ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1545 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (2) / ตอนที่ 1546 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1545 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (2) / ตอนที่ 1546 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (3)
ตอนที่ 1545 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (2) / ตอนที่ 1546 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (3)
ตอนที่ 1545 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (2)
ตอนที่ 1545 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (2)
ซูหย่ากลายมาเป็นอาจารย์ของจวินอู๋เสีย อิทธิพลที่จวินอู๋เสียมีต่อซูหย่านั้นยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่พลังวิญญาณขั้นสีเงินของนางไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบเคียงได้
ในตอนนั้น จวินอู๋เสียเชื่อว่าสำนักธาราเมฆไม่ใช่แค่สำนักธรรมดาทั่วไป เห็นได้ชัดว่าซูหย่าไม่เคยชี้แนะศิษย์มาก่อน ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินที่มีพลังเทียบเท่ากับจ้าวตำหนัก แต่กลับถูกโยนทิ้งไว้ในสถานที่ที่ไม่ต่างจากห้องเก็บสุรา ใจของหัวหน้าสำนักธาราเมฆช่างใหญ่เสียจริงๆ
จวินอู๋เสียคิดว่าหลังจากที่ซูหย่ารับนางเป็นศิษย์ นางจะสอนบางอย่างให้อย่างแน่นอน แต่…นางคิดผิด…
หลังจากที่ซูหย่าพูดอย่างนั้นแล้ว นางก็กลับไปนั่งบนโซฟานุ่มสบายของนาง ชันขาขึ้นมาข้างหนึ่ง และกระดกสุราเข้าไปอีกสองอึกใหญ่ๆ
“ตอนนี้ข้าก็เป็นอาจารย์ของเจ้าแล้ว”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
“อย่างนั้นสิ่งแรกที่เจ้าต้องทำ” สตรีนางนั้นมองจวินอู๋เสีย แล้วยกมือขึ้นชี้ไปที่บันไดด้านข้าง “ทำความสะอาดชั้นสอง”
“…” จวินอู๋เสียเริ่มรู้สึกว่านางคงคิดมากเกินไป!
เทียบซูหย่ากับอาจารย์ทั่วๆ ไปแล้ว…ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“อย่ามัวแต่ยืนนิ่งอยู่ซิ อยากให้ข้าเตะเจ้าขึ้นไปหรืออย่างไร อืดอาดชักช้าเป็นสาวน้อยไปได้ ถ้าทำไม่ได้เรื่องละก็ เจ้าก็กลับไปที่ที่เจ้ามาเสีย” ซูหย่าพูดเย้ยหยัน
จวินอู๋เสียถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสองอย่างเงียบๆ
ไม่ว่าซูหย่าจะนอกลู่นอกทางอย่างไร สำนักธาราเมฆก็ได้จัดให้นางมาที่นี่แล้ว นางจะทำหน้าที่ที่ศิษย์ควรทำ คิดเสียว่าเป็นการฝึกก่อนที่จะจัดการกับสิบสองตำหนัก
จวินอู๋เสียเดินขึ้นไปบนชั้นสองของหอจันทร์แรม แล้วนางก็ชะงักค้างอยู่ที่ประตู
ทุกที่ที่ตามองเห็นบนชั้นสองรกแบบสุดๆ ไหสุรากองระเกะระกะไปทั่ว มีกองอะไรก็ไม่รู้อยู่ทั่วทุกซอกทุกมุม จวินอู๋เสียเจอกระดูกขาไก่ที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งบนพื้นด้วย…
“…”
จวินอู๋เสียที่เป็นพวกบ้าความสะอาดถึงขั้นช็อกกับขยะตรงหน้า
