที่กระตือรือร้นมากกลุ่มหนึ่ง
“ไม่รู้ว่างานชุมนุมเทพยุทธ์ปีนี้จะมีอัจฉริยะสะเทือนแผ่นดินปรากฏตัวสักกี่คน” ผู้เยาว์คนหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้นขณะจ้องมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
งานชุมนุมเทพยุทธ์ที่สามโลกชั้นกลางจัดขึ้นทุกๆ สิบปีเวียนมาครบรอบที่ปีนี้พอดี
งานชุมนุมเทพยุทธ์ได้ส่งคำเชิญให้กับทุกคนที่อายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปี เปิดให้ผู้เยาว์และชายหนุ่มทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดอำนาจใดเข้าร่วมแข่งขัน งานชุมนุมเทพยุทธ์จัดการแข่งขันหลายประเภท ตั้งแต่พลังวิญญาณ ภูติวิญญาณ ทักษะทางการแพทย์ไปจนถึงการหลอม เป็นต้น ตราบใดที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ได้ พวกเขาก็จะได้รับโอกาสในการพัฒนาที่ดีอย่างมาก
งานชุมนุมเทพยุทธ์ที่จัดขึ้นทุกๆ สิบปีได้กลายเป็นการแข่งขันที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุด ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างเค้นสมองคิดหาวิธีที่จะเบียดตัวเองเข้ามาเพื่อหาโอกาสแสดงความสามารถของตัวเอง เป็นการพนันเพื่อโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตของพวกเขา
คนทั่วโลกต่างรู้ดีว่าอำนาจของสามโลกชั้นกลางส่วนใหญ่แบ่งออกเป็นหนึ่งภูมิ สี่โลก เก้าวัง และสิบสองตำหนัก พลังอำนาจของหนึ่งภูมิในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครลืม แต่เมื่อเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเสียชีวิต หนึ่งภูมิก็เก็บตัวถือสันโดษ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสามโลกชั้นกลางอีกต่อไป สี่โลกยังคงรักษาจุดยืนที่เป็นกลางเอาไว้ได้นานที่สุด ไม่เคยเป็นฝ่ายไปหาเรื่องใครก่อน และไม่เคยยอมให้ใครเข้าร่วมด้วย
และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เก้าวังดูเหมือนจะไม่ได้ขยายอำนาจมากนักและค่อยๆ ถูกสิบสองตำหนักครอบงำ งานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งนี้ก็จัดขึ้นโดยสิบสองตำหนัก
ทุกคนต่างรู้แก่ใจดีว่า สิบสองตำหนักกำลังพยายามใช้โอกาสนี้หาผู้มีพรสวรรค์มาเพิ่มอำนาจของพวกเขา แต่คิดว่าเก้าวังคงไม่ยอมให้พวกเขาทำตามใจได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
งานชุมนุมเทพยุทธ์ที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัยในปีนี้เต็มไปด้วยอันตรายที่ซ่อนอยู่ แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกผู้เยาว์ในขบวนรถม้านั้นจะสามารถเข้าใจได้ พวกเขาล้วนมาจากเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลในสามโลกชั้นกลางซึ่งพวกชาวเมืองได้รวบรวมเงินเพื่อให้รถม้าพวกนี้ไปส่งเด็กๆ ของพวกเขาที่งานชุมนุมเทพยุทธ์ พวกชาวเมืองไม่ได้ปรารถนาให้เด็กๆ ของพวกเขาได้อันดับต้นๆ ของการแข่งขันหรอก แค่คิดว่าจะให้พวกเด็กๆ ไปได้ประสบการณ์และความรู้จากที่นั่น แค่นั้นก็ดีพอสำหรับพวกเขาแล้ว
ขณะที่กลุ่มผู้เยาว์แก้มเป็นสีชมพูด้วยความตื่นเต้น ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งก็นั่งเงียบไม่ส่งเสียงใดๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า นางก้มหน้ามองแมวน้อยในอ้อมแขนนางอย่างเงียบๆ ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับเสียงพูดคุยอย่างตื่นเต้นที่อยู่รอบตัวนาง
“เหมียว” แมวดำตัวน้อยส่งเสียงร้อง มันมองดูจวินอู๋เสียพลางแกว่งหางอย่างเกียจคร้าน
เจ้านาย ระหว่างเรากับพวกของเฉียวฉู่ คิดว่าใครจะไปถึงงานชุมนุมเทพยุทธ์ก่อนกัน
จวินอู๋เสียส่ายหัวเงียบๆ
พวกเขามาถึงสามโลกชั้นกลางเมื่อห้าวันก่อน เส้นทางที่นำไปสู่สามโลกชั้นกลางจากสามโลกเบื้องล่างนั้นแปลกประหลาด ตอนที่พวกเขายังอยู่แค่บริเวณชายขอบ พวกเขาเห็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ กระจัดกระจายไปทั่ว แต่ไม่ว่าจะคว้าตัวผู้เยาว์คนไหนในหมู่บ้านเล็กๆ พวกนั้นขึ้นมา ก็จะพบว่าพลังของพวกเขาแข็งแกร่งเกินกว่าคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันในสามโลกเบื้องล่างมาก
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาพักอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ พวกนั้น พวกเขาก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับงานชุมนุมเทพยุทธ์ ทำให้กลุ่มเล็กๆ ของจวินอู๋เสียต้องแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว
ด้วยพลังของพวกเขาเพียงไม่กี่คน การคิดที่จะล้มล้างสิบสองตำหนักทั้งหมดคงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก
แต่ถ้าพวกเขาสามารถตอกตะปูปลิดวิญญาณลงไปในเส้นลมปราณที่สำคัญของสิบสองตำหนักได้ ทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขา
พวกจวินอู๋เสียแยกย้ายกันเป็นหกทางเพื่อทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ
มุมปากของจวินอู๋เสียยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น
สิบสองตำหนักก่อความวุ่นวายอย่างมากในสามโลกเบื้องล่างเป็นเวลาหลายปี ตอนนี้กงล้อแห่งโชคได้หมุนมาทางพวกเขาแล้ว