ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1503 งานชุมนุมเทพยุทธ์ (4) / ตอนที่ 1504 การแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1503 งานชุมนุมเทพยุทธ์ (4) / ตอนที่ 1504 การแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด (1)
ตอนที่ 1503 งานชุมนุมเทพยุทธ์ (4)
เช้าวันรุ่งขึ้น ยอดเขาฝูเหยาคึกคักวุ่นวาย
งานชุมนุมเทพยุทธ์เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในสถานที่จัดงานราวกับคลื่นยักษ์!
งานชุมนุมเทพยุทธ์แบ่งออกเป็นสี่ประเภท ได้แก่ พลังวิญญาณ ภูติวิญญาณ ความเชี่ยวชาญโอสถวิเศษ และพรสวรรค์แต่กำเนิด
การแข่งพลังวิญญาณนั้นเข้าใจได้ง่ายมาก ผู้แข่งขันทั้งสองจะต้องต่อสู้กันโดยไม่ให้ภูติวิญญาณช่วยเหลือ ผู้ชนะจะได้เข้ารอบ ส่วนผู้แพ้ก็จะถูกคัดออก ตัดสินผลแพ้ชนะกันในการแข่งรอบเดียว
เช่นเดียวกับภูติวิญญาณ แค่ไม่ได้ใช้พลังและความสามารถของผู้แข่งที่เป็นมนุษย์ ใช้แต่ภูติวิญญาณอย่างเดียวเท่านั้น ตลอดการแข่งขันเจ้าของภูติห้ามเข้าร่วมการต่อสู้เด็ดขาด จะต้องปล่อยภูติวิญญาณทำการต่อสู้ไปด้วยตัวเองเท่านั้น
ส่วนความเชี่ยวชาญโอสถวิเศษและพรสวรรค์แต่กำเนิด พวกเขาแข่งกันด้วยวิธีที่สงบสุขมากกว่านี้
ในประเภทความเชี่ยวชาญโอสถวิเศษ จะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ โอสถรักษาและโอสถพิษ
ผู้รักษาจะตัดสินจากทักษะทางการแพทย์และการปรุงโอสถ ผู้ที่เก่งกว่าจะเป็นผู้ชนะ
ผู้ใช้พิษจะตัดสินจากฤทธิ์ของโอสถพิษว่ารุนแรงและอันตรายมากเพียงใด ผู้ที่รุนแรงกว่าก็จะได้เข้ารอบ
มาถึงประเภทสุดท้าย พรสวรรค์แต่กำเนิด
มันเป็นการแข่งขันที่น่าสนใจที่สุดในบรรดาการแข่งขันทั้งหมด พวกเขาไม่ได้แข่งกันตามความสามารถ แต่เป็นการเปรียบเทียบความสามารถพิเศษของผู้เข้าแข่งขัน
นี่เป็นสถานที่ที่จะเห็นผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มาจากเผ่าต่างๆ และเป็นสถานที่ที่มีแต่ความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ยากที่จะทำนายได้ว่าใครจะชนะหรือแพ้ เนื่องจากทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับการตัดสินของกรรมการ
การแข่งขันทั้งสี่ประเภทตั้งอยู่ที่สถานที่สี่แห่งบนยอดเขาฝูเหยา คนที่เข้าร่วมการแข่งขันต่างๆ จะต้องเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นซึ่งจะแบ่งกลุ่มผู้คนที่หนาแน่นออกไป
สนามแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสองแห่งคือสนามแข่งขันพลังวิญญาณและภูติวิญญาณ คนที่ไปยังสนามแข่งขันความเชี่ยวชาญโอสถและพรสวรรค์แต่กำเนิดนั้นค่อนข้างน้อยกว่า
ตอนที่จวินอู๋เสียเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม พวกผู้เยาว์บนถนนก็วิ่งไปกันคนละทาง มุ่งตรงไปยังจุดหมายของตัวเอง
จวินอู๋เสียหยุดอยู่นอกประตูโรงเตี๊ยมครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าออกไปทางทิศเหนือ
เยี่ยซาและเยี่ยกูที่ตามมาข้างหลังตกตะลึงทันที
คุณหนูใหญ่! ท่านจะไปไหน! นั่นไม่ใช่ทางไปสนามแข่งพลังวิญญาณนะขอรับ!