ทั่วทั้งหอจันทร์แรมมีซูหย่าอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น จึงเดาได้ไม่ยากว่าใครคือคนที่สร้างขยะพวกนี้
นางได้อาจารย์แบบไหนมาเนี่ย
จวินอู๋เสียได้แต่ถามสวรรค์อย่างไร้คำพูด
ไม้กวาดสภาพน่าอนาถจมอยู่ในกองอะไรก็ไม่รู้ จวินอู๋เสียมองอยู่นาน สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง แล้วหยิบถุงมือออกมาจากถุงเอกภพ หลังจากลากเอาไม้กวาดออกมาแล้ว นางก็ลงมือต่อสู้กับกองขยะอย่างขมขื่น
ซูหย่านอนอยู่บนโซฟานุ่มบนชั้นหนึ่งและฟังเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากชั้นสอง รอยยิ้มที่ไม่เข้าใจความหมายปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของนาง จากนั้นนางก็ดื่มต่ออย่างสบายอารมณ์
จวินอู๋เสียเอาขยะที่กองอยู่ที่นั่นนานแค่ไหนก็ไม่รู้ใส่ถุงกระสอบ จากนั้นก็แบกมันลงบันไดจากชั้นสองและนำออกไปด้านนอกหอจันทร์แรมอย่างเงียบๆ เที่ยวแล้วเที่ยวเล่าโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซูหย่าก็ไม่คิดจะเอ่ยชมสักคำ ตอนที่จวินอู๋เสียเข้าๆ ออกๆ อีกหลายครั้งและเดินลงบันไดมาอีกครั้งพร้อมขยะ ซูหย่าก็กอดเหยือกสุราหลับไปแล้วบนโซฟานุ่มสบายนั้น ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ตอนนางหลับ ขาอันขาวเนียนของนางก็เผยออกมาทั้งขา และโซฟาของนางก็หันออกไปทางประตูที่เปิดอยู่ของหอจันทร์แรม!
เด็กหนุ่มหลายคนที่บังเอิญเดินผ่านหอจันทร์แรมก็สะดุดเข้ากับวิวที่ยอดเยี่ยมนั้น พวกเขาหยุดยืนอยู่นอกประตูทันทีพลางจ้องมองน้ำลายไหล
จวินอู๋เสียมองพวกหมาป่าหิวกระหายข้างนอกด้วยสายตาเย็นชา นางวางถุงขยะลงและเอาเสื้อคลุมออกจากถุงเอกภพมาคลุมขาให้ซูหย่า ซ่อนภาพอันงดงามนั้นจากสายตาของพวกเด็กหนุ่มด้านนอก
ตอนที่ 1546 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (3)
จวินอู๋เสียใช้เวลาถึงสามวันเต็มในการทำความสะอาดหอจันทร์แรม ในช่วงนั้น ภาพที่นางลากถุงขยะใบใหญ่และเล็กออกมาถูกศิษย์จำนวนมากพบเห็นเข้า เกิดเสียงโจษจันขึ้นมากมายท่ามกลางเหล่าศิษย์ใหม่ของสำนักธาราเมฆ
ตั้งแต่งานชุมนุมเทพยุทธ์ จวินอู๋เสียเจอกับเรื่องพลิกผันมากมาย ความหายากของเผ่าจ้าววิญญาณทำให้นางเป็นเป้าหมายแย่งชิงของสิบสองตำหนักทั้งหมด สร้างความอิจฉาให้กับเหล่าผู้เยาว์มากมาย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่านางจะเลือกตำหนักหยกวิญญาณที่ตกต่ำลงไปแล้ว
และหลังจากเข้าสำนักธาราเมฆ ศิษย์คนอื่นๆ ต่างเริ่มฝึกกันหมดแล้ว มีเพียงจวินอู๋เสียที่ต้องมาทิ้งขยะ ทำให้พวกผู้เยาว์ที่อิจฉาจวินอู๋เสียพากันแอบหัวเราะเยาะ
“คนเหมือนกันแต่ชีวิตไม่เหมือนกัน ข้าคิดว่าเจ้านั่นจะเก่งกาจอะไรนักหนา แต่ก็แค่นั้นแหละ ตำหนักหยกวิญญาณจะเทียบกับสิบสองตำหนักได้อย่างไร คนที่สำนักธาราเมฆไม่ได้โง่ ใครจะสอนคนจากตำหนักหยกวิญญาณอย่างจริงจังกัน” พวกผู้เยาว์รวมกลุ่มพูดคุยกันหลังการฝึกจบลง
