ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1591 สาขาจ้าววิญญาณ (1) / ตอนที่ 1592 สาขาจ้าววิญญาณ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1591 สาขาจ้าววิญญาณ (1) / ตอนที่ 1592 สาขาจ้าววิญญาณ (2)
ตอนที่ 1591 สาขาจ้าววิญญาณ (1)
เมื่อเจอกับสายตาคมกริบของซูหย่า เทียนเจ๋อก็ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ได้แต่พยักหน้าตกลง
ในวันเดียวกันนั้นเอง สำนักธาราเมฆก็ประกาศว่ามีการเปิดสาขาใหม่หนึ่งสาขา!
สาขาจ้าววิญญาณ!
อาจารย์…ซูหย่า
ศิษย์…จวินอู๋
ทั้งสาขามีอาจารย์กับศิษย์อยู่แค่สองคน!
ป้ายที่สลักตัวอักษรสามตัวว่า ‘หอจันทร์แรม’ ถูกนำลงมา และแทนที่ด้วยป้ายที่อ่านว่า ‘สาขาจ้าววิญญาณ’
ศิษย์ทุกคนในสำนักธาราเมฆที่มักจะรู้สึกว่าสำนักเข้มงวดเกินไปและไม่ผ่อนปรน ก็ต้องประหลาดใจที่ได้เห็นว่าสำนักธาราเมฆก็ทำอะไรตามใจชอบแบบนี้ได้ด้วย
เรื่องซูหย่าตบสวี่มู่กระจายไปทั่วสำนักธาราเมฆแล้ว สวี่มู่นอนอยู่บนเตียงสามวันสามคืนยังไม่ฟื้น พวกศิษย์ที่สนิทสนมกับสวี่มู่ก็ไปร้องไห้น้ำมูกน้ำตานองหน้ากับอาจารย์ในสาขาของพวกเขา ขอให้ทวงความยุติธรรมให้สวี่มู่
ผลก็คือ เมื่ออาจารย์ของสวี่มู่ได้ยินว่าเหตุเกิดที่หอจันทร์แรม พวกเขาก็บอกทันทีว่า ”ให้สวี่มู่พักรักษาตัวให้ดีๆ ข้ามีธุระ ต้องไปแล้ว”
สาขาลึกลับพิสดารถูกสร้างขึ้นมาตามใจชอบเรียบร้อย บวกกับการตบตีของซูหย่า ทำให้ทุกคนไม่กล้าเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวประตูสาขาจ้าววิญญาณอีกต่อไป หากจำเป็นต้องผ่าน พวกเขาก็จะอ้อมไปโดยเลือกทางที่ไกลที่สุด ยิ่งไกลยิ่งดี ไม่มีใครกล้าด่าจวินอู๋เสียที่ด้านนอกสาขาจ้าววิญญาณเลยสักคน
ทุกคนตระหนักดีแล้วว่า จวินอู๋ที่ใครๆ ต่างก็คิดว่าเป็นขยะที่ถูกสำนักธาราเมฆทอดทิ้งนั้น มีอาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักธาราเมฆ!
ความจริงที่โหดร้ายได้ตบหน้าพวกสอดรู้อยู่ทุกวินาที คำเยาะเย้ยถากถางที่พวกเขาพูดกับจวินอู๋เสียในอดีต บัดนี้ถูกเขวี้ยงกลับใส่หน้าพวกเขาด้วยพลังของซูหย่า
คนอื่นมีอาจารย์หนึ่งคนสอนศิษย์หลายสิบคน ขณะที่จวินอู๋เสียได้รับการสอนแบบตัวต่อตัว ยิ่งกว่านั้นพลังของซูหย่าก็เหนือกว่าอาจารย์จากสาขาอื่นทุกคน แถม…
ยังดูเพลินตาเพลินใจอย่างมาก!