จวินอู๋เสียเดินไปยังสนามแข่งที่ตั้งอยู่ทางเหนือซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้เข้าแข่งน้อยที่สุด
แม้ว่าทั่วทั้งสามโลกชั้นกลางจะมีเผ่าต่างๆ อยู่จำนวนมากที่มีความสามารถเฉพาะตัว อย่างเช่นเผ่าวิญญาณและเผ่าเคลื่อนกระดูก แต่จำนวนคนในเผ่าเหล่านี้ก็น้อยนิดและหายาก คนที่อายุเหมาะสมจะเข้าร่วมแข่งขันก็ยิ่งน้อยลงไปอีก แม้ว่าจะจำนวนผู้แข่งขันในสนามจะมากพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับสนามแข่งอื่นๆ แล้ว ก็เห็นได้ชัดว่ามีจำนวนน้อยกว่ามาก
จวินอู๋เสียไม่ได้ไปที่สนามแข่งพลังวิญญาณ และไม่ได้ไปที่สนามแข่งความเชี่ยวชาญโอสถ แต่นางกลับเดินเข้าสู่สนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดแทน การตัดสินใจนั้นทำให้เยี่ยซาและเยี่ยกูประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
อะไรของคุณหนูใหญ่เนี่ย
เยี่ยซาและเยี่ยกูไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียคิดอะไรอยู่ ตัดสินจากระดับพลังวิญญาณของจวินอู๋เสียในตอนนี้ ถ้านางเข้าร่วมการแข่งพลังวิญญาณ นางจะชนะอย่างแน่นอน ต่อให้นางเลือกไม่ไปแข่งพลังวิญญาณ การแข่งความเชี่ยวชาญโอสถก็ทำให้นางได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นได้เช่นกัน
แต่ถ้ายังไม่ชอบ การให้เจ้าแมวดำแปลงร่างแล้วเข้าร่วมการแข่งภูติวิญญาณก็ไม่ได้ทำให้นางกดดันเช่นกัน
แต่…
ทำไมจวินอู๋เสียจึงเลือกสนามแข่งที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
จากสิ่งที่เยี่ยซาและเยี่ยกูเห็น จวินอู๋เสียได้ทิ้งหนทางง่ายๆ ทั้งหมดที่มีอยู่ตรงหน้าและเลือกเดินไปบนเส้นทางที่ไม่เหมาะสมกับนางที่สุด
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียไม่รู้สึกว่าการตัดสินใจของนางเข้าใจยากที่ตรงไหน นางแค่เดินตามผู้คนไปอย่างเงียบๆ ตรงไปยังสนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด
นอกสนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด มีการต่อคิวยาวเหยียดจนมองไม่เห็นปลายแถว มีทางเข้าแปดทางที่แจกป้ายตัวเลข ให้กับผู้เข้าแข่งขัน ผู้คนไหลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากเป็นกลุ่มคนจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะเร็ว แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้เร็วอะไรเลย
ตอนที่ 1504 การแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด (1)
จวินอู๋เสียรออย่างอดทน นางไม่ได้รีบร้อน เมื่อนางเข้าไปในสนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด เวทีทั้งหมดที่มีอยู่หลายสิบเวทีก็เต็มไปด้วยความร้อนแรง การแข่งขันกำลังดำเนินไปอย่างสุดเหวี่ยง
ในมือของทุกคนมีป้ายตัวเลขที่มีสีตรงกับเวทีแต่ละเวที พวกเขาถูกแบ่งกันไปตามนั้น และสิ่งที่ทุกคนต้องทำก็คือนั่งรออยู่ด้านข้างจนกว่าจะถึงตาของตัวเองที่จะขึ้นไปบนเวที
สถานที่จัดการแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดกว้างขวางใหญ่โตมาก พื้นที่ทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองชั้น ผู้เข้าแข่งทุกคนเบียดเสียดกันอยู่ที่ชั้นแรก นอกเหนือจากพื้นที่ว่างที่ผู้คนยืนรอกันแล้ว พื้นที่ที่เหลือก็คือเวทีแข่งขัน
ที่ริมชั้นสอง มีส่วนหนึ่งเป็นห้องส่วนตัว เมื่อมองขึ้นไปจากชั้นแรกจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ แต่ทุกคนต่างก็รู้แก่ใจดีว่า ในห้องส่วนตัวพวกนั้นก็คือคนจากสิบสองตำหนักและเก้าวัง พวกเขาจะต้องคอยเฝ้าดูการแข่งทั้งหมดจากที่นั่นอย่างแน่นอน
จวินอู๋เสียกวาดสายตามองไปรอบๆ และไม่เห็นใครจากสิบสองตำหนักและเก้าวังเลย หูของนางได้ยินแต่เสียงกรีดร้องและเสียงเชียร์จากพวกผู้เยาว์ที่กำลังตื่นเต้นและฮึกเหิม
สิ่งที่แตกต่างจากเวทีการแข่งขันอื่นๆ ก็คือมีการจัดเวทีให้ใช้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับอีกคนตรงๆ ผู้แข่งขันแค่ต้องแสดงความสามารถของตัวเองออกมาก็เท่านั้น
ผู้แข่งขันที่มีพรสวรรค์ชั้นเลิศจะได้อยู่ต่อ ส่วนพวกที่ความสามารถธรรมดาก็จะถูกคัดออก
จวินอู๋เสียยืนอยู่ในเงามืด คอยสังเกตดูพวกผู้เยาว์ตามเวทีต่างๆ นั่นเป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียตระหนักว่าในสามโลกชั้นกลางนั้นมีชนเผ่าที่แปลกๆ อยู่มากมายขนาดนี้
บนเวทีหนึ่ง จวินอู๋เสียเห็นผู้เยาว์ร่างผอมสูงคนหนึ่ง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อหยาบและเรียบง่าย เผยให้เห็นไหล่และขา แขนขาทั้งสี่ของเขาสามารถบิดงอไปในมุมที่แปลกประหลาด และยังสามารถยืดหรือลดความยาวได้ตามต้องการ
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นกับภาพที่เห็น นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่จวินอู๋เสียได้เห็นอะไรแบบนี้ ถ้านางเดาไม่ผิด คนผู้นั้นน่าจะมาจากเผ่าเดียวกับฮวาเหยา เผ่าเคลื่อนกระดูก!