“ข้าว่าก็ดีออก เอาขยะไปทิ้ง เหมาะกับเขาดีไม่ใช่หรือ ฮ่าๆ”
แล้วพวกผู้เยาว์ก็พากันหัวเราะ
จวินอู๋เสียออกมาจากหอจันทร์แรมและกำลังเดินทางกลับหอพัก นางก็เจอเข้ากับกลุ่มผู้เยาว์ขี้นินทากลุ่มนั้น นางเดินผ่านไปอย่างสงบ แต่เห็นได้ชัดว่าผู้เยาว์พวกนั้นไม่คิดจะปล่อยนางไปง่ายๆ แบบนั้น
“เฮ้ จวินอู๋! ห้องข้าไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายวัน ทำไมเจ้าไม่ทำความสะอาดให้ข้าด้วยเล่า”
“ใช่ๆ ๆ! ของข้าด้วย! ไม่ต้องห่วง ข้าจะจ่ายให้ ไม่ให้เจ้าทำฟรีหรอก”
“บอกให้นะจวินอู๋ ทำไมเจ้าไม่ดูแลห้องให้พี่น้องเราที่นี่เล่า แล้วพวกเราจะช่วยชี้แนะให้เจ้าสักอย่างสองอย่างนอกเวลาฝึกของเราไง ข้อตกลงดีจะตาย ไม่ใช่ว่าตอนพวกเราจบจากที่นี่กลับไปแล้ว เจ้ายังต้องอยู่ทำงานขี้ข้าพวกนี้ในสำนักต่อเล่า”
คำพูดดูถูกถากถางไล่ตามจิกกัดจวินอู๋เสียอย่างไร้ปรานีราวกับฝูงสุนัขบ้า จวินอู๋เสียเดินผ่านผู้เยาว์พวกนั้นด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ผู้เยาว์พวกนั้นเห็นจวินอู๋เสียเงียบก็ยิ่งคึกคะนอง การกระซิบกันเบาๆ ในตอนแรกก็กลายเป็นการดูถูกอย่างโจ่งแจ้งในวันนี้
กู่ซินเยียนยืนอยู่ในเงามืด มองจวินอู๋เสียเดินผ่านไปท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะเย้ยหยัน ใบหน้างามประดับด้วยรอยยิ้ม
หลินเฮ่าอวี่เดินตามหลังกู่ซินเยียนอย่างใกล้ชิด สายตาของเขามองด้านหลังจวินอู๋เสียที่ห่างออกไป ในใจเต็มไปด้วยความยินดี
กู่ซินเยียนมักจะทำดีกับจวินอู๋เสีย การใจดีแบบนี้ทำให้หลินเฮ่าอวี่อิจฉามาก เมื่อเห็นจวินอู๋เสียตกอยู่ในสภาพเลวร้ายเช่นนี้ ความยินดีในหัวใจก็ชัดเจนจนไม่จำเป็นต้องพูด นอกจากนี้กู่ซินเยียนก็แค่มองดูอยู่เงียบๆ ไม่มีทีท่าจะก้าวเข้าไปช่วยเลยสักนิด ทำให้หลินเฮ่าอวี่มีความสุขมาก
สุดท้ายแล้ว จวินอู๋ก็มีความสุขกับความรุ่งโรจน์ที่ได้มาจากความหายากของเผ่าจ้าววิญญาณเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น
ในสำนักธาราเมฆ ข้อได้เปรียบของการเป็นคนจากเผ่าพิเศษได้สิ้นสุดลงทันทีที่เขาเลือกตำหนักหยกวิญญาณ พวกเขาเริ่มการฝึกที่แท้จริงกันแล้ว แต่สำนักธาราเมฆกลับให้จวินอู๋ทำงานคนใช้ ช่างปฏิบัติได้แตกต่างกันเหลือเกิน
“น่าสมเพช ดูเหมือนสำนักธาราเมฆจะไม่ให้ความสำคัญกับเผ่าจ้าววิญญาณเท่าไรนัก ตอนนี้จวินอู๋ไม่ได้รับการชี้แนะที่เหมาะสมและยังไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่กลับกลายมาเป็นภารโรงของสำนักธาราเมฆแทน ข้าว่าเขาคงไม่มีโอกาสได้ออกไปจากที่นี่ชั่วชีวิตแล้ว” น้ำเสียงของหลินเฮ่าอวี่มีความเห็นอกเห็นใจอย่างมาก แต่สีหน้าไม่มีความเมตตาใดๆ กลับเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยแทน
กู่ซินเยียนชำเลืองมองหลินเฮ่าอวี่ สถานการณ์ตอนนี้ของจวินอู๋ย่ำแย่จริงๆ ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเลวร้ายอย่างมาก