ความเผด็จการและความแข็งแกร่งของซูหย่าทำให้คนจำนวนมากขาสั่นด้วยความหวาดกลัว
แต่ในขณะเดียวกัน ความงามของซูหย่าก็ทำให้พวกวัยรุ่นทั้งหลายใจเต้นแรง
คนจำนวนไม่น้อยถึงกับหาข้ออ้างมาแอบซุ่มอยู่ที่นอกสาขาจ้าววิญญาณ หาเหตุผลสารพัดมาเพื่อจะทิ้งสาขาเดิมของตัวเองและย้ายเข้ามาอยู่สาขาจ้าววิญญาณที่ตั้งขึ้นใหม่
สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนคาดไม่ถึงจริงๆ
นี่แสดงให้เห็นเลยว่า ต่อหน้าความงามและพลังอันแข็งแกร่งนั้น สมองของใครหลายๆ คนจะใช้การไม่ได้
น่าเสียดายที่ประตูของสาขาจ้าววิญญาณปิดตลอดเวลา จะเปิดเฉพาะตอนที่จวินอู๋เสียเข้าหรือออกเท่านั้น พวกผู้เยาว์ด้านนอกที่อยากแอบมองความงามของซูหย่าจึงไม่มีโอกาสได้เห็น แม้ว่าพวกเขาจะรอคอยด้วยความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นก็ตาม
จวินอู๋เสียค่อยๆ ค้นพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับชีวิตนาง พวกผู้เยาว์ที่เคยดูถูกเหยียดหยามและล้อเลียนนาง คนที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าจะเหยียบย่ำนางให้จมดิน ตอนนี้เริ่มยิ้มให้นางแล้ว บางคนถึงขนาดพยายามเข้ามาคุยด้วย แต่ทุกคนล้วนถูกสายตาเย็นชาของนางไล่กลับไป
แต่การเป็นศัตรูและการคว่ำบาตรที่นางเจอมาตลอดได้ลดลงอย่างมาก
ทุกคนถ้าไม่หวาดกลัวพลังที่แข็งแกร่งของซูหย่า ก็จะพยายามเอาชนะใจจวินอู๋เสียเพื่อจะได้รับความสนใจจากอาจารย์ที่งดงามและทรงพลังคนนั้น
จวินอู๋เสียรู้สึกว่า…
แทนที่จะต้องทนกับรอยยิ้มจอมปลอมพวกนี้ทุกวัน นางยินดีเจอกับการดูถูกเหยียดหยามจากคนพวกนี้มากกว่า
ขณะที่ชีวิตของจวินอู๋เสียเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ชีวิตของหลินเฮ่าอวี่ก็อยู่ในสภาพที่เหมือนตกนรกทั้งเป็น
เฉียวฉู่ยังคงตามแกล้งหลินเฮ่าอวี่ไม่หยุด และเหตุการณ์ที่สวี่มู่ไปหาเรื่องจวินอู๋เสีย แต่ถูกซูหย่าตบสั่งสอนกลับมาอย่างสาหัสก็ไปเข้าหูของกู่ซินเยียน
ตอนที่ 1592 สาขาจ้าววิญญาณ (2)
เฉียวฉู่ยังคงตามแกล้งหลินเฮ่าอวี่ไม่หยุด และเหตุการณ์ที่สวี่มู่ไปหาเรื่องจวินอู๋เสีย แต่ถูกซูหย่าตบสั่งสอนกลับมาอย่างสาหัสก็ไปเข้าหูของกู่ซินเยียน
“หลินเฮ่าอวี่! เจ้าฟังคำพูดข้าไม่เข้าใจหรืออย่างไร!” กู่ซินเยียนจ้องหลินเฮ่าอวี่ด้วยความโกรธ นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลินเฮ่าอวี่ทำเรื่องบ้าแบบนี้ลับหลังนาง
นางบอกหลินเฮ่าอวี่อย่างชัดเจนแล้วหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้ไปหาเรื่องจวินอู๋อีก แต่หลินเฮ่าอวี่ก็ยังแอบไปหาสวี่มู่ลับหลังนางเพื่อที่จะกำจัดจวินอู๋ เมื่อได้ยินข่าว กู่ซินเยียนก็รู้สึกกลัวจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
นางรู้ถึงความแข็งแกร่งของสวี่มู่ดี เนื่องจากเขาเป็นผู้นำศิษย์รุ่นเยาว์ของตำหนักมารโลหิต พลังวิญญาณของจวินอู๋จะเทียบกับสวี่มู่ได้อย่างไร
เจตนาของหลินเฮ่าอวี่ชัดเจนมาก!
ถ้าไม่เพราะรู้ว่าจวินอู๋ปลอดภัยดี กู่ซินเยียนคงนั่งไม่ติดแล้ว
หลินเฮ่าอวี่มีแผลใหญ่ที่ใบหน้าซึ่งเกิดจากเฉียวฉู่ทำไว้เมื่อเช้านี้ เขาเพิ่งทายาที่แผล โอสถวิเศษนั้นแสบมากจนทำให้ใบหน้าของเขากระตุกเป็นระยะๆ เมื่อเขาเห็นกู่ซินเยียนเข้ามาด่าเขาอย่างรุนแรง นางไม่ห่วงอาการบาดเจ็บของเขาเลยสักนิด แต่กลับมาที่นี่เพื่อด่าเขาเรื่องจวินอู๋ ในใจของหลินเฮ่าอวี่ก็เต็มไปด้วยความโกรธและน้อยใจ
“ซินเยียน! คนที่ยังไม่ได้สติน่ะคือเจ้า! จวินอู๋เป็นคนของตำหนักหยกวิญญาณ! มันขีดเส้นระหว่างเราชัดเจนแล้ว มันทำร้ายตำหนักมารโลหิตเราถึงขนาดนี้แล้วนะ! ตอนนี้เจ้าไม่เพียงไม่วางแผนแก้แค้นมัน แต่ยังเป็นห่วงมันอีก ซินเยียน! เจ้าคิดอะไรอยู่ ไอ้หมอนั่นมันดีขนาดนั้นเลยหรือ” หลินเฮ่าอวี่ทนความเจ็บปวดที่ใบหน้าและตะโกนระบายคำพูดที่เก็บไว้ในใจมานาน
กู่ซินเยียนหน้าซีดและหลบตาทันที ”เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร ข้าไม่เข้าใจสักนิด ข้าทำแบบนี้ก็เพื่อความมั่นคงของตำหนักมารโลหิต สถานการณ์ของตำหนักมารโลหิตในตอนนี้ยังจะมีเวลาว่างไปหาเรื่องเขาอีกหรือไง”
หลินเฮ่าอวี่ยิ้มอย่างขมขื่น ”ซินเยียน เจ้าคิดว่าเจ้าหลอกข้าได้หรือ”
กู่ซินเยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปัดความไม่สบายใจออกไป นางมองหลินเฮ่าอวี่อย่างจริงจังและพูดว่า ”เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง ข้าทำเช่นนี้เพื่อตำหนักมารโลหิต”
นางไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่มีต่อจวินอู๋ได้ แต่ที่นางห้ามหลินเฮ่าอวี่จัดการจวินอู๋ ไม่ใช่แค่เพราะความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น
สถานการณ์ของตำหนักมารโลหิตในตอนนี้เลวร้ายมาก แค่ปกป้องตัวเองยังลำบาก พวกเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปจัดการจวินอู๋
หลินเฮ่าอวี่แอบลงมือทำเอง ไม่เพียงไม่สำเร็จ ยังทำให้สวี่มู่ถูกซ้อมด้วย นางไปดูสวี่มู่มาแล้ว อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมากทีเดียว เส้นลมปราณของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่เขาได้มาอย่างยากลำบากก็เสียหายไปด้วย บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ อย่าว่าแต่จะหายดีเลย แค่จะรักษาสิ่งที่มีอยู่เดิมเอาไว้ก็ยากมากแล้ว
สวี่มู่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ไม่เลว บิดาของกู่ซินเยียนเองก็ตั้งความหวังกับเขาเอาไว้สูง จะให้ตำหนักมารโลหิตเสียคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเช่นนี้ไม่ได้ กู่ซินเยียนต้องคิดหาทางช่วยสวี่มู่
“ข้าให้คนนำจดหมายกลับไปส่งที่ตำหนักแล้ว อาการบาดเจ็บของสวี่มู่ ผู้รักษาทั่วไปรักษาไม่ได้ ข้าหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนให้เจ้า วันหน้าจะทำอะไรก็ใช้สมองด้วย!” กู่ซินเยียนทิ้งคำพูดเย็นชาเอาไว้ แล้วหมุนตัวเดินจากไป
หลินเฮ่าอวี่มองตามแผ่นหลังที่มุ่งมั่นของกู่ซินเยียน ในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความเกลียดชังที่เขามีต่อจวินอู๋เสียไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับคำรามอยู่ภายในอย่างรุนแรง
“จวินอู๋ สักวันข้าจะให้เจ้าชดใช้!”