ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1529 ไม่ง่ายอย่างนั้น (2) / ตอนที่ 1530 ไม่ง่ายอย่างนั้น (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1529 ไม่ง่ายอย่างนั้น (2) / ตอนที่ 1530 ไม่ง่ายอย่างนั้น (3)
ตอนที่ 1529 ไม่ง่ายอย่างนั้น (2) / ตอนที่ 1530 ไม่ง่ายอย่างนั้น (3)
ตอนที่ 1529 ไม่ง่ายอย่างนั้น (2)
ตอนที่ 1529 ไม่ง่ายอย่างนั้น (2)
“หา”
คำพูดของบุรุษคนนั้นทำให้เกิดกระแสประท้วงดังขึ้นจากกลุ่มผู้เยาว์ที่คิดว่าพวกเขาถูกพามาที่หน้าหอพักนี่เพื่อจัดสถานที่ให้พวกเขาพักอาศัย แต่…สถานการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้
“เร็วๆ เข้า เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” บุรุษคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ใบหน้าขรึม
จากนั้นแต่ละกลุ่มก็ถูกพาออกไปอย่างรวดเร็วโดยคนของสำนักธาราเมฆ
กลุ่มพรสวรรค์แต่กำเนิดที่จวินอู๋เสียอยู่ นำโดยบุรุษที่พาพวกเขามาตั้งแต่แรก พวกเขาเดินออกจากทางออกอีกด้านและเดินไปบนทางเดินกว้าง ศิษย์ของสำนักธาราเมฆเดินผ่านไปมาอย่างเงียบๆ ทำราวกับมองไม่เห็นเด็กใหม่พวกนี้
หลังจากเดินอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม จวินอู๋เสียกับกลุ่มของนางก็มาถึงถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา เมื่อศิษย์หลายคนบังเอิญผ่านมาเห็นพวกเขาเข้า พวกเขาก็ชะงักเท้าเล็กน้อย ในที่สุดก็แสดงปฏิกิริยาบ้างแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไม จวินอู๋เสียเหมือนจะเห็นสายตาของศิษย์พวกนั้นมีแววสงสารด้วย
“เผ่าเคลื่อนกระดูกเข้าไปในนี้” บุรุษคนนั้นพูดกับผู้เยาว์ที่อยู่ข้างหลังเขา พร้อมกับชี้ไปที่ถ้ำมืดตรงหน้า
ผู้เยาว์ยี่สิบกว่าคนที่มาจากเผ่าเคลื่อนกระดูกมองไปที่ถ้ำสีดำสนิทแล้วลอบกลืนน้ำลาย คนที่กล้าหาญกว่าเล็กน้อยก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “อาจารย์ ไม่ทราบว่าจะให้พวกเรา…ทำอะไรหรือขอรับ”
บุรุษคนนั้นขมวดคิ้วและพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “เข้าไปก็รู้เอง”
ผู้เยาว์จากเผ่าเคลื่อนกระดูกหน้าซีด เขาเดินเข้าไปข้างในพร้อมสหายคนอื่นๆ อย่างลังเล ขณะที่เดินก็หันกลับมามองคนที่เหลือในกลุ่มอีกหลายครั้งจนร่างของพวกเขาถูกกลืนเข้าไปในความมืดและหายไปจากสายตาของทุกคนที่นั่น
“ที่เหลือเดินต่อ” บุรุษคนนั้นหันไปบอกผู้เยาว์คนอื่นๆ
กลุ่มที่เพิ่งหยุดก็เดินไปข้างหน้าอีกครั้ง พวกเขาก้าวไปไม่ถึงสิบก้าวก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังออกมาจากถ้ำด้านหลัง!
เสียงร้องฟังดูน่าสยดสยองนั้นได้ทำลายความเงียบสงบของสำนักธาราเมฆ พวกผู้เยาว์ที่ได้ยินต่างหน้าซีดและขนลุกไปทั่วร่าง พวกเขาอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น แต่บุรุษที่เดินนำพวกเขาไปก็ไม่ได้ชะลอฝีเท้าลงเลย เขาเดินต่อไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
หลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงหน้าถ้ำอีกแห่ง ครั้งนี้เป็นผู้เยาว์จากเผ่าแม่มดหมอผีที่ถูกนำเข้าไปข้างใน คนจากเผ่าแม่มดหมอผีมีจำนวนน้อยกว่ามากและมีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น พวกเขาดูหวาดกลัวจากเสียงกรีดร้องก่อนหน้านี้ จึงพากันยืนตัวสั่นอยู่หน้าปากถ้ำ ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปข้างใน
“ถ้าไม่อยากเข้าไปข้างใน พวกเจ้าก็อยู่แค่ที่ปากถ้ำนี่ก็ได้” บุรุษคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุดัน
โดยไม่รอให้ผู้เยาว์พวกนั้นอ้าปาก บุรุษคนนั้นก็ออกเดินนำผู้เยาว์คนอื่นๆ ไปต่อทันที
ต่อมาก็คือเผ่าวายุ จากนั้นก็เผ่าวานรยักษ์…
ผู้เยาว์ที่ถูกเลือกจากการแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ และนำไปทิ้งไว้ในถ้ำที่มืดมิดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า พวกเขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอต้อนรับพวกเขาอยู่ข้างในนั้น และไม่มีใครอธิบายอะไรให้พวกเขาฟังเลย มีอยู่แค่สิ่งเดียวตรงหน้าพวกเขาเท่านั้น จะเข้าไปหรือจะยืนอยู่ที่ปากถ้ำ
เดินกันมาตลอดทาง ในที่สุดทั้งกลุ่มก็เหลือแค่บุรุษที่นำทางกับจวินอู๋เสียเท่านั้น หลังจากบุรุษคนนั้นส่งผู้เยาว์กลุ่มสุดท้ายออกไป เขาก็หยุดเดินและหันมามองจวินอู๋เสียที่เดินตามหลังเขามา
“จวินอู๋” บุรุษคนนั้นมองผู้เยาว์ใบหน้าจิ้มลิ้มเกลี้ยงเกลาตรงหน้า พูดกันตามจริงแล้ว ผู้เยาว์ตัวเล็กคนนี้ไร้ตัวตนเอามากๆ ด้วยรูปร่างที่เล็กและเตี้ย นิสัยที่ชอบอยู่เงียบๆ สีหน้าเย็นชาห่างเหินมาตลอดทางตั้งแต่เริ่ม จึงง่ายมากที่จะลืมเด็กคนนี้ถ้าหากไม่ให้ความสนใจมากกว่านี้
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย
“เผ่าจ้าววิญญาณ” บุรุษคนนั้นถามต่อ
ตอนที่ 1530 ไม่ง่ายอย่างนั้น (3)
“เผ่าจ้าววิญญาณ” บุรุษคนนั้นถามต่อ
จวินอู๋เสียพยักหน้าให้เขา
ใบหน้าเข้มงวดของบุรุษคนนั้นแสดงความงงงวยให้เห็นอย่างที่หาได้ยาก
“เจ้าเป็นคนแรกจากเผ่าจ้าววิญญาณที่สำนักธาราเมฆรับเข้ามา เราไม่มีการประเมินที่เหมาะกับเจ้า” บุรุษคนนั้นกล่าวพลางมองจวินอู๋เสีย
การประเมิน
จวินอู๋เสียคิดย้อนกลับไปถึงพวกผู้เยาว์ที่แบ่งกลุ่มกันตามเผ่าและถ้ำมืดที่พวกเขาต้องเข้าไป สถานที่พวกนั้นคือบททดสอบที่ใช้ประเมินพวกเขาอย่างนั้นหรือ
สิ่งที่เกิดขึ้นในสำนักธาราเมฆเป็นความลับสำหรับผู้คนข้างนอก และแม้แต่คนที่มาจากสำนักธาราเมฆ พวกเขาไม่เคยพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในกำแพงของสำนักธาราเมฆ จวินอู๋เสียเคยอยู่ที่สำนักศึกษาหงส์อมตะและสำนักศึกษาเฟิงหัวมาก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าสำนักธาราเมฆไม่เหมือนกับสำนักทั้งสองแห่งนี้
อย่างน้อยในสำนักทั้งสองแห่งนั้น จวินอู๋เสียก็ไม่เคยได้ยินว่าคนที่เพิ่งเข้าสำนักจะต้องถูกทดสอบเพื่อประเมินทั้งๆ ที่ทุกคนยังคงงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่
“แต่ข้าได้ยินว่าทักษะเสริมวิญญาณของเจ้าต้องใช้พลังจากวิญญาณของเจ้าใช่หรือไม่” บุรุษคนนั้นถามพลางมองจวินอู๋เสีย
“ใช่” จวินอู๋เสียตอบ
“อย่างนั้นเราก็มีสถานที่ที่น่าจะเหมาะกับเจ้า” บุรุษคนนั้นพูดแล้วหันหลังเดินไปอีกทางทันที ส่วนจวินอู๋เสียก็เดินตามหลังเขาไป
บุรุษคนนั้นไม่ได้ยัดจวินอู๋เสียเข้าไปในถ้ำเก่าๆ ที่ไหน แต่กลับพานางไปที่หน้าประตูใหญ่แห่งหนึ่ง ประตูใหญ่นั้นดูค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมเหมือนไม่ได้เปิดมานาน ทั้งสองด้านของประตูนั้นมีบุรุษสองคนจากสำนักธาราเมฆยืนอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นบุรุษคนนั้นเดินมาหาพวกเขา พวกเขาก็พยักหน้าให้กันและบุรุษคนนั้นก็หันไปเปิดประตูที่ดูทรุดโทรมนั่น
หลังประตูคือความมืดมิดและมองไม่เห็นอะไร กลิ่นเหม็นอับที่ถูกปิดผนึกไว้นานเกินไปลอยออกมาจากช่องที่เปิดจากภายใน
“จริงๆ แล้วสถานที่นี้ถูกเตรียมไว้สำหรับร่างวิญญาณ หลังจากเข้าไป เจ้าแค่ต้องทำงานหนึ่งอย่างให้เสร็จ จึงจะถือว่าผ่าน” บุรุษคนนั้นพูดอย่างจริงจังขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย “มีของมากมายกระจัดกระจายอยู่บนพื้นข้างใน สิ่งที่เจ้าต้องทำคือนำพวกมันกลับไปวางที่ชั้น แค่นั้นแหละ เสร็จแล้วก็เคาะประตู แล้วสองคนนี้จะตรวจสอบว่าเจ้าทำงานเสร็จเรียบร้อยหรือเปล่า ถ้าไม่สามารถทำงานให้เสร็จได้ เจ้าจะต้องอยู่ข้างใน หลังจากทำเสร็จแล้วเท่านั้น เจ้าถึงจะมีห้องพักที่เป็นของเจ้าในสำนักธาราเมฆ”
เก็บของหรือ ภารกิจนี้ฟังดูเรียบง่ายมาก แต่จวินอู๋เสียก็ไม่ได้มองข้ามรายละเอียดปลีกย่อยในคำพูดของบุรุษคนนั้น
เตรียมไว้สำหรับร่างวิญญาณ เป็นสถานที่แบบไหนกันนะ
ท่าทางจะไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดแน่นอน
จวินอู๋เสียไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ชำเลืองมองบุรุษคนนั้นก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูใหญ่และเดินเข้าไปข้างใน บุรุษสองคนปิดประตูตามหลังนางทันที
“อาจารย์เทียนเจ๋อ หรือว่าเด็กคนนี้ก็คือ…จวินอู๋” หลังจากปิดประตู บุรุษสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตูอดมองไปที่บุรุษที่พาจวินอู๋เสียมาที่นี่ไม่ได้ เทียนเจ๋อ
เทียนเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย
บุรุษคนหนึ่งพูดด้วยท่าทางงุนงง “เห็นว่ามาจากเผ่าจ้าววิญญาณใช่หรือไม่ พามาที่นี่จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ ที่นี่คือ…”
เทียนเจ๋อส่ายหัวและพูดว่า “เป็นความคิดของนายท่าน”
เมื่อได้ยินคำว่า “นายท่าน” สีหน้าของบุรุษสองคนก็แสดงให้เห็นถึงความสับสน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าถามอะไรอีก ได้แต่ชำเลืองมองกันไปมา
“เจ้าสองคนยืนเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาข้า ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ปล่อยเขาไว้นั่นแหละ” เทียนเจ๋อบอกผู้คุมทั้งสอง
“ได้!”
เทียนเจ๋อพยักหน้าอย่างพอใจ และเดินจากไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แต่ทว่า…
หลังจากหันหลังไป ใบหน้าของเทียนเจ๋อก็ดูไม่ค่อยมั่นใจนัก
มันจะไม่เป็นไรจริงๆ ใช่หรือไม่