สามโลกชั้นกลางมีชนเผ่าต่างๆ ที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวเป็นจำนวนมาก คนอย่างพวกเขามีข้อได้เปรียบคนอื่นๆ แม้ว่าจะไม่มีพลังวิญญาณหรือภูติวิญญาณที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ยังได้รับการยอมรับจากสิบสองตำหนักและเก้าวังด้วยความสามารถพิเศษของพวกเขา
แต่…
เห็นได้ชัดว่าผู้เยาว์ที่ยืนอยู่บนเวทีไม่ได้ควบคุมกระดูกได้ละเอียดขนาดที่ฮวาเหยาทำได้ เขาทำได้แค่เปลี่ยนขนาดของกระดูกเท่านั้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ และด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถเปลี่ยนรูปใบหน้าของเขาได้เลย ได้แต่แสดงความสามารถในการเปลี่ยนรูปแขนขาของเขาเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เยาว์คนนั้นก็ถูกปฏิเสธ และเขาก็ก้าวลงเวทีไปอย่างสิ้นหวัง
ดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกคนในเผ่าที่มีความสามารถระดับเดียวกัน จวินอู๋เสียคิดอยู่ในใจขณะมองไปที่เวทีอื่นๆ
“โฮ่ว!!!” อีกเวทีหนึ่ง ผู้เยาว์ที่ค่อนข้างล่ำบึ้กคนหนึ่งกำลังแบกก้อนหินด้วยแขน เขาคำรามออกมาเสียงดังขณะที่ยกมันขึ้น และใช้มือเปล่าบดขยี้ก้อนหินแข็งๆ นั้นให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ก้อนหินขนาดใหญ่ในมือเขาเหมือนเป็นเต้าหู้ชิ้นหนึ่งที่ไม่สามารถทนแรงกระทบได้แม้เพียงเล็กน้อย
“โห หายากนะที่คนจากเผ่าวานรยักษ์จะมาร่วมการแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด” ผู้เยาว์หลายคนที่รออยู่ข้างเวทีหัวเราะอย่างมีความสุข ขณะที่มองเด็กหนุ่มกล้ามโตตรงหน้า แล้วเริ่มพูดคุยกัน
“คนจากเผ่าวานรยักษ์ควรไปที่การแข่งภูติวิญญาณเพื่ออวดภูติวานรยักษ์ที่แข็งแกร่งของพวกเขาไม่ใช่หรือ ทำไมเขาถึงอยากมาแข่งที่นี่ เรากำลังเปรียบเทียบความแข็งแกร่งอยู่หรืออย่างไร” ผู้เยาว์อีกคนหัวเราะเยาะ
นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียได้ยินเกี่ยวกับเผ่าวานรยักษ์ จากการสนทนาระหว่างผู้เยาว์ทั้งสอง นางสามารถเดาลักษณะของคนจากเผ่าวานรยักษ์ได้อย่างคร่าวๆ
ทุกคนจากเผ่าวานรยักษ์จะมีวานรยักษ์เป็นภูติวิญญาณ และเนื่องจากภูติวิญญาณที่พวกเขาครอบครอง ร่างกายของพวกเขาจึงมีความแข็งแกร่งของวานรยักษ์อยู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เรียกภูติวิญญาณออกมา พละกำลังของพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก